วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล WARRIX เปิดเกมรุกเวทีโลก - Forbes Thailand

วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล WARRIX เปิดเกมรุกเวทีโลก

ชัยชนะของแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาสัญชาติไทยที่สามารถแจ้งเกิดในสนามแข่งระดับโลกจากการบุกเบิกตลาดสินค้าลิขสิทธิ์เป็นสปอนเซอร์ทีมฟุตบอลแบบป่าล้อมเมือง และขยายฐานสร้างการรับรู้ยังต่างประเทศพร้อมใช้แต้มต่อเสริมความแข็งแกร่งสู่ผู้นำธุรกิจ Sport-Health & Culture


    ภาพรวมอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬามีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องประมาณ 15-20 % ต่อปี จากมูลค่าราว 3 หมื่นล้านบาท ในปัจจุบันตามเทรนด์สุขภาพและกีฬาที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นรวมถึงการแข่งขันสำคัญที่กลับมาหลังวิกฤตโควิด-19 เช่น FIFA World Cup 2022,
AFF Mitsubishi Electric Cup 2022 และ Olympic 2024 ล้วนเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้อง

    “เราชอบด้านการตลาดและการขายจึงเริ่มงานด้านการตลาดที่เครือซิเมนต์ไทยได้เรียนรู้ระบบขององค์กรขนาดใหญ่และตลาดต่างจังหวัด หรือ local marketing ก่อนจะย้ายไปนันยางทำเกี่ยวกับส่งออกเสื้อผ้าให้แบรนด์กีฬาดัง ทำให้รู้เทคนิคการพัฒนาสิ่งทอเป็นเสื้อกีฬาและเข้าใจลักษณะตลาดตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ"

    โดยเรายังเห็นโอกาสธุรกิจการส่งออกสินค้ากีฬาเป็น global trend และไลฟ์สไตล์การใส่เสื้อกีฬาในชีวิตประจำวันมากขึ้น รวมถึงช่องว่างการตลาดแบรนด์ไทยและต่างประเทศที่ราคาแตกต่างกันมาก

    วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ WARRIX กล่าวถึงความพร้อมในการคว้าโอกาสทางธุรกิจจากประสบการณ์ทำงานที่สั่งสมนับตั้งแต่สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และทำงานเป็นนักการตลาดฝ่ายผู้แทนจำหน่ายที่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ประมาณ 3 ปี และรับตำแหน่งฝ่ายขายต่างประเทศในเครือนันยางอีก 3 ปี 

    จนกระทั่งเล็งเห็นช่องว่างทางธุรกิจในตลาดเฉพาะกลุ่มหรือ niche market จึงตัดสินใจลาออกเพื่อมาก่อตั้ง บริษัท คัฟเวอร์แนนท์ จำกัด ในปี 2546 แม้ขณะนั้นอุตสาหกรรมสิ่งทอจะเป็นสนามแข่งของแบรนด์ยักษ์ใหญ่ที่ครองตลาดเป็นเวลานาน และถูกมองเป็นธุรกิจ sunset

    จากปัญหารอบด้าน ทั้งต้นทุนการผลิต เครื่องจักร การขาดแคลนแรงงาน และการแข่งขันที่รุนแรงแต่วิศัลย์ในวัย 28 ปี สามารถเปลี่ยนน่านน้ำธุรกิจจากเรดโอเชียนเป็นบลูโอเชียนได้สำเร็จ ด้วยการเลือกผลิตสินค้าคุณภาพดีจำนวนน้อย ซึ่งโรงงานส่วนใหญ่มักจะปฏิเสธ เพราะต้องการรับแต่ออร์เดอร์ล็อตใหญ่ 

    โดยเริ่มรับงานแรกจากการทำงานตัดชุดนักเรียนส่งโรงเรียนนานาชาติ และขยายธุรกิจผลิตเสื้อยูนิฟอร์มพนักงานและเสื้อพรีเมียมของบริษัทสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังได้ร่วมวิจัยพัฒนานวัตกรรมเสื้อกันยุงและจีวรกันยุงปฏิวัติวงการสิ่งทอไทย 

    “ปรัชญาในการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจของเราคือ คนที่หิวเงินจะไม่มีวันอิ่ม ซึ่งขัดแย้งกับโรงเรียนธุรกิจที่เน้นกำไรสูงสุด โดยเรามองว่าการใช้ความโลภนำาทุกอย่างอาจจะสร้างปีศาจในสังคม แม้การทำธุรกิจต้องมีกำไร แต่กำไรต้องไม่ใช่อันดับแรก เมื่อเราใช้หลักการนี้ เรามองคู่แข่งเป็นมิตรได้ อย่างปีใหม่ผมก็ถือกระเช้าเข้าไปหาคู่แข่งซึ่ง friendly competitor ไม่ใช่แค่รับนัดแต่ยังให้คำแนะนำเวลาเรามีปัญหาได้"


ยกระดับแบรนด์คุณภาพ

    Warrix เริ่มจากการที่ผมช่วยเพื่อนทำธุรกิจเสื้อผ้ากีฬาและสะดุดระหว่างทาง ซึ่งเมื่อเราเข้าไปช่วย เขาแล้วแนวทางไม่ตรงกัน เราจึงเริ่มธุรกิจของตัวเองและสร้างแบรนด์ที่สะท้อนตัวตนเจ้าของแบรนด์จากชื่อผมวิศัลย์ ที่มีประวัติสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็กจึงนำาคำว่า warrior ตัดทอนให้เหลือ Warrix และสร้างการรับรู้แบรนด์จากคาแร็กเตอร์ของผมที่สนุกกับการใช้ชีวิตและ journey ผมในการสร้างแบรนด์ 

   วิศัลย์เน้นชูจุดเด่นความเป็นแบรนด์ไทยที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ซึ่งสินค้าที่จัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์วอริกซ์เป็นสินค้าที่ผลิตใประเทศเกือบทั้งหมด เพื่อให้สามารถพัฒนาและควบคุมคุณภาพสินค้าได้ตามเกณฑ์มาตรฐานที่บริษัทกำหนด รวมทั้งการควบคุมต้นทุนและราคาสินค้าให้ผู้ซื้อมั่นใจในคุณภาพของสินค้าเทียบเท่าแบรนด์ต่างประเทศในราคาที่เหมาะสม

    ขณะเดียวกันบริษัทยังใช้กลยุทธ์ Local Marketing ด้วยการเป็นสปอนเซอร์ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้ากีฬาให้กับนักฟุตบอลทีมสโมสรตามต่างจังหวัดทั่วทุกภูมิภาค



    ในปี 2557 ถึงปัจจุบันมีการใช้ชุดกีฬาของวอริกซ์รวมกันกว่า 20 ทีม รวมทั้งยังได้สิทธิ์เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายชุดแข่งขันให้ทัพฟุตบอลทีมชาติไทยประจำปีและสินค้าที่ระลึก เช่น ชุดแข่งขัน ชุดซ้อม ชุดลำลอง ชุดเดินทาง ถุงเท้า กระเป๋ากีฬา เสื้อเชียร์ทีมชาติไทย เสื้อที่ระลึก ทำให้ชื่อแบรนด์วอริกซ์เป็นที่รู้จักและเติบโตมากขึ้นในวงการกีฬา

    “ผมเจอร้านค้า traditional trade เกือบทั่วประเทศ เพื่อขอร้องให้ช่วยขายของเราเพราะเราเป็นแบรนด์ใหม่ เขาไม่มีเหตุผลที่จะซื้อเรา ช่วงแรกๆ ก็เหนื่อยต้องรอเขาปิดร้านจึงมีเวลาคุยกับเรา แต่จากการที่เราใช้เครื่องมือทางการตลาดเรื่อง license marketing เป็นสปอนเซอร์ทีมฟุตบอลระดับจังหวัด และค่อยๆ ขยายในปีถัดไปทำให้ยอดขายเราเติบโตขึ้น”

    นอกจากนั้น วิศัลย์ยังขยายฐานการรับรู้แบรนด์ไปยังต่างประเทศ โดยได้สิทธการสนับสนุนผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายให้นักกีฬาฟุตบอลทีมชาติเมียนมาด้วย

    การเซ็นสัญญากับ Myanmar Football Federation (MFF) เป็นระยะเวลา 6 ปีและเคยร่วมสนับสนุนสโมสรในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว มาเลเซีย 

    รวมถึงเป็นแบรนด์สัญชาติไทยแบรนด์แรกที่ได้เซ็นสัญญากับสโมสรฟุตซอลระดับท็อป 3 ของประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ ทีมบาร์ดรอล อุรายาสึ ซึ่งบริษัทได้พิจารณาจัดตั้ง Warrix Holding Pte.Ltd. ประเทศสิงคโปร์ เพื่อเป็นบริษัทที่จะลงทุนในต่างประเทศและขยายไปยังทวีปยุโรปในอนาคต

    “สัดส่วนรายได้หลักของเรามาจาก license ประมาณ 20-30% ส่วนใหญ่ยอดขายเรามาจากแบรนด์ Warrix มากกว่า เพราะ brand awareness และการทำตลาดออนไลน์ที่เราเริ่มเข้าไปตั้งแต่ปี 2560 จากทีมงานที่ขอลงทุนเรื่อง Facebook และ challenge ผมว่าถ้าอนุมัติในสิ่งที่ไม่เข้าใจเขาจะไม่ทำงานกับผม ทำให้เราเปิดใจขอเวลา 55 ชั่วโมงเรียนออนไลน์เรื่อง customer journey และ online marketing หรือ digital marketing กลายเป็นการเปิดโลกทัศน์และสนุกกับการสร้างแบรนด์ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีในการทำธุรกิจ”



เติมเต็มพอร์ตสุขภาพไลฟ์สไตล์

    เทรนด์กีฬาและสุขภาพที่ได้รับความนิยมทั่วโลกทำให้วิศัลย์เล็งเห็นโอกาสขยายพอร์ตธุรกิจสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจ sport-health & lifestyle แบบครบวงจร 

    ด้วยความมั่นใจในโมเดลธุรกิจที่แตกต่างและข้อได้เปรียบจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทีมงานด้านการพัฒนานวัตกรรมเส้นใยและคุณภาพผลิตภัณฑ์ แบรนด์สินค้า ช่องทางการจัดจำหน่าย และการใช้ data driven with marketing strategy เพิ่มประสิทธิ-ภาพการบริหารงาน

    ทั้งยังมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งด้าน sport licensing ซึ่งบริษัทได้รับสิทธิสนับสนุนฟุตบอลทีมชาติไทยเป็นระยะเวลา 12 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2571 รวมถึงทีมสโมสรฟุตบอล สถานศึกษา องค์กรชั้นนำต่างๆ และมหกรรมกีฬาระดับภูมิภาคอย่างฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน

    “ช่วง 3 ปีแรกผมต้องสู้และสร้าง ทำให้มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ เช่น การออกแบบสินค้าที่มี trend setter รายใหญ่รายเดิมอยู่มาก่อนเรา 50-70 ปี ซึ่งเราต้องอยู่ให้ได้ก่อนและไปต่อจากการใช้ license ทำให้สามารถเปลี่ยนเป็น trend setter ได้เช่นเดียวกับการทำธุรกิจที่เราเป็น game changer เปลี่ยนเกมให้คู่แข่งวิ่งตาม" 

    ส่งผลให้คุณภาพเสื้อในตลาดดีขึ้น ดีไซน์แข่งขันกับสากลได้ การค้าขายมีประสิทธิภาพ และการแข่งขันเป็นธรรมมากขึ้น โดยส่วนหนึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงธุรกิจรับจ้างผลิตเป็นการสร้างแบรนด์ส่งออกสร้างมูลค่าเพิ่มรวมถึงจุดแข็งเทคโนโลยีสิ่งทอ วัตถุดิบการผลิต 

    ซึ่งเรามีทีมดีไซน์พัฒนาร่วมกับ outsource ที่มีชื่อเสียงและเทคโนโลยีการผลิตรวดเร็วกว่าแบรนด์เบอร์ต้นๆ ของโลก ซีอีโอวัย 48 ปี กล่าวถึงจุดแข็งธุรกิจที่มั่นใจในการต่อยอดศูนย์วิทยาศาสตร์และการกีฬาหรือ Warrix Physiotherapy & Performance Studio ของบริษัทซึ่งให้บริการด้านการรักษา ฟื้นฟู ให้คำปรึกษาและองค์ความรู้ด้านโภชนาการจากทีมนักกายภาพที่ได้รับใบอนุญาตและเทรนเนอร์มืออาชีพ

    ด้วยหลักสูตรเฉพาะสำหรับฟุตบอล มาราธอน กอล์ฟ จักรยาน และออฟฟิศซินโดรม โดยเปิดให้บริการ 2 สาขา ได้แก่ Stadium One และศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งต่อยอดเป็น Warrix Run Hub เพื่อพัฒนาศักยภาพนักกีฬาและผู้ชอบการออกกำลังกาย รวมถึงร้านขายสินค้าและอุปกรณ์วิ่ง 



    นอกจากนั้น วิศัลย์ยังมุ่งมั่นนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เพื่อระดมทุนใช้ในโครงการ Warrix Lifestyle@ Siam Square สาขาใหม่ รวมถึงโครงการศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาและสำนักงาน บริเวณถนนพระราม 9 

    โดยพัฒนาเป็นอาคารศูนย์สุขภาพและกายภาพบำบัดบริเวณจุดยุทธศาสตร์ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2567 และนำาเงินส่วนที่เหลือไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายกิจการหรือดำเนินการโครงการต่างๆ ในอนาคต



    วิศัลย์ปิดท้ายถึงหลักการบริหารธุรกิจซึ่งให้ความสำคัญกับทรัพยากรบุคคล โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ การทำให้ดูเป็นตัวอย่าง การทำคนละครึ่ง และการให้อิสระทีมงานอย่างเต็มที่ พร้อมช่วยแก้ไขเมื่อเกิดข้อผิดพลาดและใช้เป็นบทเรียนพัฒนาต่อในครั้งหน้า รวมถึงถ่ายทอดประสบการณ์ในอดีตให้ทีมงานได้เรียนรู้จากความผิดพลาดที่ผ่านมา

    “ผมย้ำกับทีมงานเสมอเรื่องจริยธรรมกับธุรกิจ ซึ่งผมให้ความสำคัญกับเรื่องบุญคุณและศีลธรรม โดยเราต้องการเป็นแบรนด์ที่มี impact ต่อสังคม และ position ว่าเราจะเป็น regional brand ในอาเซียน ถ้าตอนนี้เราขายของให้คนแค่ 1% ของอาเซียน เรายังไม่มี impact แต่ถ้าเราขาย 20-30% ในอาเซียนเราจึงมี impact"

    ดังนั้น ผมต้องพาแบรนด์ Warrix ให้ถึงหมื่นล้าน จากวันนี้เราเป็นแบรนด์พันล้านอีก 4 ปีเราเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าเกือบ 3พันล้าน หลังจากนั้นเราต้อง speed up เป็นแบรนด์หมื่นล้านในอาเซียน ซึ่งแปลว่าผมกำลัง interact กับประชากรในอาเซียนโดยเฉพาะประเทศไทย และกลายเป็นแบรนด์ที่สร้างประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ความสุข ความสนุก สุขภาพ



ภาพ: วิรัชญ์ แพทยานันท์

อ่านเพิ่มเติม: ศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์ ปลุก “จระเข้” ด้วยนวัตกรรม


คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ในรูปแบบ e-magazine