ธนากร ธนวริทธิ์ อีกหนึ่งผู้สร้างฝันให้เป็นความจริง ผ่าน ออลล์ อินสไปร์ บริษัทอสังหาฯ น้องใหม่ ที่ชื่อสื่อถึงการทำหมดใจผ่านแรงบันดาลใจกับใจรักที่มีเต็มร้อย ที่เปิดตัวมาเพียง 4 ปีก็สามารถนำกิจการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย MAI ได้
นั่นคือเส้นทางการเติบโตที่รวดเร็วของบริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL ภายใต้การบริหารของ ธนากร ธนวริทธิ์ ซีอีโอสู้ชีวิตที่วันนี้เป็นทั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ก่อตั้ง และเป็นเจ้าของ โดยตระกูลธนวริทธิ์ยังคงถือหุ้นใน ALL รวมกันมากกว่า 73% สี่ปีแรกคือการสร้างตัวก่อนเข้าตลาดฯ และภายหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ALL สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยรายได้ 2.34 พันล้านบาทในปี 2561 และปี 2562 ผ่านมา 9 เดือน ALL ทำรายได้ไปแล้ว 2.33 พันล้านบาทเกือบเท่ายอดรายได้ทั้งปีของปี 2561 การเติบโตของบริษัททะยานขึ้นมาอย่างชัดเจนเมื่อปี 2561 โดยก่อนหน้านั้นก็เติบโตต่อเนื่องในขั้นตอนของการตั้งตัว ความสำเร็จมาเยือนนักธุรกิจหนุ่มวัย 45 ปีตามเป้าหมายที่เขาวางไว้ โดยทุกอย่างล้วนสร้างขึ้นจากความฝันที่ มุ่งมั่นมาตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งธนากร หรือกอล์ฟ เป็นลูกชายคนที่ 3 จากพี่น้อง 6 คน ครอบครัวของเขาพบกับความยากลำบากเมื่อสูญเสียบิดาไปโดยขณะนั้นเขายังเรียนหนังสืออยู่ชั้นป.6 ความคิดที่จะต้องหาเงินมาช่วยมารดาที่ต้องดูแลลูก 6 คน ทำให้ธนากรเริ่มทำงานหารายได้ตั้งแต่นั้นมา “ผมเลือกทำงานโรงแรม เพื่อจะได้ shift ตัวเองด้านภาษา ได้ฝึกภาษาแบบใช้งานจริง และที่โรงแรมมีอาหารเลี้ยง ทำให้เก็บเงินให้แม่ได้เต็มที่” นั่นคือความคิดของธนากรในช่วงรอยต่อวัยรุ่นกับวัยเริ่มต้นทำงานที่เปิดใจกับทีมงาน Forbes Thailand ก่อนจะเล่าว่าฝันแรกของเขาคือ “อยากรวย อยากมีเงินมาจุนเจือครอบครัว” ในขณะที่ใช้ชีวิตเป็นพนักงานประจำมาเกือบ 20 ปี คลุกคลีในแวดวงธุรกิจค้าปลีกอยู่ 4-5 บริษัทตั้งแต่ร้านกาแฟโกลบอลเชนอย่างสตาร์บัคส์ มาสู่ธุรกิจ QSR (Quick Service Restaurant) ธุรกิจโทรคมนาคมมาจนถึงร้านสะดวกซื้ออันดับ 1 ที่ครอบคลุมพื้นที่ขายทุกหัวระแหงอย่าง 7-Eleven โดยธนากรทำงานในฝ่ายปฏิบัติการ แต่สนใจใคร่รู้ไปทุกฝ่าย ทำให้สั่งสมประสบการณ์มารอบด้านทั้งเรื่องการเลือกทำเล การวิเคราะห์ฐานข้อมูล การวางแผนการตลาด แม้กระทั่งบริหารการเงิน เขาก็ไม่วายจะขอเก็บเกี่ยวความรู้จากเพื่อนร่วมงาน ประสบการณ์หล่อหลอมเขาเรื่อยมา “เวลาเข้าไปที่ไหนช่วงเริ่มต้นผมก็คิดเหมือนที่ Jack Ma บอก เราจะได้ทำทุกอย่าง คือเราอยากเรียนรู้ทุกอย่าง อยากจะเป็นเจ้าของกิจการ เป็นลูกจ้างแต่ทำงานเหมือนเป็นกิจการตัวเอง พอหมดหน้าที่โดยตรงก็ไปขอเรียนรู้เรื่องการเงิน เรื่องการพัฒนาธุรกิจ”
สะสมทุนจากบ้านเดี่ยวให้เช่า
ขณะที่ความขยันและการเรียนรู้ก็ทำให้เขาก้าวสู่การเป็นพนักงานที่มีเงินเดือนสูงขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มมองหาโอกาสและออกแบบการลงทุนสำหรับตัวเอง พอทำงานได้ระยะหนึ่ง มีครอบครัวต้องซื้อบ้านในใจเขาต้องการอยู่บ้านเดี่ยวแต่รายได้ยังไม่เอื้อ แม้จะมีกำลังผ่อนบ้านเดี่ยวได้แต่ก็ต้องแลกกับรายได้เกือบทั้งหมด ซึ่งจะทำให้เขาไม่เหลืออะไร
“ผมเลยคิดว่าอยู่ทาวน์เฮ้าส์ไปก่อน และซื้อบ้านเดี่ยวเพื่อการลงทุนให้ฝรั่งเช่า โดยซื้อใกล้กับโรงเรียนนานาชาติ และตกแต่งให้เป็นสไตล์ที่ฝรั่งชอบ ตอนนั้นซื้อบ้านราคา 6 ล้านบาท ปล่อยเช่าได้เดือนละ 7 หมื่นบาท ขณะที่สินเชื่อแบงก์ผ่อนเดือนละ 3.9 หมื่นบาท ยังมีเงินเหลือเป็นรายได้อีก” เป็นการคิดแบบนักลงทุนที่ไม่ได้มุ่งหวังกำไรเพียงอย่างเดียวแต่ต้องการเก็บบ้านไว้เป็นที่อยู่ในบั้นปลายชีวิต
แต่ยังไม่ถึงครึ่งทางฝัน 5 ปีให้หลังมีคนมาขอซื้อบ้านหลังนั้นพร้อมผู้เช่า เขาไม่อยากขายจึงเรียกราคาไป 10 ล้านบาท แต่คนซื้อต่อรองเหลือ 9.5 ล้านบาท เขาตัดสินใจขายไปโดยได้กำไรมากว่า 40% มีเงินสดเพิ่มเข้ามากว่า 3 ล้านบาท นี่คือจุดเริ่มต้นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่เห็นผลตอบแทนชัดเจน
หลังจากลงทุนต่อเนื่องมาเกือบ 10 ปี ก็เริ่มคิดว่า น่าจะเริ่มต้นทำโครงการเพราะชอบอสังหาริมทรัพย์ ตอนนั้นเขามีเงินเก็บบางส่วนและมีทรัพย์สินเป็นบ้านที่นำไปรีไฟแนนซ์มาเป็นเงินทุนได้อีกส่วน
ธนากรก่อตั้งบริษัท ออลล์ อินสไปร์ เมื่อปี 2556 จากนั้น ปี 2557 เริ่มพัฒนาโครงการแรก “ดิ เอ็กเซล แบริ่ง” เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 8 ชั้น 60 ยูนิต ซึ่งขายหมดภายในเดือนเดียวด้วยราคาขายเริ่มต้นที่ 1.59 ล้านบาท เมื่อโครงการแรกประสบความสำเร็จ โครงการที่ 2 และ 3 ก็ตามมาด้วยความมั่นใจ
เส้นทางผู้ประกอบการ
ธนากรก่อตั้งบริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ด้วยทุนส่วนตัวจากเงินออมและอสังหาริมทรัพย์ที่ถืออยู่ในขณะนั้นนำมาแปลงเป็นเงินทุน เขาเริ่มต้นบริษัทด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท และแน่นอนมันเป็นบริษัทในความใฝ่ฝันมาทั้งชีวิตของเขา ซึ่งตอนที่ตั้งบริษัทนั้นธนากรอายุ 39 ปี แต่การทำบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้ง่ายเหมือนการไปซื้ออสังหาฯ มาปล่อยเช่า
“เราเป็นรายใหม่ แน่นอนว่า ต้องทำงานหนักกว่าคนที่ทำมาแล้ว 30 ปี เราต้องไม่ทำเหมือนเขา เพราะคงไม่มีช่องให้เกิดแน่ผมต้องหา way ของผม ไม่ไปแย่งของพี่ใหญ่หากลุ่มของเราให้เจอ ต้องเอากลุ่มที่พี่ใหญ่เอื้อมไม่ถึงหรือมองข้าม ในโลกนี้ไม่มีใครกินรวบทุกตลาด ทุกคนต้องเข้าใจตลาดและหาลูกค้าตัวเองให้เจอ”
นั่นคือหลักคิดเบื้องต้นของธนากรในก้าวแรกของการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การหาตลาดของตัวเองให้เจอไม่เฉพาะการออกแบบ แต่เริ่มตั้งแต่การหาที่ดิน ความเชี่ยวชาญในการเลือกทำเลทำให้เขาเสาะแสวงหาทำเลดีที่มีความต่าง เช่น อยู่ในซอยลึกเข้าไปหน่อยราว 700-800 เมตร แต่ยังคงเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าเพื่อจะสร้างคอนโดที่มีขนาดห้องใหญ่กว่าในระดับราคาเดียวกัน
แน่นอนเขาเจาะตลาดแมสแต่เป็น “พรีเมียมแมส” คือต้องให้มากกว่า ห้องใหญ่กว่า สิ่งอำนวยความสะดวกดีกว่า ดูสวยและมีระดับกว่า 2.4 หมื่นล้านใน 6 ปี
ALL ใช้เวลานับตั้งแต่เปิดบริษัทมาถึงปัจจุบันรวม 6 ปี ธนากรบอกว่า ตอนนี้ทำมา 19 โครงการ มูลค่ารวม 2.4 หมื่นล้านบาท และกำลังเปิดเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ตามแผนที่ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ และผู้ถือหุ้นไว้ ขณะเดียวกันยังมี backlog หรือสินค้าที่ขายแล้วรอโอนอีกกว่า 1.1 หมื่นล้านบาทรวมกว่า 3 พันยูนิต และการเติบโตของบริษัทเพิ่มขึ้น 100% ต่อเนื่องมา 3 ปีแล้ว
จากจุดเริ่มต้นที่ศูนย์มาถึงวันนี้ ธนากรบอกว่าเขามาไกลเกินฝัน จากนี้ไปยังคงตั้งเป้าหมาย แต่ไม่ใช่เพื่อตัวเองเหมือนแต่ก่อน “วันนี้เรามาไกลกว่าที่ฝันไว้มาก มันผ่านจุดความสำเร็จตามฝันมาแล้ว พอเข้าตลาดฯเราต้องดูแลทั้งผู้ถือหุ้นและพนักงาน แต่มันคือ passion คือความสุข” เขากล่าวถึงความสำเร็จแบบไม่ประมาท และเชื่อว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังโตต่อไปได้เพราะเป็นปัจจัย 4 อาจมีขึ้นลงบ้าง แต่เดี๋ยวก็กลับมา
“อสังหาฯ ทำให้เราตื่นมาแล้วอยากมาทำงานทุกวัน ถ้าเราเจองานสิ่งนั้นแล้ว ก็ต้องเกาะมันไว้” เป็นความรู้สึกของธนากรกับบทบาทนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เส้นทางที่การแข่งขันสูง แต่เขาเชื่อมั่นว่า จะยืนอยู่ได้ไม่เพียงเป็นผู้ประกอบการน้องใหม่ แต่มีเป้าหมายจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ประกอบการท็อป 5 ให้ได้ภายใน 5 ปีเพื่อพิสูจน์ความสามารถสร้างการเติบโต
ภาพ: บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์
คลิกอ่านฉบับเต็ม "ธนากร ธนวริทธิ์ ฝันไกลกับแรงบันดาลใจ “เจ้าของกิจการ” ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับมกราคม 2563 ได้รูปแบบ e-magazine
