จากแม่ค้าขายไข่ไก่และถุงพลาสติกในตลาดประตูน้ำ “วาสนา ลาทูรัส” ไม่ขอฝากชีวิตไว้กับเส้นทางที่ไม่ได้เลือกเดิน เธอมุ่งสู่ถนนสายใหม่ ปลุกปั้นธุรกิจกระเป๋าผ้า NaRaYa กระทั่งติดหูคนไทย โด่งดังไกลในต่างแดน พร้อมผงาดสาขาใหม่ ใจกลางกรุง Tokyo แดนซากุระ ภายในปีนี้ และตั้งเป้าเป็นบริษัทมหาชนในอนาคต
วาสนา ลาทูรัส วัย 61 ปี เดินตรวจตรากระเป๋าผ้าหลากสีสันที่จัดวางในร้าน NaRaYa สาขาสยามพารากอนอย่างพึงพอใจ พร้อมชมเชยพนักงาน ก่อนกำชับให้ดูแลลูกค้าทุกคนอย่างเอาใจใส่ ที่นี่คือสาขาล่าสุดแห่งที่ 21 ในประเทศไทย ขณะที่สาขาข้างเคียงทั้งในห้างโตคิว สยามดิสคัฟเวอรี่ และเซ็นทรัลเวิลด์ มีลูกค้าต่างชาติไม่ว่าญี่ปุ่น จีน อินโดนีเซีย เวียดนาม และชาวยุโรป เดินเข้าร้านอย่างไม่ขาดสาย
วาสนา เกิดและเติบโตในครอบครัวคนจีน ช่วยที่บ้านทำงานค้าขายมาตั้งแต่เด็ก พี่น้องผู้ชายต่างมีโอกาสดีในการศึกษาเล่าเรียน ส่วนตัวเธอนั้น ที่บ้านบอกว่า “เขาไม่ให้ผู้หญิงเรียนเยอะ” ด้วยเหตุนี้เด็กหญิงในวัย 14 ปี จึงต้องขวนขวายใช้เวลาว่างจากงานในช่วงเย็นถึงค่ำไปกวดวิชา กว่าจะได้เข้านอนก็ราวเที่ยงคืน จนในที่สุดสอบเทียบได้ชั้น ม.ศ.3 พร้อมกับสมัครเรียนภาษาอังกฤษที่ AUA ไปด้วย
ด้วยความเอาจริงเอาจังทำให้สามารถสอบใบวิชาชีพมัคคุเทศก์ได้ในที่สุด และเป็นมัคคุเทศก์นำชมเมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ และที่นี่เองที่ทำให้เธอได้พบกับ Vassilios Lathouras หนุ่มชาวกรีก จนร่วมกันสร้างครอบครัวในปี 2532
ปีเดียวกันนั้น โอกาสดีก็มาถึง เมื่อเพื่อนของ Lathouras มาขอความช่วยเหลือให้หาโรงงานผลิตกระเป๋าผ้า แต่สินค้าที่ได้ไม่มีมาตรฐาน ทำให้วาสนาตัดสินใจเป็นผู้ผลิตให้เอง ด้วยความชื่นชอบเรื่องผ้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จากนั้นได้ชักชวนพี่สาวและน้องสะใภ้มาร่วมหุ้นคนละ 40,000-50,000 บาท ซื้อจักร 15 ตัว และซื้อผ้าจากสำเพ็งมาเป็นวัตถุดิบ
วาสนา ได้ไปออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ และกลับมาด้วยยอดสั่งผลิตที่จะทำให้เธอสร้างเนื้อสร้างตัวได้ไม่ยาก แต่แล้วโชคชะตากลับเล่นตลก เกิดปัญหากับกระเป๋าผ้าล็อตนั้นจนเธอต้องยกเลิกทุกอย่าง แต่ด้วยใจนักสู้ วาสนาเริ่มต้นใหม่ ปี 2536 เธอเช่าพื้นที่ในนารายณ์ภัณฑ์เปิดร้านขายกระเป๋าผ้า และนั่นเองคือจุดเริ่มต้นของแบรนด์
NaRaYa
ปัจจุบัน
NaRaYa แบรนด์กระเป๋าผ้าของคนไทย มีชื่อเสียงไปไกลทั่วโลก นอกจากสาขาในประเทศ 21 แห่ง ซึ่งมีลูกค้าชาวต่างชาติถึง 80% ยังมีอีกสาขาอีก 12 แห่งในต่างประเทศทั้ง
Hong Kong, Macau, Taiwan, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และในปีนี้ตั้งเป้าจะเปิดสาขาใน
Tokyo ให้ได้ รวมทั้งวางแผนจะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในอีกไม่นานเกินรอ
