แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าจากเทรนด์พลังงานสะอาดทั่วโลก ได้ฉายชัดถึงโอกาสสตาร์ทเครื่องธุรกิจสถานีชาร์จ EV ยกระดับสมรรถนะร่วมเส้นทางขับเคลื่อนอนาคต พร้อมจับมือพันธมิตรเติมเต็มไลฟ์ที่เปลี่ยนแปลงปลดล็อกข้อจำกัดถนนปลอดมลพิษ
นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไม่เพียงเปลี่ยนอนาคตการใช้พลังงานทั่วโลก แต่ยังสามารถจุดประกายความคิดให้นักศึกษาไทยในต่างแดนเกิดแรงบันดาลใจและเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจในระหว่างการเดินทางจากที่พักอาศัยไปยังมหาวิทยาลัย ขณะกำลังศึกษาปริญญาตรีในหลักสูตร Science, Economics and Finance ของ Bentley University ที่ Massachusetts สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายประเทศกำลังให้ความสนใจร่วมกันแก้ปัญหาโลกร้อน โดยเฉพาะประเทศในโซนยุโรปที่สนับสนุนทางเลือกการใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV เป็นยานยนต์แห่งอนาคตเพื่อลดมลพิษสิ่งแวดล้อม
“จุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดความสนใจใน EV charging เกิดขึ้นตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา โดยช่วงที่ต้องเดินทางไปมหาวิทยาลัยเป็นช่วงที่ Tesla กำลังเริ่มทำตลาดในอเมริกา ทำให้มีโอกาสได้ผ่านโชว์รูมของ Tesla ทุกวันประกอบกับเป็นคนที่ชื่นชอบรถยนต์อยู่แล้ว จึงได้จุดประกายความคิดในการทำธุรกิจ เกี่ยวข้องกับ EV โดยเฉพาะการเป็นผู้ให้บริการ EV charging เพราะคิดว่าเป็นธุรกิจที่น่าจะเติบโตขึ้นในอนาคตควบคู่ไปกับ EV"พีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ SHARGE กล่าวถึงความสนใจในการเริ่มต้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าจากเทรนด์ความนิยมการใช้รถพลังงานไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ และโอกาสจากพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่ชาร์จรถ EV กว่า 80% ในโครงการที่พักอาศัย บ้านเดี่ยว และแหล่งไลฟ์สไตล์ ห้างสรรพสินค้า ตึกออฟฟิศ และศูนย์ประชุมต่างๆ
ดังนั้น พีระภัทรจึงตัดสินใจเริ่มต้นก่อร่างธุรกิจพลังงานสะอาดในประเทศไทยในเดือนมิถุนายน ปี 2561 โดยจัดจำหน่ายเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบ quick charge สำหรับที่พักอาศัย และให้บริการหัวชาร์จรถไฟฟ้าทั้งในโครงการที่พักอาศัย ห้างสรรพสินค้า และคอมมูนิตี้มอลล์ชั้นนำ รวมถึงให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าทั่วประเทศ ด้วยความมุ่งมั่นเป็นผู้ให้บริการด้านพลังงานของ EV charging อันดับ 1 ของไทย
นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการเป็นผู้ให้บริการ total solution เชื่อมโยงผู้ใช้บริการด้วยแอปพลิเคชัน SHARGE ซึ่งพัฒนาขึ้นให้สามารถค้นหาและจองสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าทั้งของ SHARGE และครอบคลุมทุกสถานีที่ทุกแบรนด์สามารถใช้งานร่วมกัน การแจ้งข้อมูลเวลาการชาร์จให้ผู้ใช้งานคันต่อไปสามารถควบคุมเวลาเข้าชาร์จ รวมถึงค่าจองที่สามารถนำไปจ่ายเป็นค่าไฟฟ้าในการชาร์จได้
“ก้าวแรกในการก่อตั้งบริษัทถือว่ามีความท้าทายและยากที่สุด เพราะจุดเริ่มต้นของ SHARGE เกิดขึ้นเมื่อกว่า 3 ปีก่อน ซึ่งขณะนั้น EV ยังถือว่าเป็นของใหม่ สังคมไทยยังไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับ EV มากนัก การรับรู้ยังจำกัดอยู่ในเฉพาะบางกลุ่ม แต่ในปัจจุบันถือว่าการตอบรับ EV ของคนไทยเริ่มดีขึ้นและมีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนการนำเข้า EV จากจีนและยุโรป รวมถึงสนับสนุนด้านภาษีการนำเข้า EV จากจีน ทำให้คนไทยเริ่มหันมาสนใจรถยนต์ไฟฟ้าบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีความท้าทายเพราะยังถือเป็นธุรกิจที่ใหม่กับสังคมไทย”
- Lifestyle Charging Ecosystem -
แม้จะพบปัญหาและอุปสรรคตั้งแต่เริ่มออกสตาร์ท แต่พีระภัทรยังคงเชื่อมั่นในโอกาสที่รอวันฉายแสง จนกระทั่งได้รับแรงหนุนจากพันธมิตรธุรกิจที่เล็งเห็นเทรนด์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการร่วมลงทุนของ บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด (BCC) และ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) รวมถึง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมทั้งอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ของไทยที่สนใจเข้ามาเป็นพันธมิตรผู้ถือหุ้นรายใหม่ ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและความพร้อมในการพัฒนาการให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมยิ่งขึ้น
พีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ SHARGE“จากจุดเริ่มต้นของบริษัทจนถึงปัจจุบัน เราต้องการสนับสนุนการสร้างระบบนิเวศต่อการเติบโตของรถ EV ในประเทศไทย ด้วยการเป็นผู้ให้บริการด้านการชาร์จรถ EV อย่างครบวงจร ทั้งในรูปแบบของการจำหน่ายอุปกรณ์ชาร์จสำหรับติดตั้งตามที่อยู่อาศัยและแหล่งไลฟ์สไตล์ รวมถึงการพัฒนาสถานีชาร์จ (EV charging station) ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ”
พีระภัทรกล่าวถึงการวางกลยุทธ์ Lifestyle Charging Ecosystem เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์และอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตของลูกค้าอย่างยั่งยืนควบคู่กับการใช้รถพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย โดยเน้นการจับมือพันธมิตรหลากหลายกลุ่มธุรกิจ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้ตรงกับพฤติกรรมผู้บริโภคมากที่สุด รวมถึงจัดหาโซลูชันการชาร์จให้กับพันธมิตร เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในทุกกลุ่มแบบเฉพาะเจาะจง โดยแบ่งตามพฤติกรรมของผู้บริโภค 3 กลุ่ม ได้แก่ night, day และ on the go
สำหรับ night เป็นกลุ่มผู้ใช้บริการที่เน้น การชาร์จที่บ้าน ซึ่งมีสัดส่วนสูงสุดคิดเป็น 80% ของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด ส่วน day เป็นกลุ่มผู้ใช้บริการที่เน้นการชาร์จที่จุดหมายปลายทาง เช่น การชาร์จตามศูนย์การค้าแหล่งไลฟ์สไตล์ต่างๆ สถานศึกษา และอาคารสำนักงาน โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 15% ซึ่งบริษัทได้จับมือกับศูนย์การค้า 9 แบรนด์ และลงทุนร่วมกับค่ายรถยนต์ 2 แห่งติดตั้งหัวชาร์จที่ศูนย์การค้าและโชว์รูม รวมถึง on the go เป็นกลุ่มผู้ใช้บริการที่ต้องการชาร์จตามสถานีชาร์จระหว่างการเดินทางข้ามจังหวัดหรือการท่องเที่ยว โดยมีสัดส่วนน้อยที่สุดประมาณ 5%
“เราได้ร่วมมือกับบรรดาบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย 5 รายในการติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จให้กับโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภท ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ทำให้ปัจจุบันมีหัวชาร์จครอบคลุมการให้บริการมากกว่า 25,000 ครัวเรือน”
ขณะเดียวกันบริษัทยังมุ่งเน้นพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดสามารถให้บริการแบบ high power charging station ที่มีเครื่องชาร์จกำลังชาร์จสูง 350 กิโลวัตต์ ใช้ระยะเวลาในการชาร์จต่ำสุด 10 นาที ซึ่งถือเป็นการให้บริการที่เร็วที่สุดในประเทศไทย จากปัจจุบันที่ SHARGE มีสถานีบริการที่มีกำลังชาร์จสูง 120 กิโลวัตต์ และใช้เวลาชาร์จต่ำสุด 25 นาที
“เรามีความแข็งแกร่งทั้งในแง่เงินทุนและการควบคุมต้นทุนต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนทีมผู้บริหารรุ่นใหม่ที่เข้าใจในธุรกิจอย่างลึกซึ้งและเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยี รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ มีความคล่องตัวสูงพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง”พีระภัทรย้ำจุดแข็งของบริษัท