การให้ที่ในรูปแบบที่ไม่ใช่การทำบุญแต่ยังเป็นการสานความฝันและสร้างมืออาชีพส่งต่อสิ่งที่ตัวเองชอบให้กับคนรุ่นใหม่ของ "พฤฒิรัตน์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์" ชื่อที่คุ้นเคยในแวดวงกีฬามอเตอร์สปอร์ตของเขาได้สร้างคุณค่ากับวงการกีฬาและความหลงใหลในกีฬาแข่งม้าอย่างแท้จริง
พฤฒิรัตน์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ประธานบริหาร บริษัท เอม มอเตอร์ สปอร์ต (2003) จำกัด คลุกคลีในแวดวงมอเตอร์สปอร์ตของไทยมายาวนาน เป็นนักกีฬามอเตอร์สปอร์ตแถวหน้า มีผลงานในระดับแชมป์ เข้าร่วมรายการแข่งขันสำคัญๆ ทั้งในและต่างประเทศ เป็นผู้ก่อตั้งการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทยที่มีชื่อว่า “Thailand Grand Touring Car” รวมถึงการแข่งขันรถยนต์สำหรับผู้หญิงในรายการ “Female Challenge” ที่จัดขึ้นในปี 2542 ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้บุกเบิกกีฬาแข่งขันขี่ม้าของไทยให้ก้าวสู่เวทีการแข่งขันระดับโลก ประสบการณ์เกือบ 40 ปีในวงการมอเตอร์สปอร์ต และกว่า 10 ปีในวงการขี่ม้าแข่งพฤฒิรัตน์เป็นบุคคลสำคัญผู้ผลักดันทั้งสองกีฬาให้ก้าวไปสู่ระดับนานาชาติ ไม่เพียงตัวเขาเองในการแข่งขัน แต่ยังมีส่วนสร้างและส่งเสริมคนรุ่นใหม่ในกีฬาฯ ที่เขาหลงใหลให้มีโอกาสก้าวสู่เวทีโลกเช่นเดียวกับตัวเขา ด้วยบทบาทที่พร้อมทุ่มเทเป็นทั้งพี่เลี้ยง ผู้จัดการและผู้ให้การสนับสนุนสานฝันคนรักมอเตอร์สปอร์ต
จากแพสชันส่วนตัวทำให้พฤฒิรัตน์ยืนหยัดในกีฬามอเตอร์สปอร์ต ขับรถแข่งด้วยพลังและความฝันที่มีมาตั้งแต่วัยเด็กให้เป็นจริง ด้วยการลงมือก้าวสู่นักแข่งระดับมืออาชีพที่ผู้คนในแวดวงมอเตอร์สปอร์ตยอมรับรายการที่สร้างชื่อ เช่น เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ปี 2553 พฤฒิรัตน์เข้าแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการ Singha Pro Endurance Racing 6 Hours 2010 ให้แก่ทีมมอเตอร์สปอร์ตแลนด์ ครั้งนั้นทีมของเขาได้อันดับ 2 หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 10 กันยายน ปี 2554 พฤฒิรัตน์เข้าแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการ RAAT Thailand Endurance Championship 2011 ที่สนามแก่งกระจานเซอร์กิต จ. เพชรบุรี ร่วมกับทีมเอมมอเตอร์สปอร์ต และทีมของเขาได้อันดับ 3 จากการแข่งขันดังกล่าว “ทุกวันนี้ผมก็ยังขับรถแข่งอยู่บ้างไม่ถึงกับหยุดไปเลย แต่ก็ต้องยอมรับว่าความแรงคงไม่เหมือนในวัยหนุ่ม” พฤฒิรัตน์เผยกับ Forbes Thailand พร้อมย้ำว่า แม้จะแข่งน้อยลง แต่ก็ยังคงให้ความสำคัญและสนับสนุนกีฬามอเตอร์สปอร์ตอย่างต่อเนื่อง และแม้จะออกตัวว่าอายุเยอะแล้ว 64 ในปีนี้แต่เขายังคงแข็งแรง กระฉับกระเฉง และดูอ่อนกว่าวัยอยู่มาก นอกจากเป็นนักแข่งรถแถวหน้าที่ผู้คนในแวดวงมอเตอร์สปอร์ตรู้จักดีแล้ว พฤฒิรัตน์ ยังเป็นเจ้าของสนามโกคาร์ท มอเตอร์สปอร์ตแลนด์ (แดนเนรมิตเดิม) เนื่องจากครอบครัวเขาเป็นเจ้าของที่ดินแปลงนี้ หลังจากแดนเนรมิตปิดตัวลงในเดือนพฤษภาคม ปี 2543 เมื่อหมดสัญญาเช่า พื้นที่แปลงนี้ได้ถูกนำมาใช้เป็นสนามแข่งรถโกคาร์ท ซึ่งพฤฒิรัตน์บอกว่า เขาต้องการทำสนามให้เด็กๆ ได้มีโอกาสมาฝึกฝน และแน่นอนมันคือหนึ่งในแนวทางกีฬาโปรดด้านมอเตอร์สปอร์ตที่เขาคุ้นเคยนำกีฬาขี่ม้าไทยสู่เวทีโลก
นอกจากขับรถแข่งแล้ว อีกกีฬาที่พฤฒิรัตน์หลงใหลและค้นพบว่าเป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบไม่แพ้มอเตอร์สปอร์ตคือ กีฬาขี่ม้า แม้เขาจะเริ่มกีฬานี้หลังมอเตอร์สปอร์ตหลายปี แต่ก็จริงจังและทุ่มเทไม่แพ้กัน จากวัยเด็กเขาเคยขี่ม้าเล่นแต่หยุดไปเมื่อหันมาทุ่มเทกับการแข่งรถ แต่พอได้กลับมาขี่ม้าอีกครั้งทำให้เขาหันมาสนใจกีฬาขี่ม้าอย่างจริงจัง และสามารถนำพากีฬาขี่ม้าของไทยก้าวสู่ระดับโลกได้ในเวลาต่อมาเพียงไม่กี่ปีหลังจากนั้น พฤฒิรัตน์เข้าร่วมการแข่งขันขี่ม้ามาราธอนและเป็นแชมป์การแข่งขัน Sultan Mizan Cup 2011 ประเภทบุคคล พร้อมชนะการแข่งขันประเภททีมใน Malaysia-Thailand Open Endurance Challenge 2011 สนามที่ 2 ที่ประเทศมาเลเซีย นอกจากนี้ เขายังเป็น 1 ใน 3 นักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทยผู้เข้าแข่งขัน Sultan Mizan Cup 2012 ที่จัดขึ้นในเดือนตุลาคม ปี 2555 ณ รัฐ Terengganu ประเทศมาเลเซียที่ซึ่งมีนักกีฬาจาก 10 ประเทศเข้าร่วมแข่งขัน โดยพฤฒิรัตน์ได้เป็นรองแชมป์ขี่ม้ามาราธอนรายการ Malaysia-Thailand Open Endurance Challenge Trophy 2012 หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 21-23 มิถุนายน ปี 2556 พฤฒิรัตน์เป็น 1 ใน 4 นักกีฬาทีมชาติไทยผู้เข้าร่วมแข่งขันขี่ม้ามาราธอน Malaysia-Thailand Open Endurance Challenge 2013 ปีที่ 4 สนามแรก ซึ่งจัดขึ้น ณ เมืองชัปปิง ประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันพฤฒิรัตน์เป็นประธานชมรมขี่ม้าเดอะฮอร์สเซส เขาเป็น 1 ใน 2 ตัวแทนทีมชาติไทยที่เข้าร่วมแข่งขัน FEI Open European Endurance Championships 2013 ที่สาธารณรัฐเช็ก และเดอะฮอร์สเซสทีมโรดทู FEI World Equestrian Games 2014 ที่ประเทศฝรั่งเศส กีฬาขี่ม้ากลายเป็นความหลงใหลที่นำพาให้เขาทุ่มเท จริงจัง และตั้งใจ นำทีมนักขี่ม้าไทยไปสร้างชื่อในเวทีระดับโลก เขาไม่ได้ไปโดยลำพัง แต่ยังนำพานักกีฬาขี่ม้าหญิงฝีเท้าดีร่วมทีมไปด้วยกัน นับตั้งแต่การแข่งขันเมื่อปี 2016 โดยสโมสรขี่ม้าเดอะฮอร์สเซสที่เขาก่อตั้งขึ้น ได้ส่ง 2 นักกีฬาขี่ม้าเอ็นดูแรนซ์ คือ ตัวเขาเอง “ปั้น” พฤฒิรัตน์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ซึ่งเป็นประธานสโมสรขี่ม้าเดอะฮอร์สเซส และ “ผึ้ง” วิภาวรรณ พาวิทยลาภ นักขี่ม้าหญิงเข้าแข่งขัน “ขี่ม้าเอ็นดูแรนซ์ชิงแชมป์โลก” ในรายการ “Longines FEI World Endurance Championship 2016” ที่ประเทศสโลวาเกีย หลังจากนั้นก็ร่วมการแข่งขันขี่ม้าระดับโลกเรื่อยมา ซึ้งในปี 2022 มีโปรแกรมนำทีมนักขี่ม้าไทยไปแข่งขันที่ประเทศอิตาลี พฤฒิรัตน์ทุ่มเทเรื่องการขี่ม้าอย่างจริงจัง เขาทำฟาร์มม้าที่สโมสรเดอะฮอร์สเซสที่เขาใหญ่ มีม้าแข่งนับร้อยตัว และส่งทีมแข่งไปยังรายการสำคัญๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในการแข่งขันรายการระดับโลกที่ต่างประเทศ ทุ่มเทส่งม้าไปฝึกให้คุ้นเคยกับสถานที่นานนับปีเพื่อเตรียมความพร้อม ในขณะเดียวกันก็เตรียมทีมนักแข่งฝีเท้าดีเข้าร่วมการแข่งขันและมักจะคว้ารางวัลมาได้เสมอ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศและสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่ๆ ที่สนใจกีฬาขี่ม้าได้ประสบการณ์ระดับโลก Philanthropy ในแบบของพฤฒิรัตน์อาจไม่เหมือนการทำบุญช่วยเหลือผู้ยากไร้ แต่ก็เป็นการให้ที่ส่งต่อความฝัน และความมุ่งมั่นสร้างโอกาสให้เยาวชนไทยได้ก้าวไกลไปถึงระดับโลก สร้างพลังบวกให้สังคม สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย และสร้างความฝันทั้งของตัวเองและคนรุ่นใหม่ได้สัมผัสด้วยการอุทิศตัวเองและเงินทุนในการสร้างโอกาสดีๆ ให้กับสิ่งที่ชื่นชอบ แก่ผู้อื่นที่ชื่นชอบในสิ่งเดียวกัน เป็นแรงบันดาลใจของการให้ที่ไม่ได้จำกัดแค่การบริจาคทรัพย์ซึ่งมีคนทำมากแล้วในสังคม ภาพ: เอม มอเตอร์ สปอร์ต และ DMTคลิกอ่านบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine