ความที่เกรงว่าแบรนด์สินค้าของบรรพบุรุษจะล้มหายไป นักการเงินหนุ่มจึงลาออกจากงานประจำมาปลุกปั้นใหม่ให้มีความร่วมสมัย เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ด้วยเป้าหมายที่จะให้ยังคงอยู่ในใจของคนไทย
จากรายได้หลักสิบล้านเมื่อ 17 ปีก่อน ปีที่ผ่านมาทำรายได้ทะลุพันล้านเป็นปีแรกด้วยตัวเลข 1,046,584,104 บาท และกำไรสุทธิ 80,198,888 บาท มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 500 SKU
พงษ์ หาญอุตสาหะ ก่อตั้งห้างขายยาศรีจันทร์สหโอสถขึ้นในปี 2491 ประกอบธุรกิจด้านเวชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ และเครื่องสำอาง ปี 2531 เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด และมี “ผงหอมศรีจันทร์” หรือแป้งพอกหน้าคุมมัน เป็นสินค้าที่ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวางจากผู้บริโภคก่อนที่ความนิยมจะลดลงตามกาลเวลา
ปี 2549 รวิศ หาญอุตสาหะ ทายาทรุ่นที่ 3 ได้ลาออกจากงานประจำเพื่อมาบริหารธุรกิจครอบครัว มุ่งหวังให้ธุรกิจเติบโตและคงอยู่ในใจคนไทย โดยการปรับโฉมครั้งใหญ่
ปี 2557 พลิกโฉมแบรนด์จาก “ผงหอมศรีจันทร์” เป็น “ศรีจันทร์” และเปิดตัวผลิตภัณฑ์ “ศรีจันทร์ ทรานส์ลูเซนท์ พาวเดอร์” แป้งฝุ่นควบคุมความมัน ต่อมาปรับเปลี่ยนสัญลักษณ์เครื่องหมายการค้าให้เป็นภาษาอังกฤษคือ SRICHAND เพื่อขยายตลาดลูกค้าในต่างประเทศด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพเทียบเท่าเครื่องสำอางระดับสากล จ้างทีมงานมืออาชีพผลิตสื่อเผยแพร่ทางฟรีทีวี ทำการตลาดในช่องทางใหม่ๆ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าง่ายขึ้น จากภาพลักษณ์ร่วมสมัยทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น
ในปี 2558 สินค้า SKU เดียวขายได้ 200 กว่าล้านบาทสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริหารหนุ่ม อีก 2 ปีต่อมาจึงออกไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ผลคือเสมอตัวหรือขาดทุน เขาให้สัมภาษณ์ไว้ในสื่อแห่งหนึ่งว่า ความผิดพลาดครั้งนั้นเกิดจากอีโก้ของตนเองที่คิดว่าหลังจากนั้นจะทำอะไรก็ได้แล้ว ไม่ได้คุยกับลูกค้าก่อน
“หลัง rebrand แล้วหลายโปรเจกต์ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไร อันนั้นเป็นบทเรียนว่าต้องคุยกับลูกค้าเยอะขึ้น ศึกษาว่าลูกค้าอยากได้อะไรจริงๆ ได้เรียนรู้ช่วงนั้นเยอะ”
ส่งออก 5 ประเทศ
รวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด ให้สัมภาษณ์ทีมงาน Forbes Thailand ที่สำนักงานใหญ่บนถนนพระราม 9 ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่เมื่อเปิดประตูเข้ามาซ้ายมือเป็นมุมรับแขก ส่วนด้านขวาเป็นโต๊ะทำงานซึ่งมีไมค์ตั้งอยู่ใช้สำหรับเวลาจัดทำพอดแคสต์หรือประชุมออนไลน์ ด้านขวาของโต๊ะทำงานมีลู่วิ่งแบบเดียวกับที่ใช้ในฟิตเนส ดูค่อนข้างแปลกตาสักหน่อย นั่นไม่ใช่อุปกรณ์ตกแต่งแต่มีไว้ใช้งานจริง ความที่ตารางเวลางานแต่ละวันค่อนข้างแน่น บางครั้งระหว่างประชุม อ่านข้อมูล หรือเช็กอีเมล รวิศจะเดินออกกำลังกายไปพร้อมๆ กันบนลู่วิ่งดังกล่าว
ด้านหลังเก้าอี้ทำงานเป็นชั้นหนังสือขนาดใหญ่ที่อัดแน่นด้วยหนังสือซึ่งจัดเรียงตามสีปกเปรียบเสมือนผนังห้อง หนังสือเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของวัตถุดิบที่เขาใช้เป็นข้อมูลในการจัดทำพอดแคสต์ชื่อ Mission to the Moon ซึ่งเขาเริ่มทำตั้งแต่ปี 2561
“ส่วนตัวเป็นคนชอบเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ เวลาเรียนรู้เรื่องอะไรมารู้สึกว่าถ้าอยากจะจำได้ต้องแชร์ให้คนอื่นด้วย เป็นงานที่รัก และรู้สึกว่าตนเองได้ประโยชน์แล้วคนอื่นควรได้ประโยชน์บ้าง” ปัจจุบันดำเนินการภายใต้ บจ. มิชชั่น ทู เดอะ มูน มีเดีย ซึ่งมีเว็บไซต์นำเสนอเรื่องราวด้านธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ การพัฒนาตนเอง เป็นแหล่งความรู้ต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีหน่วยอะคาเดมีสำหรับจัดคอร์สอบรมให้กับบุคคลทั่วไปและองค์กรโดยมีรวิศเป็นวิทยากร
ล่าสุดได้รับการติดต่อจาก London Speaker Bureau ให้เป็นวิทยากรในสังกัด และมีคิวบรรยายครั้งแรกเดือนกรกฎาคม ปี 2567 ให้กับสมาชิกกลุ่มพรูเด็นเชียลจำนวน 3,000 คนที่ประเทศจีน
บจ. ศรีจันทร์สหโอสถ ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเฮลท์, เวลเนส และบิวตี้ นอกจากผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางแบรนด์ SRICHAND (ศรีจันทร์) และ sasi (ศศิ) ยังมีผลิตภัณฑ์ดูแลสภาพผิว และผลิตภัณฑ์ส่วนตัวภายใต้แบรนด์ SELENE (เซเลนี) และ HYPE!! (ไฮพ์) โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากเครื่องสำอางแบรนด์ SRICHAND
รุกตลาดผลิตภัณฑ์กันแดด
ล่าสุดบริษัทแถลงข่าวเปิดตัวรุกตลาดผลิตภัณฑ์กันแดดหลังพบว่ามีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด “ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมาแบรนด์ SRICHAND มีการเติบโตในกลุ่มสินค้ากันแดดมากกว่า 200% ติดต่อกัน 2 ปี และคาดว่าในปีนี้จะมีการเติบโตมากกว่า 200% ก่อนหน้านี้กันแดดพอร์ตไม่ใหญ่”
“เราทำครีมกันแดดนานแล้ว แต่เพิ่งทำตลาดจริงจัง 3-4 ปี เป็นการขยายตลาดตามสภาพ เราเริ่มจากแป้ง ทำเมกอัพ กันแดด มันมี room ตลาดกันแดดโตเร็ว เดิมกันแดดสูตรแรก develop ที่ญี่ปุ่นโดย adapt ให้เข้ากับประเทศไทย กันแดดบ้านเรากับญี่ปุ่นไม่เหมือนกัน บ้านเราร้อนและชื้นมาก ต้องไม่เหนอะ”
ขณะที่ภาพรวมของบริษัทในปีนี้เขาประเมินว่าจะเติบโต 30-35% จากการขยายพื้นที่ตลาด ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และสภาพตลาดโดยรวมที่เติบโตถึง 10.4% เฉพาะแบรนด์ SRICHAND มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทุก 2 เดือน โดยเกณฑ์ในการเลือกผลิตภัณฑ์พิจารณาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นทิศทางตลาดโลก เทรนด์จากแหล่งต่างๆ และความต้องการของลูกค้าในประเทศ
“ตลาดสินค้าเครื่องสำอางมีความเคลื่อนไหวเร็ว อะไรกำลังเป็นที่นิยม เราดูสินค้าและวิเคราะห์ว่าอะไรเหมาะกับแบรนด์ เราก็จะเลือกโปรดักต์ประมาณนั้น มา develop ต่อ”
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Park Han Gill สร้าง “ATOMY” แพลตฟอร์ม ขายตรงระดับโกลบอล