การก่อสร้างด้วยพรีแคส หรือผนังคอนกรีตสำเร็จรูปไม่ใช่เรื่องใหม่ ในไทยมีใช้งานมานานกว่า 10 ปี เทคโนโลยีนี้ช่วยให้งานก่อสร้างเสร็จเร็ว แข็งแรงทนทาน และปัจจุบันยังเข้าได้กับทุกงานออกแบบแทบไร้ข้อจำกัด
ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป หรือพรีแคส (precast) เริ่มเข้ามาในธุรกิจก่อสร้างไทยเมื่อ 20 ปีก่อนโดยผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่นำระบบพรีแคส ซึ่งหมายถึงแผ่นคอนกรีตที่มีการหล่อสำเร็จรูปเทคโนโลยีจากต่างประเทศเข้ามา และสร้างโรงงานผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปเพื่อใช้ในโครงการอสังหริมทรัพย์ ตอบโจทย์เรื่องความรวดเร็ว แข็งแรง ทนทานเป็นหลัก
ปัจจุบันโรงงานพรีแคสที่ไม่ใช่ผู้ประกอบการอสังหาฯ มีให้เลือกมากขึ้น เช่น ซีแพนเนล ภายใต้การนำของ ชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL ทายาทธุรกิจรุ่น 2 ของชลบุรีคอนกรีต หรือ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) (CCP) หลังจากช่วยบิดาบริหารงานใน CCP อยู่หลายปีเขาได้หันมาเปิดบริษัทผนังคอนกรีตสำเร็จรูปด้วยตัวเองภายใต้แบรนด์ CPanel ขึ้นเมื่อปี 2555 เป็นพรีแคสที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างทุกประเภทด้วยเทคโนโลยีเครื่องจักรการผลิตระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบของ Vollert Anlagenbau Gmbh ประเทศเยอรมนี

ขยายฐานเจาะงานภาครัฐ
ปัจจุบัน CPANEL ขยายธุรกิจเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีโรงงาน 2 โรงภายในพื้นที่เดียวกัน ที่อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี และมีฐานลูกค้าหลักคือ กลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผู้ประกอบการอสังหาฯ ทั้งอาคารสูงและแนวราบ ซึ่งในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ ซบเซาจากปัจจัยหลากหลาย ทำให้ยอดขายของ CPANEL ลดลงกว่า 40% ทำให้ปี 2567 ผลประกอบการที่เคยเติบโตมาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านั้นชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ CPANEL ประสบปัญหาขาดทุนครั้งแรกหลังดำเนินธุรกิจมากว่า 12 ปี (ครบรอบ 12 ปีเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2568)
“ปีที่แล้วไม่ดี แต่ปีนี้กลับมา rebound ดีขึ้น ปีที่แล้วเป็นปีแรกที่เราขาดทุน ตัวเลข drop ลงไป 40%” ชาคริตเผยสถานการณ์ธุรกิจที่นำมาสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ ทำให้ CPANEL หันมาปรับพอร์ตลูกค้า เปลี่ยนกลุ่มตลาดไปจากเดิมชัดเจน จากงานหลักที่เป็นโครงการอสังหาฯ ของเอกชนเป็นส่วนใหญ่ขยายเข้ามารับงานของภาครัฐมากขึ้น กระทั่งปัจจุบันมีสัดส่วนงานภาครัฐมากกว่า 50% ของพอร์ตรายได้ทั้งหมด
“งานภาครัฐมีมากกว่า 50% และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนภาคเอกชนกว่าจะฟื้นคาดว่าปลายปี 2569 ขณะที่งานภาครัฐมีงบทุกปี ตอนนี้เราทำงานให้ 4 เหล่าทัพ และยังมีคนเรียกเข้าไปเสนองานเพิ่ม” ชาคริตเผยและว่า เหตุที่ขยายงานเข้าสู่ภาครัฐได้มากขึ้นเนื่องจากก่อนหน้านี้มีหน่วยราชการก่อสร้างอาคารได้ใช้พรีแคสของ CPANEL ทำให้บริษัทฯ ผ่านการรับรองงานในระบบราชการ

เมื่อเป็นที่ยอมรับก็ทำให้หน่วยงานต่างๆ กล้าที่จะใช้ระบบพรีแคสมากขึ้น เพราะมีฐานจากผลงานเป็นที่ยอมรับ และสเปกงานได้การรับรองจากโครงการจริงที่ส่งมอบแล้ว อีกทั้งการใช้พรีแคสยังช่วยลดปัญหาผู้รับเหมาทิ้งงานในขั้นตอนงานโครงสร้าง เนื่องจากการก่อสร้างด้วยพรีแคสทำให้งานโครงสร้างสำเร็จแน่นอนจึงลดปัญหาการทิ้งงานและไม่มีผู้มารับงานต่อเนื่อง
อีกปัญหาของการจ้างงานก่อสร้างภาครัฐคือ ความล่าช้า ก่อสร้างไม่ทันตามกำหนดส่งมอบ หน่วยงานภาครัฐจึงมองหาผู้รับเหมางานที่สามารถก่อสร้างได้เร็ว ไม่มีปัญหาส่งงานล่าช้า ซึ่งสอดคล้องกับข้อดีของงานพรีแคสที่สามารถจบงานได้เร็วไม่ยืดเยื้อ “ภาครัฐต้องการให้หมดปัญหาเรื่องงาน delay ต้องเป็นงานที่ทำได้เร็ว ซึ่งเราตอบโจทย์เขาหลายเรื่อง พอมีหน่วยงานรัฐใช้พรีแคส มีการเขียนมาตรฐานพรีแคสขึ้นมาก็เท่ากับมีมาตรฐานรองรับ” ชาคริตอธิบายว่า ด้วยเหตุนี้ทำให้ CPANEL สามารถขยายเข้าเจาะงานก่อสร้างของภาครัฐได้มากขึ้นจากข้อดีทั้งในแง่ของความรวดเร็ว และการมีมาตรฐานรองรับชัดเจน
“เราเข้าไปหน่วยราชการเอง เคยทำตั้งแต่ปี 2562 ทำอาคารขนาดเล็ก ตอนนั้นยังไม่ได้เจาะตลาดจริงจัง” ชาคริตเล่าและว่า จังหวะดี ช่วงรัฐบาลคุณเศรษฐาได้มีการตรวจงานก่อสร้างภาครัฐเห็นยังใช้วิธีเก่าจึงบอกให้ไปดูงานก่อสร้างของแสนสิริซึ่งเป็นลูกค้า CPANEL ใช้พรีแคสของบริษัท มีป้ายให้เห็นชัดเจนที่ไซต์งานจึงทำให้ CPANEL เป็นที่ยอมรับ ทำให้มีโอกาสได้เข้าไปทำงานให้ภาครัฐและขยายต่อมาเรื่อยๆ
ทิศทางของงานภาครัฐมีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเขาเผยว่า “ปีนี้งานรัฐเกิน 56% แล้ว ส่วนเอกชนเหลือ 30% และงานรัฐโตขึ้นเรื่อยๆ งบประมาณก่อสร้างปีนี้โตแค่ 10% แต่เนื่องจากพรีแคสถือว่าใหม่มากสำหรับงานรัฐเลยมี room ให้โตค่อนข้างเร็ว”
พรีแคสของ CPANEL เป็นระบบการผลิตแบบออโต้ ด้วยโรงงานที่ทันสมัยซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านบึง จังหวัดชลบุรี เป็นไลน์ผลิตแบบออโต้มาตรฐานแผ่นคอนกรีตสม่ำเสมอ และผลิตได้หลายขนาดและรูปแบบตามออร์เดอร์ ซึ่งให้ทั้งความสะดวก รวดเร็ว และมาตรฐานที่ดี “ตอนนี้เราใหญ่สุดในผู้ผลิตออโต้พรีแคส กำลังการผลิตอยู่ที่ 2.5 ล้านตารางเมตรต่อปี” ชาคริตย้ำว่า หากเป็นออโต้พรีแคส CPANEL เป็นอันดับ 1 ในตลาด เป็นเครื่องจักรของเยอรมนี และต้องมีการอัปเดตอยู่เสมอทำให้เขาต้องเดินทางไปเยอรมนีค่อนข้างบ่อย

แผ่นดินไหวพิสูจน์ผลงาน
งานที่ CPANEL ทำให้แสนสิริส่วนใหญ่เป็นอาคารสูง โครงการคอนโดมิเนียมต่างๆ ซึ่งในช่วงเกิดแผ่นดินไหวที่ผ่านมาเป็นการพิสูจน์ได้ถึงความปลอดภัย ซึ่งชาคริตบอกว่า เขาให้ความสำคัญมาโดยตลอด และมักคุยกับลูกค้าเสมอว่า การก่อสร้างต้องรองรับแผ่นดินไหวด้วย เพราะหากเกิดปัญหากรณีแผ่นดินไหวขึ้นมาความเสียหายจะมีมากกว่า และกฎหมายมีกำหนดไว้ว่า อาคารสูงต้องออกแบบเผื่อรับแรงแผ่นดินไหวด้วยซึ่งเป็นมาตรฐานที่อาคารสูงต้องทำ
“เราพูดตลอดเวลาเรื่องความเสี่ยงแผ่นดินไหว แต่ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง ในปี 2550 เคยเกิดแผ่นดินไหวระดับโคมไฟโยกชัดเจน แต่ไม่มีอะไรรุนแรงคนก็ไม่สนใจเหมือนเดิม” ชาคริตเล่าพร้อมอธิบายว่า พอเกิดเหตุการณ์อาคารเสียหายจากแผ่นดินไหวเจ้าของอาคารไม่ได้รับผลกระทบเท่ากับวิศวกรซึ่งต้องรับผิดชอบโดยวิชาชีพ หลายคนจึงไม่ให้ความสำคัญ กระทั่งเกิดเหตุอาคารก่อสร้างของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม หลายคนหันมาเห็นความสำคัญเรื่องการต้านแรงแผ่นดินไหวมากขึ้น
แผ่นพรีแคสของ CPANEL เวลาประกอบเป็นกำแพงนอกจากรับน้ำหนักได้ดีแล้ว ยังมีความสามารถรับแรงบิดได้ระดับหนึ่ง โดยรอยต่อแผ่นคอนกรีตเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวสามารถถ่ายทอดแรงบิดในอาคารเพื่อลดแรงกระแทกได้ ทำให้ตึกเสียหายไม่มากหรือแทบไม่เสียหายเลย ดูได้จากหลายๆ อาคารของลูกค้าที่ได้รับผลกระทบไม่มากกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งล่าสุด จากลูกค้าหลักของ CPANEL เช่น แสนสิริ, ศุภาลัย, พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, โนเบิล
ชาคริตบอกว่า ที่จริงเขาขยายเจาะงานก่อสร้างภาครัฐมา 2-3 ปีแล้ว ตั้งแต่ตลาดอสังหาฯ เริ่มซบเซา และเมื่อเกิดแผ่นดินไหวล่าสุดลูกค้าที่เคยคุยไว้ก่อนหน้านี้ต่างเรียกให้ CPANEL กลับไปพรีเซนต์ใหม่หลายราย เพราะทุกคนจำได้ว่าบริษัทพูดเรื่องแผ่นดินไหวมาตลอด แต่ที่ผ่านมาลูกค้ายังไม่ให้ความสำคัญมากนัก จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์จริงทุกคนหันมาให้ความสำคัญทำตามกฎหมาย “อันที่จริงกฎหมายบ้านเราดี แต่ว่าคนทำตามหรือเปล่านั้นเป็นอีกเรื่อง บางกฎหมายบทลงโทษไม่แรงคนก็ไม่เห็นความสำคัญ” เขาย้ำและว่า คนที่ตัดสินใจเรื่องนี้ต้องทำร่วมกัน ทั้งวิศวกร ผู้ออกแบบ และเจ้าของอาคาร
โซลูชันครบไลน์โครงสร้าง
จุดเด่นของ CPANEL อีกอย่างคือ การขายพรีแคสเป็นโซลูชัน “เราเป็นคนคิดตั้งแต่ต้นจนจบ และไปคุยแบบ solution provider ครอบคลุมเรื่องโครงสร้าง ไม่ให้เสี่ยงกับโครงสร้างอาคาร ประชุมเรื่องข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ. อาคาร” ชาคริตเผยและว่า ข้อดีคือทำให้บริษัทมั่นใจเรื่องความปลอดภัย เพราะทุกครั้งจะต้องคุยจนกระทั่งโซลูชันได้ตามมาตรฐาน เป็นการคุมมาตรฐานงานของตัวเอง เนื่องจากแม้จะมีกฎหมายบังคับอยู่แต่บ่อยครั้งที่จะมีคนไม่ปฏิบัติ มันคือความใส่ใจในการขายพรีแคสและมาตรฐานความปลอดภัย
“มาตรฐานวิศวกรรมมีอยู่แล้ว แต่การปฏิบัติบางทีไม่ครอบคลุม มันอยู่ที่ความใส่ใจของคน ความรับผิดชอบในหน้าที่และจรรยาบรรณวิชาชีพ” ชาคริตเผยว่า เขาให้ความสำคัญเรื่องนี้มาโดยตลอด กับลูกค้าบางรายหากเจรจากันแล้วมองต่างกัน ไม่ให้ความสำคัญเรื่องมาตรฐานเขาก็เลี่ยงรับงานนั้นไปก็มี ทั้งนี้เพื่อทำให้บริษัทเป็นที่ยอมรับในเรื่องมาตรฐานสินค้าและความปลอดภัย “เราไม่ได้ดิ้นรนว่าต้องขายของตลอดเวลา ลูกค้าสามารถโทรมาปรึกษา ขอข้อมูล หรือขอให้ช่วยเรื่องเกี่ยวกับพรีแคสเรายินดีให้คำปรึกษา” แม่ทัพ CPANEL ยืนยันและว่า บ่อยครั้งที่เขาให้คำปรึกษาโดยไม่ได้เน้นขายของ
ชาคริตมักบอกพนักงานเสมอว่า เมื่อลูกค้าสอบถามเข้ามาต้องให้ข้อมูล ให้ความรู้ และให้คำปรึกษาลูกค้าอย่างดี เมื่อลูกค้ามีปัญหาหรือติดขัดอะไรต้องไม่นิ่งเฉย และอย่าคิดว่าธุระไม่ใช่ เพราะการที่ลูกค้าคิดถึง CPANEL นั่นหมายความว่า เวลามีงานเขาก็จะนึกถึงเราก่อนใคร การให้บริการที่ดีจะเป็นสิ่งที่สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า และเมื่อเขามั่นใจก็เท่ากับได้ลูกค้าอยู่ในมือ
“ลูกค้าดีต้องเก็บไว้ บอกเด็กทุกคนว่า เราเป็น B2B เราไม่ใช่ online business ที่คนจะซื้อของแค่ครั้งเดียวแล้วจบ เราต้องพร้อมบริการทั้งก่อนและหลังการขาย” แม่ทัพ CPANEL ย้ำและว่า ด้วยแนวคิดแบบนี้บริษัทจึงมีพนักงานที่ค่อนข้างสนิทกับลูกค้า เพราะได้พูดคุยช่วยเหลือให้ข้อมูลกันอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ลูกค้ามั่นใจมีอะไรก็จะโทรหาเราก่อน “ลูกค้าหาของไม่ได้ก็โทรหาเรา บางทีผมหาแหล่งซื้อของให้ด้วย แนะนำเลยเจ้านี้ถูกแถมต่อรองราคาให้เสร็จสรรพ” ชาคริต เผยอีกเคล็ดลับมัดใจลูกค้า หลายครั้งที่เขาแนะนำให้ลูกค้าได้เงื่อนไขดีราคาเดียวกับที่เขาซื้อได้

โฟกัสตลาดใหม่รับสร้างบ้าน
นอกจากตลาดรับเหมาก่อสร้างอาคารทั้งภาครัฐและเอกชนแล้ว ชาคริตเผยว่า ยังมีอีกตลาดที่มีมูลค่าน่าสนใจแต่ยังใช้เทคโนโลยีพรีแคสไม่มากอย่างตลาดบ้านสร้างเอง หรือที่มักเรียกกันว่า ธุรกิจรับสร้างบ้าน ซึ่งผู้ให้บริการในตลาดนี้มีทั้งบริษัทรับสร้างบ้านรายใหญ่รายเล็ก ยังมีผู้รับเหมารายย่อยให้บริการจำนวนมาก หลายคนอาจมองว่าตลาดนี้ไม่สำคัญ เพราะสร้างบ้านเป็นหลังมูลค่างานไม่สูงมาก แต่ชาคริตมองว่ารับสร้างบ้านเป็นอีกตลาดที่น่าสนใจ เห็นได้จากการขยายเข้ามาสู่ตลาดนี้ของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่
“ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลตลาดรวมอสังหาฯ อยู่ที่ 3.7 แสนล้านบาท เป็นรับเหมาสร้างบ้านถึง 2.2 แสนล้านบาท และที่สำคัญไม่มีเจ้าใหญ่เลย” ชาคริตเผยว่า รับสร้างบ้านเป็นอีกตลาดใหม่ที่ CPANEL จะรุกเข้าไปทำตลาดอย่างจริงจังภายในปีนี้ และเห็นว่าผู้ประกอบอสังหาฯ รายใหญ่อย่างแสนสิริและพฤกษาก็ประกาศเปิดธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นธุรกิจใหม่เมื่อไม่นานมานี้
ชาคริตย้ำว่า หลายคนอาจมองว่าตลาดรับสร้างบ้านไม่ใหญ่ แต่ที่จริงแล้วใหญ่มาก ในต่างจังหวัดมูลค่าหลักพันล้านหลายเจ้าใหญ่เริ่มขยายไปต่างจังหวัด แต่งานพรีแคสสำหรับตลาดนี้ถือว่ายังใหม่ แต่เป็นสิ่งที่คนรู้จักมากขึ้นแล้ว แต่อาจยังไม่แน่ใจ ไม่กล้าใช้ รอให้มีคนใช้ก่อนจึงจะใช้บ้าง ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้วระบบพรีแคสในด้านการผลิตนั้นบริหารต้นทุนได้ดีมาก เป็นทางเลือกที่ดีในยุคที่ค่าแรงขึ้น เพราะโรงงานพรีแคสใช้คนน้อยกว่า และใช้หุ่นยนต์ประมาณ 10% ในกำลังการผลิตเท่ากัน พรีแคสใช้คนน้อยกว่าถึง 10 เท่า ทุกคนรับรู้ข้อดีนี้มีหลายคนสอบถามแสดงความสนใจเข้ามาต่อเนื่อง ถือว่าการตอบรับของตลาดดีขึ้นมาก
“ขยายกลุ่มรับสร้างบ้านจะมีโปรดักต์ใหม่ภายในปีนี้ รับสร้างบ้านโมเดลเราค่อนข้าง flexible ตัวพรีแคสสามารถออกแบบได้หลากหลาย ไม่ได้เป็นกล่องสี่เหลี่ยมเหมือนยุคแรก” ชาคริตเผยแผนงานใหม่ที่กำลังจะขยายตลาดล่าสุดคือ ธุรกิจรับสร้างบ้านซึ่งเขาบอกว่า ตลาดนี้ผู้ซื้อง้อผู้ขายเพราะต้องการผู้ก่อสร้างที่ไม่ทิ้งงาน และกลุ่มนี้ยังเป็นตลาดที่ดี ธนาคารยอมรับว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่โปรไฟล์ดีสุดในกลุ่มซื้อบ้าน มี reject rate ต่ำกว่า 5% แต่โดยส่วนตัวชาคริตคิดว่าอัตราปฏิเสธสินเชื่อกลุ่มนี้ต่ำกว่า 1% ด้วยซ้ำ
ตลาดรับสร้างบ้านทุกวันนี้นำเสนอในราคาหลากหลายตั้งแต่ 30,000-40,000 บาทต่อตารางเมตร ไปจนถึง 80,000 บาทต่อตารางเมตรก็มีให้เห็น และมีลูกค้าจำนวนมากที่ต่อคิวรอจ้างงานรับสร้างบ้านที่ระดับราคา 60,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วนราคาตลาดในสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านส่วนใหญ่จะอยู่ที่ตารางเมตรละ 20,000-30,000 บาทปลายๆ ความต้องการมีอย่างต่อเนื่อง
ชาคริตบอกเล่าอีกหลายเรื่องราวที่เขาทำ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการทำธุรกิจของเขานั้นครอบคลุมตั้งแต่ต้นทาง ประหยัดต้นทุนการผลิต ช่วยให้งานก่อสร้างเสร็จเร็วขึ้น และยังใช้แรงงานน้อยลง ซึ่งในสภาวะที่ขาดแคลนแรงงานโรงงานพรีแคสของ CPANEL ใช้แรงงานประมาณ 200 กว่าคน สามารถทำการผลิตได้ถึง 2.5 ล้านตารางเมตรต่อปี ถือความคุ้มมากใช้คนแค่หลักร้อย เป็นการผลิตในยุคเทคโนโลยี
การผลิตของโรงงานขับเคลื่อนด้วยระบบออโตเมติกของหุ่นยนต์ ใช้แรงงานคนไม่มาก ชาคริตยอมรับว่า มีแรงงานต่างด้าวจำนวนหนึ่งส่วนใหญ่เป็นเมียนมาซึ่งเขาจ้างเป็นพนักงานประจำมีสวัสดิการที่พักให้ โดยจัดห้องให้พักให้ห้องละ 2 คน น้ำ-ไฟฟรี เพื่อให้พนักงานไม่ต้องกังวลเรื่องการใช้ชีวิต แต่ถ้ามีลูกก็ต้องย้ายออกไปอยู่ข้างนอกเพราะไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก เป็นเงื่อนไขที่แรงงานรับได้บริษัทก็สบายใจ

ภาพ: CPANEL
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ยุทธชัย จรณะจิตต์ ก้าวที่แกร่ง “ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป” เชนโรงแรมไทย มาตรฐานโลก



