เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ปรับทัพเสนาฯ สู่รายได้หมื่นล้าน - Forbes Thailand

เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ปรับทัพเสนาฯ สู่รายได้หมื่นล้าน

ภายใต้การบริหารของผู้บริหารหญิงแกร่ง ทายาทรุ่นสองของ “ธัญลักษณ์ภาคย์” ได้รับการถ่ายทอดสายเลือดทางธุรกิจอย่างเข้มข้น เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ หรือ ดร. ยุ้ย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ต้อนรับทีมงาน Forbes Thailand ด้วยบุคลิกที่มั่นใจ กระฉับกระเฉงในแบบฉบับผู้หญิงทำงานวัย 42 ปี

กว่าเสนาดีเวลลอปเม้นท์จะเติบโตสู่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยชื่อ SENA ที่มีมูลค่าสินทรัพย์รวมกว่า 7.63 พันล้านบาท และโครงการระหว่างการพัฒนา 30 โครงการทั่วทุกมุมเมืองของกรุงเทพฯ พร้อมพนักงานในบริษัทกว่า 500 คน ธีรวัฒน์ ธัญลักษณ์ภาคย์ ผู้เป็นบิดา ได้บุกเบิกอาณาจักรจากจำนวนพนักงานเพียง 50 คน และโครงการที่อยู่อาศัยเพียง 2 โครงการในย่านรามอินทรา
เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ หรือ ดร. ยุ้ย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
ย้อนไปราวปี 2524 ธีรวัฒน์ได้ก้าวสู่ความท้าทายใหม่จากโอกาสที่เล็งเห็นในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำให้เขาตัดสินใจเบนเข็มกิจการครอบครัวจากที่เริ่มต้นเปิดร้านจำหน่ายขนมลอดช่องและร้านรับติดตั้งไม้ปาร์เกต์ เขารวมกลุ่มเครือญาติพัฒนาโครงการทาวน์เฮ้าส์ ก่อนจะก่อตั้ง บริษัท กรุงเทพเคหะกรุ๊ป จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้าน เพื่อพัฒนาโครงการแนวราบขนาดใหญ่ “เสนาวิลล่า” ซึ่งฟันฝ่าวิกฤตหนี้สินเพิ่มขึ้นเท่าตัวในปี 2540 จากความสามารถของผู้นำทัพในการเจรจาหนี้ และการตัดขายที่ดินชำระหนี้ ขณะที่เส้นทางธุรกิจของ เกษรา เริ่มต้นขึ้น ทันทีที่มารดา (ศรีอนงค์ กีรติวรานนท์) โทรศัพท์แจ้งข่าวคราวเรื่องการป่วยเป็นโรคมะเร็งของบิดา ในระหว่างที่เธอกำลังทำงานเป็นอาจารย์ประจำคณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เธอตระหนักถึงความรับผิดชอบในการสานต่อกิจการของครอบครัว เธอต้องเรียนรู้งานอย่างหนักควบคู่กับการดูแลบิดาที่โรงพยาบาลตลอดระยะเวลา 1 ปี โดยยึดถือคติการทำงาน “ถ้าชกไม่ครบ 10 ยก ห้ามลงจากเวทีเด็ดขาด” “บทบาทอาจารย์และผู้บริหารแตกต่างกันมาก เพราะอาจารย์แค่บริหารตัวเองและลูกศิษย์ แต่ผู้บริหารต้องบริหารทั้งตัวเอง พนักงานและองค์กรให้เติบโต ซึ่งในปัจจุบันเราเป็นผู้บริหารเต็มเวลาและยังคงมีงานสอนที่ทำมากว่า 20 ปี โดยลาออกจากอาจารย์ประจำ เพราะไม่มีเวลาทำงานวิจัย แต่ยังเป็นอาจารย์พิเศษที่เน้นการสอนอ้างอิงจากประสบการณ์การทำธุรกิจจริง” เกษรา กล่าว
ตัวอย่างโครงการภายใต้การพัฒนาของ SENA
หลังการเข้ามาบริหารงานของเกษราในปี 2547 บริษัทได้มีการแปรสภาพสู่บริษัทมหาชน ภายใต้ชื่อ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 700 ล้านบาท และได้มีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมโครงการแรกของบริษัทภายใต้แบรนด์ เดอะ นิช ปัจจุบันเสนาฯ มีโครงการแนวราบในกลุ่มราคาเฉลี่ยตั้งแต่ 3-12 ล้านบาท และโครงการแนวสูงเจาะกลุ่มราคาตั้งแต่ 0.7-3.5 ล้านบาท รวมถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง อาทิ อะพาร์ตเมนต์ให้เช่า, คอมมูนิตี้มอลล์, สนามกอล์ฟ   ขยายอาณาจักรอสังหาฯ ท่ามกลางการแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ทวีความรุนแรง เกษรายังคงเชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจที่ขยายตัว และอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ อันเป็นปัจจัยหนุนธุรกิจอสังหาฯ ให้สามารถเติบโตได้เป็นอย่างดี “ธุรกิจอสังหาริมทรัพท์ยังเป็น majority ของ SENA เชื่อว่าความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากขนาดของบริษัทที่ไม่ใหญ่มากนัก ทำให้ยังมีโอกาสที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเดิมบริษัทมีรายได้มาจากการขายที่อยู่อาศัยอย่างเดียว ขณะนี้ได้เริ่มขยายไปทำธุรกิจรายได้ประจำ หรือ recurring income มากขึ้น เช่น คอมมูนิตี้มอลล์ สนามกอล์ฟ อะพาร์ตเมนต์ให้เช่า อาคารสำนักงาน เป็นต้น ซึ่งรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ทั้งสองขาจะเข้ามาช่วยในการสร้างพอร์ตรายได้เติบโตต่อไป” นอกจากนี้ เธอยังกล่าวเสริมว่า SENA ยังสนใจที่พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ ยกเว้นค้าปลีก ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ยากและมีความเฉพาะสูง เกษราฉายภาพว่า ความเปลี่ยนแปลงในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้สะท้อนชัดในมิติของผู้ซื้อและผู้ขาย โดยเฉพาะพฤติกรรมการซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งในอดีตผู้ซื้อมักตัดสินใจซื้อบ้านแนวราบหลังจากมีครอบครัว ทว่า หลายปีที่ผ่านมา กลุ่มผู้มีอายุน้อยและยังไม่มีครอบครัวเริ่มต้องการซื้อที่อยู่อาศัย โดยมักจะมองหาคอนโดมิเนียมเป็นหลัก และคอนโดฯ ยังนับเป็นหนึ่งในสินทรัพย์น่าลงทุน (asset class) เช่น การปล่อยเช่าระยะยาว หรือการขายต่อให้ชาวต่างชาติได้ ด้านความเปลี่ยนแปลงในมิติของผู้ขาย เริ่มมีทายาทธุรกิจเข้ามาบริหาร หรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น และการรุกตลาดของผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯ รายใหม่ซึ่งเป็นกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ในส่วนของ SENA ได้ร่วมทุนกับ บริษัท ฮันคิว เรียลตี้ จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของญี่ปุ่น ล่าสุดร่วมกันพัฒนาคอนโดมิเนียมแล้ว 2 โครงการรวมมูลค่าโครงการ 6.9 พันล้านบาท ที่ผ่านมา SENA ยังร่วมทุนกับ บริษัท ไอร่าแคปปิตอล จำกัด (มหาชน) และ บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด ภายใต้บริษัท แอสไพเรชั่น วัน จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานให้เช่า Spring Towerมูลค่าโครงการ 2.5 พันล้านบาท บริเวณสี่แยกราชเทวี เป็นอาคารสูง 27 ชั้น มีชั้นใต้ดิน 1 ชั้น ตั้งอยู่บนเนื้อที่ราว 3 ไร่ ในที่ดินเช่าระยะยาวจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มีพื้นที่อาคารประมาณ 55,000 ตารางเมตร
โครงการนิช โมโน สุขุมวิท 50
พลังงานทดแทนเติบโตเร็ว นอกเหนือจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ SENA ยังสนใจธุรกิจพลังงานทดแทน โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์  ทั้งยังมองว่าสามารถนำมาใช้กับที่อยู่อาศัยได้ ซึ่งหากมีการติดโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าและ เป็นการปลูกจิตสำนึกการอนุรักษ์ทรัพยากรโลก ดังนั้น ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทในเครือของ SENA ได้แก่ บริษัท เสนา โซลาร์ เอเนอร์ยี่ จำกัด ได้ร่วมลงทุนกับ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด เพื่อสร้างโซลาร์ฟาร์มและติดตั้งโซลาร์ รูฟ บนอาคารต่างๆ โดยมีกำลังการผลิตรวม 53 เมกกะวัตต์เพื่อขายไฟฟ้าให้กับรัฐ รวมทั้งบริการรับติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้กับผู้ที่สนใจด้วย ขณะที่โครงการที่อยู่อาศัยของ SENA ได้มีการติดตั้งโซลาร์รูฟบนหลังคาสำหรับลูกบ้านและติดบนพื้นที่ส่วนกลาง รวมถึงมีจุดชาร์ตไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โดยผู้บริโภคในปัจจุบันมีความเข้าใจมากขึ้น และให้การตอบรับบ้านติดตั้งโซลาร์รูฟมากขึ้น ด้วยยอดขายกว่า 200 ยูนิต นอกจากนี้ SENA ยังให้ความสำคัญกับบริการหลังการขาย เพราะมองว่า ขณะที่นักพัฒนาอสังหาฯ เสร็จสิ้นภารกิจหลังส่งมอบบ้าน แต่ลูกค้ากำลังจะเริ่มต้นใหม่พร้อมกับภาระการผ่อนบ้านหลายสิบปี SENA จึงพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน “SENA 360 Service” เพื่อตอบสนองผู้บริโภคในยุคดิจิทัล สำหรับให้ลูกค้าติดต่อนิติบุคคลได้ 24 ชั่วโมง และยังบริการฝากขายหรือปล่อยเช่าได้ด้วย นอกจากนี้ ลูกบ้านที่ติดตั้งโซลาร์รูฟยังสามารถตรวจสอบกำลังไฟฟ้าได้แบบเรียลไทม์
เกษรายังมุ่งมั่นสานต่อความตั้งใจของบิดา นับตั้งแต่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลและเห็นผู้ป่วยเข้ารับการรักษาจำนวนมาก เธอเดินหน้าโครงการ "บ้านร่วมทางฝัน" โดยนำกำไรจากโครงการมอบให้แก่โรงพยาบาลของภาครัฐ ปัจจุบันมีการพัฒนาแล้ว 3 โครงการ และสามารถมอบเงินบริจาคให้แก่โรงพยาบาลของรัฐกว่า 120 ล้านบาท (Photo Credit: Thinkofliving)
สำหรับเป้าหมายด้านรายได้ SENA มุ่งเน้นการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปในระดับ 20% ต่อปี จากรายได้ 4 พันล้านบาทในปี 2559 สู่เป้าหมาย 1 หมื่นล้านบาท ภายใต้การกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจและโครงสร้างรายได้ของบริษัท  ซึ่งในปัจจุบัน SENA มีการส่งมอบบ้านจำนวนมากกว่า 5,000 ยูนิตต่อปี โดยเกษราย้ำเสมอว่า ทั้งหมดคือ 5,000 ครอบครัวที่ต้องให้ความสำคัญกับทุกยูนิตที่ส่งมอบ เพราะแต่ละครอบครัวใช้เงินก้อนสำคัญในชีวิตซื้อบ้านและไว้ใจ SENA   เรื่อง: จุฑามาศ ศรีสวัสดิ์ ภาพ: กิตติเดช เจริญพร
คลิกเพื่ออ่าน "เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ปรับทัพเสนาฯ สู่รายได้หมื่นล้าน" ฉบับเต็มได้ในรูปแบบ e-Magazine