เบื้องหลังความสำเร็จบิ๊กไบค์สัญชาติอิตาเลียนที่สามารถสร้างชื่อ Ducati และยอดขายพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง สู่การเป็นตัวแทนจำหน่าย Lamborghini อย่างเป็นทางการ พร้อมสตาร์ทธุรกิจรับความท้าทายใหม่ ผงาดแบรนด์ Koenigsegg อวดโฉมไฮเปอร์คาร์สวีเดนในประเทศไทย
เส้นทางธุรกิจของลูกไม้ใกล้ต้นในอาณาจักรยานยนต์ระดับตำนานที่สามารถปรับประสบการณ์การทำงานจากยุคกงสีสู่การเริ่มต้นธุรกิจตัวแทนของแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก โดยเฉพาะการนำเข้าและจัดจำหน่ายยานยนต์ รวมถึงผลิตภัณฑ์นวัตกรรมล้ำสมัยด้วยความมุ่งมั่นเติมเต็มความสุขและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศ เพื่อยกระดับชีวิตให้มีความก้าวหน้ายิ่งขึ้นภายใต้พันธกิจ “Advancing Life” “ส่วนตัวเป็นคนชอบรถ เพราะตั้งแต่เกิดมาข้างล่างก็เป็นโชว์รูมรถยนต์ ช่วงนั้นยนตรกิจเป็นผู้นำเข้าและเป็นโรงงาน BMW เราจึงขอคุณปู่พ่นสีรถแปลกๆ อย่างสีแดง เหลือง ฟ้า และใส่ชุดสปอยเลอร์ของ BMW หรือล้อแม็กซ์ขาย จนผ่านไป 3 ปีกว่าขายได้ 400 กว่าคันก็รู้สึกชอบและสนุก เราไม่ได้คิดว่าเป็นงาน เวลากลับมาต้องมาลองรถเองและดูงานว่าเรียบร้อยหรือไม่ ซึ่งเป็นความสุขสมัยยังเด็ก” อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท ชาริช โฮลดิ้ง จำกัด เล่าถึงก้าวแรกบนเส้นทางยานยนต์ จากแผนกมอเตอร์สปอร์ตในธุรกิจของครอบครัวตั้งแต่ยังเป็นนิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยความหลงใหลในการแต่งรถเป็นแรงบันดาลใจเริ่มต้นบุกเบิกการรับตกแต่งรถยนต์และรับสั่งสีพิเศษ BMW ซึ่งสามารถสร้างยอดขายช่วง 3 ปีได้ราว 400 คัน หลังสำเร็จการศึกษาปริญญาโท MBA ที่ Clark University จาก Massachusetts สหรัฐอเมริกา อภิชาติได้มีส่วนร่วมสร้างการเติบโตให้อาณาจักรของครอบครัวอย่างเต็มตัว โดยแสดงฝีมือเพิ่มยอดจำหน่ายรถได้มากกว่าเท่าตัวในปีแรกของการทำงานก่อนจะเดินทางรับการอบรมด้านการบริหารธุรกิจรถยนต์และเยี่ยมชมโรงงานของบีเอ็มฯ ที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเบนเข็มขับเคลื่อนเส้นทางธุรกิจของตัวเอง “ช่วงเรียนที่เยอรมนีได้รู้จักกับเพื่อนต่างชาติจาก South America ซึ่งเป็นตัวแทน Ducati และแนะนำให้เรารู้จักกับ Ducati เราใช้เวลาวันหยุดบินไปคุยกับเขาพร้อมแผนธุรกิจจนทาง Ducati ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายในเมืองไทยปี 2547 โดยยังทำงาน BMW กับที่บ้านด้วยถึงปี 2552 เราออกจากที่บ้าน 100% และทำ Ducati เต็มตัว จากยอดขายปีแรก 12 คันเป็น 80 คันในปีนั้น ก็ขยับเป็น 200 คันในปี 2553 และขึ้นเป็น 1,500 คันในปี 2555 ซึ่งเป็นปีที่ Ducati ประกอบในประเทศ และสูงสุด 3,000 คันในปี 2558 โดยเรายังเห็นโอกาสของแบรนด์ Royal Enfield จากอังกฤษ ซึ่งเราเริ่มต้นจากยอดขาย 0 คัน ไม่มีใครรู้จักแบรนด์ในปี 2560 จนยอดขายมากกว่า 3,000 คันในปี 2562 ปีสุดท้ายก่อนที่จะคืนแบรนด์ให้เขาตามข้อตกลงตั้งแต่แรก” นอกจากนั้น อภิชาติยังขยายธุรกิจการนำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ทั่วโลกอย่างต่อเนื่องภายใต้ บริษัท ชาริช โฮลดิ้ง จำกัด ประกอบด้วย Ducati (ดูคาติ) รถบิ๊กไบค์พรีเมียมจากประเทศอิตาลี Lamborghini (ลัมโบร์กินี) ซูเปอร์สปอร์ตคาร์จากประเทศอิตาลี Koenigsegg (เคอนิกเส็กก์) ไฮเปอร์คาร์ระดับโลกสัญชาติสวีเดน iRobot (ไอโรบอท) นวัตกรรมหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านอันดับ 1 จากสหรัฐฯ IQAir เครื่องกรองอากาศและวัดคุณภาพอากาศประสิทธิภาพสูง NIU (นิว) Smart Electric Scooter อันดับ 1 ของโลก และ stylPro (สไตล์โปร) นวัตกรรมเครื่องล้างแปรงแต่งหน้าและปั่นแห้งเครื่องแรกของโลกจากอังกฤษ “บริษัทเราก่อตั้งในปี 2548 ช่วงแรกยังไม่ใช่โฮลดิ้งแต่ดูเฉพาะ Ducati จนเริ่มบาลานซ์แต่ละแบรนด์ให้ยอดขายใกล้เคียงกันจึงตั้งเป็นโฮลดิ้ง ซึ่งที่มาของชื่อชาริชมาจากภรรยา (ม.ล. พลอยนภัส) เป็นอาจารย์ที่อักษรศาสตร์ จุฬาฯ เขาไม่ได้มองเรื่องความเป็นธุรกิจและทำมูลนิธิชื่อปันสุขขึ้นมา ตรงนั้นจึงเป็นที่มาว่า ถ้าคอนเซ็ปต์ของธุรกิจขายของไม่ได้คาดหวังเรื่องเงิน แต่หวังให้ผู้ใช้มีความสุข เราจึงคิดถึงคำว่า share หรือแบ่งปัน ส่วน rich ในที่นี่ไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นความร่ำรวยความสุข หรือการแบ่งปันความสุข ดังนั้น เรามั่นใจในของที่เรานำเข้ามาทุกอย่าง เราไม่พูดว่าดีที่สุด แต่อยู่ในระดับที่เราใช้เองและมั่นใจว่าดีจริง” Lamborghini พร้อมทวงบัลลังก์ บนความเชื่อมั่นในการสะสมไมล์ทางแห่งความสุขที่สามารถทอดยาวสู่ปลายทางความสำเร็จได้มากกว่าการมุ่งพิชิตเพียงตัวเลขยอดขาย พร้อมให้ความสำคัญกับการลงทุนสร้างแบรนด์และทุ่มเทเอาใจใส่สร้างความประทับใจในทุกรายละเอียดได้กลายเป็นแรงส่งให้ บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด ภายใต้กลุ่ม ชาริช โฮลดิ้ง กลายเป็นม้ามืดทที่สามารถคว้าสิทธิตัวแทนจำหน่ายซูเปอร์คาร์แบรนด์กระทิงดุ Lamborghini อย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทยร่วมกับ กีกี้-ศักดิ์ นานา ในช่วงปี 2561 หนึ่งในการลงทุนสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นด้านการให้บริการและการสร้างแบรนด์ Lamborghini ให้แข็งแกร่งในประเทศไทยคือ การเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการหลังการขาย Lamborghini ขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในเดือนมกราคมปี 2562 โดยเป็นศูนย์บริการแบบครบวงจรแห่งแรกที่เป็นห้องปิดติดระบบปรับอากาศทั้ง 7 ช่องซ่อม พร้อมให้บริการด้วยความใส่ใจตามมาตรฐานคุณภาพระดับโลก และทีมงานที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี สามารถรองรับรถ Lamborghini ได้มากกว่า 1,000 คันต่อปี รวมถึงห้อง Ad Personam ที่สามารถเลือกปรับแต่งรถให้สะท้อนบุคลิกได้ตามต้องการ ซึ่งเห็นตัวอย่างการตกแต่งภายนอกและภายในด้วยระบบ interactive ขณะที่บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างคอมมูนิตี้ Lamborghini โดยมีการแต่งตั้ง Lamborghini Club Thailand อย่างเป็นทางการจาก Automobili Lamborghini ประเทศอิตาลีเป็นครั้งแรกในประเทศไทยและครั้งแรกของโลก สำหรับสมาชิก Lamborghini Club จะได้รับการสนับสนุนดูแลจากเรนาสโซ มอเตอร์ แบบเอ็กซ์คลูซีฟด้วยกิจกรรมร่วมกันตลอดทั้งปี นอกจากนั้น อภิชาติยังเล็งเห็นโอกาสสร้างการเติบโตให้อาณาจักรยานยนต์แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยร่วมกับ ศักดิ์ นานา เป็นตัวแทนจำหน่ายไฮเปอร์คาร์สมรรถนะสูงสัญชาติสวีเดน Koenigsegg อย่างเป็นทางการในประเทศไทย พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมไฮเปอร์คาร์ 2 รุ่น มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท ได้แก่ Koenigsegg Gemera Mega-GT 4 ที่นั่งคันแรกของโลก ซึ่งมีเพียง 300 คันทั่วโลก และ Koenigsegg Jesko Absolut ไฮเปอร์คาร์ที่เร็วและแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Koenigsegg เมื่อปลายปี 2563 “การสร้างแบรนด์ Koenigsegg ถือเป็นความท้าทายที่ดี ผมคิดว่า เด็กผู้ชายเกือบทุกคนชอบรถยนต์และซูเปอร์คาร์อย่าง Lamborghini หรือ Koenigsegg ยิ่งเป็นที่สุด ซึ่งคุณกีกี้ที่ทำด้วยกันก็คิดเหมือนผมคือ ถ้ามีโอกาสและดูแล้วสนุกก็อยากจะลองทำดู โดยการสร้างแบรนด์ Koenigsegg จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่รู้อยู่แล้วว่า positioning รถอยู่ตรงไหน หน้าที่ของเราคือ การสื่อสารให้เขาทราบว่ารถอยู่ที่ไหน และ available แล้ว ด้วยราคาที่ reasonable และเราสามารถดูแลรถเขาได้ พร้อมการบริการใส่ใจทุกรายละเอียด” อภิชาติ ลีนุตพงษ์ กล่าวในฐานะที่ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัท เจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด (ในเครือชาริช โฮลดิ้ง) โดยมีศักดิ์ นานา นั่งเก้าอี้กรรมการบริษัท ขณะเดียวกันผู้นำธุรกิจวัย 46 ปียังเล็งเห็นความสำคัญของการดำเนินธุรกิจบนแนวทาง sustainable โดยกำหนดให้เป็นหนึ่งใน corporate brand ของบริษัทพร้อมวางเป้าหมายให้ชาริช โฮลดิ้งเป็นบริษัทที่สามารถมอบความสุขและสร้างความพึงพอใจให้กับผู้เกี่ยวข้องทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภค พนักงาน ผู้ถือหุ้นและบริษัทผู้ให้สิทธินำเข้าหรือจัดจำหน่าย โดยเฉพาะการสร้างความสุขให้กับพนักงานในองค์กรทั้งทางกายและทางใจเพื่อส่งต่อการบริการและความประทับใจถึงภายนอกองค์กร “หนึ่งใน corporate brand ของเราคือ sustainable ไม่ใช่ไม่ขายของ หรือไม่ awareness แต่เรามีความเข้าใจในความพอเพียง เราทำในส่วนที่เราทำได้ ลูกค้าที่ใช้มีความสุขแบรนด์ต่างๆ พอใจกับสิ่งที่เราทำ พนักงานทุกคนอยู่ด้วยกันเหมือนเป็นครอบครัว ทุกคนมีความสุขที่ได้ทำงานที่นี่ ซึ่งเราต้องมีตัวเลขอยู่แล้ว เพราะไม่ได้ทำเล่นๆ ตัวเลขเป็นเป้าหมายแรก แต่ไม่ใช่ต้อง maximize profit เราต้องอยู่ได้และมีกำไรแต่ไม่ใช่ต้องได้กำไรสูงสุด สิ่งที่เราคาดหวังคือ การรักษายอดขายให้บวกไปเรื่อยๆ” ภาพ: กิตติเดช เจริญพรคลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ในรูปแบบ e-magazine