เลือดผู้ประกอบการที่เข้มข้นของ วีรวัฒน์ องค์วาสิฎฐ์ ได้ขับให้เขาลุกขึ้นสร้างธุรกิจโรงแรมหรูเป็นของตนเอง เขาเปรียบบริษัทเป็น “ปลาเร็ว” ที่มองหาโอกาสและจังหวะบนโลกการลงทุน วันนี้ วีรันดา รีสอร์ท กำลังฮึกเหิมขยายพอร์ตการลงทุน ไม่ว่ามองหาที่เปิดโรงแรมใหม่ สร้างเรสซิเดนซ์ขาย หรือร้านอาหาร หลังเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ไม่นาน
ณ Club Signature Meeting Room ชั้น 25 ของโรงแรม โซ โซฟิเทล แบงค็อก เป็นจุดนัดพบของพวกเราทีมงาน Forbes Thailand กับ วีรวัฒน์ องค์วาสิฎฐ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) ที่นี่ เป็นหนึ่งในโรงแรมแห่งความภาคภูมิใจของวีรวัฒน์ เนื่องจากเป็นโรงแรมแห่งที่ 3 ที่ได้บุกเบิกมา มีเอกลักษณ์ของการออกแบบ และเป็น โซ แบงค็อก แห่งเดียวในเมืองหลวงของไทย ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 80% ถือเป็นความสำเร็จก้าวเล็กๆ และก้าวแห่งความมุ่งมั่นของหนุ่มวัย 48 หลังก่อตั้งบริษัทมากว่า 15 ปี “มาถึงวันนี้ คงเป็นเพราะสายเลือดผู้ประกอบการที่ได้รับมาจากพ่อ อยากจะสร้างธุรกิจเป็นของตนเอง” เขาเกริ่น15 ปี 5 โรงแรม
วีรวัฒน์เติบโตในครอบครัวนักธุรกิจ ที่บ้านทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและมีพี่เขยเป็นนักธุรกิจอย่าง วิชา พูลวรลักษณ์ เจ้าของ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำตลาดธุรกิจโรงภาพยนตร์ของประเทศ ในปี 2545 ในฐานะทำงานด้านวานิชธนกิจมาก่อน วีรวัฒน์ได้เข้าช่วยนำเมเจอร์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรวมทั้งช่วยงานด้านอื่นๆ ทั้งด้านการเงินและด้านการลงทุนสัมพันธ์ ทว่า เขากลับไม่พึงพอใจกับบทบาทนี้สักเท่าไรนัก เพราะส่วนลึกของชีวิตยังโหยหาที่จะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง “เข้าสู่ธุรกิจโรงแรมแบบจับพลัดจับผลูมากกว่า” เขาบอกพร้อมรอยยิ้ม วีรวัฒน์ชิมลางธุรกิจโรงแรมมาก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2540 โดยเขาบริหารโรงแรมระดับ 3 ดาวของครอบครัวที่จังหวัดเชียงใหม่ (ปัจจุบันขายไปแล้ว) วันหนึ่งเมื่อมีทุนทรัพย์มากขึ้นก็เริ่มหาธุรกิจลงทุนในระยะยาว และธุรกิจโรงแรมก็แวบเข้ามาในความคิด เพราะมองว่าอนาคตน่าจะเติบโตไปด้วยดี ประกอบกับได้เรียนรู้งานในอุตสาหกรรมนี้มาก่อน และมีประสบการณ์ด้านการเดินทางด้วยตนเอง ทำให้ได้พบเจอโรงแรมที่มีดีไซน์หลากหลายขณะเข้าพัก ดังนั้น จึงคิดว่าอุตสาหกรรมนี้น่าสนใจ น่าสนุก น่าลงทุน ที่สำคัญคือ มีอะไรอีกมากที่สามารถต่อยอดได้ในระยะยาว ในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกทำธุรกิจนี้โรงแรมแห่งแรกของวีรวัฒน์ได้เปิดตัวขึ้นในปี 2547 ในนาม “วีรันดา รีสอร์ท หัวหิน” เขาบอกว่า เป็นโรงแรมแห่งความต่างที่ตั้งใจสร้างขึ้น โดยใช้ความรู้สึกนำเหตุผลทั้งปวง ไม่ได้เริ่มต้นโจทย์ที่ว่า ต้องเป็นโรงแรมไฮเอนด์ หรือระดับ 5 ดาว แต่เขาดูความต้องการของผู้เข้าพักมากกว่า ซึ่งต้องการพักกับโรงแรมที่ไม่เป็นเชน โดยมุ่งเน้นขาย “ประสบการณ์การเข้าพัก” ปัจจุบันวีรันดา หัวหิน มีอัตราการเข้าพักมากกว่า 60% แม้เป็นตัวเลขไม่สูงมาก แต่ก็ประสบความสำเร็จในการกำหนดราคาห้องพักได้ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะจากห้องพูล วิลล่า จากนั้น 4 ปีต่อมา วีรันดา เชียงใหม่ เดอะ ไฮ รีสอร์ท ก็เปิดตัวขึ้น เป็นโรงแรมแห่งที่ 2 มีขนาด 69 ห้อง ที่อำเภอหางดง ตามด้วย ปี 2555 โรงแรม “โซ โซฟิเทล แบงค็อก” จำนวน 237 ห้อง และปี 2558 เข้าซื้อกิจการโรงแรม “ร็อคกี้ บูติค รีสอร์ท” ขนาด 50 ห้อง ที่เกาะสมุย และเปิดโรงแรม วีรันดา รีสอร์ท พัทยา ขนาด 145 ห้อง โรงแรมทั้ง 5 แห่งได้ตอกย้ำถึงก้าวแห่งความสำเร็จบนถนนสายนี้ของวีรวัฒน์ ระหว่างทางของการดำเนินธุรกิจโรงแรม วีรวัฒน์ยังได้ริเริ่มธุรกิจสร้างอาคารชุดพักอาศัยขาย โดยเริ่มแห่งแรกที่อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ในนาม “วีรันดา ไฮ เรสซิเดนซ์ เชียงใหม่” ในปี 2551 เป็นอาคารชุด low rise ตามด้วยแห่งที่ 2 “วีรันดา เรสซิเดนซ์ พัทยา” ประเภท high rise สูง 35 ชั้น มี 329 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1.97 พันล้านบาท ปี 2557 นอกจากนี้ ยังเห็นโอกาสทางธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม บวกกับความหลงใหลในการสร้างแบรนด์ ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจขยายสู่ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม โดยสร้างแบรนด์ขึ้นมาใหม่ สืบเนื่องจากเป็นผู้เล่นที่มาทีหลังและตลาดมีการแข่งขันสูง เขาจึงต้องคิดหาหนทางแจ้งเกิดให้กับแบรนด์ใหม่ของเขา แต่ต้องด้วยวิธีที่ร่วมสมัยและไม่ใช้ “เงิน” มาก ดังนั้น เขาจึงเลือกใช้ “พลัง” ของโซเชียลมีเดีย เข้าช่วย “แชร์” ช่วยขับเคลื่อน เขาค้นพบว่า ทั้งกลุ่มคนพักและลูกค้า เป็น “micro influencer” ได้มาก เพราะทุกคนพร้อมจะแชร์ภาพและความประทับใจผ่านมือถือให้กับคนอื่นๆ ด้วยโจทย์นี้เอง เขาจึงเน้นการออกแบบร้านให้มี “signature” มีสไตล์ เพื่อสร้างแบรนดิ้ง ดึงดูดลูกค้า โดยร้านอาหารแห่งแรกของเขามีชื่อว่า “Skoop Beach Café” ปัจจุบันเปิดให้บริการอยู่ที่พัทยาและหัวหิน และในปีที่แล้ว ยังได้เปิดอีกแบรนด์ที่ชื่อ KOF ปัจจุบันมี 2 สาขา “โรงแรมเราเป็นที่รู้จัก ส่วนหนึ่งเพราะมีการแชร์ภาพและประสบการณ์พักบนโลกโซเชียล” เมื่อทุกอย่างเดินหน้าไปด้วยดี ในปี 2561 วีรวัฒน์จับบริษัทแต่งตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในระยะยาว “เข้าตลาดฯ ก็เพื่อมีแหล่งระดมทุน พอมีไอเดีย มีโอกาส หรือจังหวะการลงทุน ก็สามารถลงมือทำได้เลย เป็นการสร้างความพร้อมให้บริษัท ทั้งยังสร้างความน่าเชื่อถือและได้เครดิตให้กับบริษัทในการลงทุนอีกด้วย” “จุดเด่นของพวกเรา นอกเหนือจากการเป็น entrepreneur แล้ว เรายังมีความคล่องแคล่ว...เราเป็นองค์กรที่เป็นปลาเร็ว ใช้ความเร็ว...ใหญ่ไม่สำคัญเท่าเร็ว” วีรวัฒน์กล่าว วันนี้ วีรันดาอยู่ในตลาดฯ ตามที่คาดหวัง และโรงแรมของวีรันดาก็ได้รับความชื่นชมถึงการดีไซน์และการบริการจากผู้เข้าพัก วีรวัฒน์บอกว่า รู้สึกดีใจกับความสำเร็จในวันนี้ ถือเป็นท่อน้ำเล็กๆ ที่ช่วยหล่อเลี้ยงให้เขาเดินหน้าพิชิตเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นต่อไป นั่นคือ สร้างแบรนด์โรงแรมของ “วีรันดา” ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของชาวต่างชาติเข้ามาพัก ภาพ: กิติเดช เจริญพรคลิกอ่านฉบับเต็ม “ “ปลาเร็ว” บนโลกการลงทุน หนทางของคนตัวเล็ก” ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกันยายน 2562 ได้ในรูปแบบ e-Magazine