ฟ้าหลังฝนของทีวีไดเร็คที่ใช้เหรียญบาทชี้ชะตาให้เดินหน้าคืนสังเวียนธุรกิจขายสินค้าผ่านโทรทัศน์ สู่เจ้าตลาดโฮมช็อปปิ้งยอดขายกว่า 4 พันล้าน พร้อมเติมเต็มสวรรค์นักช็อป ตั้งแต่ยุคทีวีดิจิทัลถึงกระแสออนไลน์กลายเป็นช่องทาง Omni Channel เต็มรูปแบบ
เสี้ยววินาทีของชีวิตที่พลิกผันจากเหรียญบาทเพียงเหรียญเดียวได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นการตัดสินใจครั้งสำคัญกับการวางเงินเดิมพัน 400,000 บาท ด้วยความมุ่งมั่นเพียรพยายามทุกวิถีทาง ภายใต้คำว่า “ต้องรอด” เป็นใบเบิกทางเดินหน้าสร้างธุรกิจจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางโทรทัศน์ในช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจ “เราเกิดมาในช่วงที่ยากลำบากที่สุดในการทำธุรกิจ ถ้าเป็นป่าไม้คงเป็นช่วงหลังไฟไหม้ เราไม่ได้มองเห็นโอกาส แต่ช่วง หลังจากบวช 2 อาทิตย์และสึกออกมา ลูกน้อง 10 กว่าคนมาที่วัดเพื่อหารือว่าควรทำอย่างไรต่อดี ผมโยนหัวก้อย และออกหัวก็เลยทำ ด้วยเงินติดตัวอยู่ 400,000 บาท และก๋ำเช้งซึ่งเป็นโอกาสที่ผู้ใหญ่มอบให้ ผมอาจจะไม่ได้มองโอกาสทางธุรกิจมากกว่าความไว้วางใจที่ทุกคนให้มา และเรารู้อย่างเดียวว่าต้องทำ” ทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ยังคงระลึกถึงโชคชะตาและโอกาสที่ได้รับนับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้นสร้างอาณาจักร แม้ทรงพลจะไม่ได้สำเร็จการศึกษาด้านการตลาดโดยตรง แต่เขาสามารถสั่งสมความรู้และความเชี่ยวชาญนอกตำราผ่านประสบการณ์ทำงานจริงจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยสินเชื่อรายบุคคลและได้รู้จักกับการตลาดทางตรง (direct marketing) เป็นครั้งแรก ก่อนจะเริ่มธุรกิจการขายตรงผ่านแคตตาล็อกหรือ mail order แต่เพราะเกิดวิกฤตปี 2540 และบริษัทถูกเทกโอเวอร์ ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากธุรกิจที่ปั้นมากับมือ หลังข้ามผ่านความบอบช้ำและฟื้นตัวจากพิษบาดแผล ทรงพลเชื่อมั่นในโชคชะตาที่ลิขิตให้ก้าวต่อบนเส้นทางการขายสินค้าผ่านหน้าจอโทรทัศน์ในระบบฟรีทีวีหรือ direct response television (DRTV) โดยมีเครื่องออกกำลังกายเป็นสินค้าชูโรงในบรรดาสินค้า 17-18 รายการในยุคแรก และปรับเปลี่ยนเป็นการตลาดขายตรงหรือ direct marketing ผ่านทางโทรศัพท์และร้านค้าปลีกจนยอดขายทะยานเกือบ 1 พันล้านบาทในช่วงทศวรรษแรก ในปัจจุบันบริษัทแบ่งโครงสร้างธุรกิจออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ Direct Shopping ซึ่งมีทั้งทางโทรทัศน์ โทรศัพท์ สื่อสิ่งพิมพ์ และ Online Shopping ขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ทุกช่องทาง รวมทั้ง Retail Shopping ผ่านร้านค้าที่ขายทั้งปลีก-ส่ง 87 แห่ง “...เรามองร้านค้าเป็น service point มากกว่าช่องทางการขายเต็มรูปแบบ โดยเป็นหนึ่งใน omni หรือ experience ให้กับลูกค้า เราวางของและใช้คอนเซปท์ว่า ทีวีไดเร็ค สินค้าพิสูจน์ได้” ทรงพลกล่าว ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำรายได้รวมอยู่ที่ 3.99 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.24% จากปีก่อนที่ทำได้ 3.33 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิสูงสุดในรอบ 5 ปี ด้วยจำนวน 57.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 187.41% จากปีก่อนที่ขาดทุน 68.29 ล้านบาท เนื่องจากการปรับรูปแบบโฆษณาและรายการโฮมช็อปปิ้งให้น่าสนใจมากขึ้น การนำเสนอสินค้าใหม่ และยอดขายช่องทางออนไลน์ที่เติบโตได้ดี “คีย์ที่ทำให้เราประสบความสำเร็จอยู่ที่ครีเอทีฟในการนำเสนอ ถ้าถูกก็อปปี้ เราก็หนีไปเรื่อยๆ สร้างของใหม่ของต่อเนื่อง ผมบอกกับลูกน้องเสมอว่า หากคุณเป็น original ไม่ต้องท้อ ถ้าเขาตาม เราให้ตาม เรามีหน้าที่ให้เขาตามจนเหนื่อย เราคิดไป เรื่อยๆ ถ้ายังมีความสุขอยู่ จงทำต่อไป ผมไม่มีนโยบายบ่าคนอื่นให้สั้น แต่เราต้อง ต่อให้ยาว”แค่โฮมช็อปปิ้งยังไม่พอ
แม้ครั้งหนึ่งจอร์จและซาร่าจะเคยสร้างปรากฏการณ์เรียกความสนใจจากผู้ชมบนหน้าจอโทรทัศน์ได้สำเร็จ แต่กาลเวลาที่ล่วงเลยอาจจะทำให้ทั้งคู่ร่วงโรยลงจนถึงคราวต้องยกเครื่องพลิกโฉมครั้งใหญ่ในโอกาสครบรอบ 20 ปี “วันนี้ผู้บริโภคไปออนไลน์แล้ว แต่ไม่ได้ไป 100% ไม่มีใครดูทีวี 100% หรือใช้มือถือ 100% สุดท้ายไม่ได้ฆ่ากัน แต่ใช้หมด ซึ่งคนไทยประมาณ 69 ล้านคนอาจจะแบ่งเป็น super digital ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น mobile banking ประมาณ 24 ล้านคน กลุ่มที่อยู่ตรงกลางประมาณ 30 ล้านคน และ super analog ประมาณ 15 ล้านคน” ทรงพลกล่าวถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งปัจจุบันคนไทยมีสมาร์ทโฟนจำนวนกว่า 92.33 ล้านเครื่อง โดยมีค่าเฉลี่ยการใช้โทรศัพท์มือถือสูงที่สุด ในโลกราว 4.53 ชั่วโมงต่อคนต่อวันเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลก 3.05 ชั่วโมงต่อวัน อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ยังมีการรับข้อมูลข่าวสารทางออฟไลน์ประมาณ 55% ออนไลน์และออฟไลน์ 15% ออนไลน์ เป็นหลัก 30% ขณะที่กลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทที่มีกำลังซื้อสูงในช่วงอายุ 55-64 ปี มีจำนวนประมาณ 15.7 ล้านคนเป็นกลุ่มที่ นิยมชมโทรทัศน์ และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายวัยทำงานอายุ 25-54 ปีมีจำนวนกว่า 31.7 ล้านคน ส่งผลให้การใช้สื่อแบบแมสมีเดียที่เข้าถึงประชาชนได้จำนวนมากยังมีความจำเป็น “กลุ่มเป้าหมายของเรายังไม่เปลี่ยน แต่เพิ่มขึ้น เพราะลูกค้าของเราเติบโตมาพร้อมกับเรา จากวันแรกลูกค้าอาจจะอายุ 25-40 ปี วันนี้ผ่านมา 20 ปี อายุเขาอาจจะ 40-70 ปี ทำให้เรามีสินค้าไม้เท้า แว่นขยายไร้มือจับ ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลัก ช่วงอายุประมาณ 35-70 ปี วันนี้มีจำนวน กว่า 40 ล้านคน เขาอาจจะบริโภคน้อยลง แต่ยังมีความต้องการใช้สินค้ามาก...” “สัดส่วนรายได้ของเรายังมาจากทีวี เป็นหลัก 55% ออนไลน์ 10% ที่เหลือ เช่น ร้านค้าปลีก, call center และ mail order ประมาณ 35% โดยเราต้องการทำ digital transformation คนดูทีวีน้อยลง ใช้ออนไลน์มากขึ้น ซึ่งเราต้องเป็น content provider หนึ่งใน mobile marketing ในอนาคตให้ได้... จากที่เคยวางตัวเองเป็น TV Shopping วันนี้เราจะเป็น Video Marketer ผมไม่ได้ทำละคร แต่เป็นคอนเทนต์สนุกสนานเพื่อขายของ...”View this post on Instagram
...waiting for Gist...
ปูทางออนไลน์ช็อปปิ้ง
นอกจากนั้น ด้านออนไลน์ช็อปปิ้ง ทรงพลยังมุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือเป็นพาร์ทเนอร์กับสื่อโซเชียลมีเดียชั้นนำ เพื่อพัฒนากลยุทธ์การทำโฆษณาร่วมกัน รวมถึงวางแผนปรับโฉมเว็บไซต์และแอปพลิเคชันใหม่ ซึ่งลูกค้าสามารถรับชมและช็อปผ่านรายการสดได้ตลอด 24 ชั่วโมงบนสมาร์ทโฟน
สำหรับฐานลูกค้าด้านออนไลน์ของบริษัทในปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 200,000 ราย และ ผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์กว่า 3 ล้านคน โดยมีสินค้าจำหน่ายราว 8 หมวดครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้ามากกว่า 2,000 รายการ พร้อมเพิ่มจำนวนถึง 5,000 รายการตามความต้องการของผู้บริโภค
- ไพรซ์ซ่าชี้ภาพรวมอี-คอมเมิร์ซรุ่ง เปิด 4 เทรนด์สำคัญแนะผู้ค้าไทยเร่งปรับตัว
- David Jou ถักทอคุณภาพให้ Pomelo วาดแพทเทิร์น Omnichannel สูตรขายเสื้อผ้า Fast Fashion
คลิกอ่านบทความฉบับเต็มของ “ทรงพล ชัญมาตรกิจ พลิกโฉม "จอร์จ-ซาร่า" ทะลุจอ” ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ มิถุนายน 2562 ในรูปแบบ e-magazine