สุริยันต์ โคจรโรจน์ ปั้นโรงพยาบาลศิครินทร์ครบโซลูชันสุขภาพ กว่า 3 ทศวรรษในการสร้างปรากฏการณ์โรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกของประเทศที่จดทะเบียนระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมปักหมุดธุรกิจในเขตพื้นที่ตะวันออกของกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และสงขลา ด้วยความมุ่งมั่นสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องให้สอดคล้องกับกระแสของความเปลี่ยนแปลง เพื่อตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพครบวงจร
“ในวันนี้เราต้องมองธุรกิจโรงพยาบาลให้มากกว่าการเป็นโรงพยาบาล และผู้ป่วยมากกว่าการเป็นผู้ป่วย ดังนั้น เราต้องคิดว่าโรงพยาบาลจะทำให้คนมีสุขภาพดีได้อย่างไร ซึ่งเราได้วางกลยุทธ์แบ่งเป็นส่วน hospital และ non-hospital โดยเปลี่ยนจาก service provider เป็น service solution” สุริยันต์ โคจรโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่ด้านปฏิบัติการ บริษัท ศิครินทร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SKR วัย 40 ปี กล่าวถึงแนวทางการปรับแผนธุรกิจหลักที่วางไว้ แม้ก้าวแรกบนเส้นทางของสุริยันต์จะเริ่มต้นจากการศึกษาปริญญาตรีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเริ่มงานที่โรงพยาบาลศิครินทร์ซึ่งได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบด้านการขยายพื้นที่การให้บริการในโรงพยาบาล และภาพรวมการลงทุนของบริษัท แต่ด้วยความพยายามเรียนรู้การทำงานผ่านประสบการณ์จริงนอกตำราและความสามารถสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งขยับสู่เก้าอี้บริหารพร้อมเข้าร่วมนำทัพอาณาจักรธุรกิจ ขณะเดียวกันสุริยันต์ยังแสดงฝีมือสร้างการเติบโตให้โรงพยาบาลทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 10 ปี ด้วยกำไรเพิ่มขึ้น 44% อยู่ที่จำนวน 350 ล้านบาท และรายได้เพิ่มขึ้น 5% อยู่ที่จำนวน 3.84 พันล้านบาทในปี 2563 จากคุณภาพมาตรฐานของโรงพยาบาล การสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ Sikarin การให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการคนไข้ประกันสังคมให้สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างสอดคล้องกับความต้องการ
“ลูกค้าประกันสังคมมีผู้ประกันตนเลือกเรา 170,000 รายที่กรุงเทพฯ ส่วนสมุทรปราการ 60,000 รายจากโควต้า 120,000 ราย และหาดใหญ่มีผู้ประกันตน 70,000 รายจาก 130,000 ราย ซึ่งเราเพิ่งขอโควต้าเพิ่มที่สมุทรปราการและหาดใหญ่ โดยรวมแล้วเราสามารถรองรับผู้ประกันตนได้ถึง 500,000 ราย ซึ่งทุกแห่งจะมีการสร้างอาคารคลินิกเวชกรรมประกันสังคมให้บริการผู้ป่วยประกันสังคมโดยเฉพาะ ทำให้เราสามารถดูแลได้ง่ายขึ้น และลูกค้าประกันสังคมก็สามารถเข้าถึงการใช้บริการมากขึ้น”
สุริยันต์กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับจุดแข็งของโรงพยาบาลที่มีส่วนสำคัญในการเติบโตทางธุรกิจ ได้แก่ ความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ที่ได้รับความเชื่อถือและรางวัลมาตรฐานสากลระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดและระบบประสาท โรคเบาหวาน โดยมีบุคลากรทางการแพทย์รวมกันทั้งกลุ่มจำนวนกว่า 1,000 คน ประกอบด้วยแพทย์ประจำประมาณ 300 คน แพทย์ที่ปรึกษาหรือแพทย์เฉพาะทางประมาณ 500 คน และแพทย์พาร์ตไทม์มากกว่า 100 คน พร้อมพิจารณาเพิ่มจำนวนแพทย์ให้สอดคล้องกับผู้ใช้บริการที่มากขึ้น
นอกจากนั้น โรงพยาบาลยังเดินหน้าตอกย้ำความสามารถในการรักษาโรคที่มีความซับซ้อนและความเชี่ยวชาญเฉพาะทางผ่านแคมเปญ “เรื่องผ่าตัดไว้ใจศิครินทร์” หรือ #TrustSikarin ส่งผลให้มีรายได้จากกลุ่มคนไข้ใน (IPD) เพิ่มขึ้น และกลุ่มผู้ใช้บริการในโรงพยาบาลระดับไฮเอนด์ที่ให้ความไว้วางใจใช้บริการรักษาพยาบาลกับศิครินทร์มากขึ้น
- ชูแบรนด์สู่ Healthcare Solution
ด้านการให้บริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลมุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพทางการแพทย์และการเพิ่มจำนวนแพทย์เฉพาะทางให้มากขึ้น ทั้งยังพิจารณาเปิดสถาบันทางการแพทย์และการขยายพื้นที่ให้บริการครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพฯ สมุทรปราการ และหาดใหญ่ ตลอดจนการขยายสาขาไปยังหัวเมืองใหญ่ในประเทศ
“ผมมองศิครินทร์เป็นแบรนด์ที่ในอนาคตทุกคนสามารถเดินทางมาศิครินทร์ได้จากทั่วโลก ถ้าเราสามารถพัฒนาศักยภาพทางการแพทย์ให้ได้รับความไว้วางใจ ลูกค้าจะเลือกเข้ามาเอง โดยไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถรักษาพยาบาลที่เราได้ และสามารถติดต่อศิครินทร์ได้ตลอดเวลาทั้งโทรศัพท์และแอปพลิเคชัน ซึ่งในปีนี้เรากำลังจะเปิดตัวแพลตฟอร์มที่ใช้ในการติดต่อกับฐานลูกค้าในระบบของเรากว่า 1.5 ล้านคน โดยเราสามารถประเมินได้ว่า ลูกค้าแต่ละคนมีความเสี่ยงหรือ pain point อย่างไร ช่วงระหว่างการรักษาเป็นอย่างไร และเราดูแลเขาหลังการรักษาอย่างไร ซึ่งเป็น ecosystem ของศิครินทร์ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า แม้จะกลับไปอยู่ที่บ้านแต่ก็มีการติดตามจากเรา”
ขณะเดียวกันสุริยันต์ยังเล็งเห็นโอกาสการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและไลฟ์สไตล์นอกเหนือจากการให้บริการทางการแพทย์ในโรงพยาบาล ซึ่งต่อยอดจากความต้องการของผู้ใช้บริการในศูนย์ Be Better Wellness Center หรือศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย ด้วยความเชี่ยวชาญด้านวิตามินและฮอร์โมนเฉพาะบุคคลผ่านการตรวจผลในระบบห้องปฏิบัติการอันทันสมัยสำหรับผู้ที่มุ่งเน้นการดูแลป้องกันสุขภาพที่ดีมากกว่าการรักษาโรค

- “สทนช.” เสนาธิการด้านน้ำของประเทศ
- กุลภา อิงค์ธเนศ ทายาท “SVOA” เชื่อมโลกธุรกิจด้วยแนวคิดดิจิทัล
- JEFF BEZOS และ 9 มหาเศรษฐีท่องจักรวาล
คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine



