"อย่ายอมแพ้ แม้วันนี้ลำบาก พรุ่งนี้อาจจะย่ำแย่ แต่หลังจากวันพรุ่งนี้ไปแล้ว เราจะมองเห็นแสงสว่าง" Jack Ma กล่าวไว้ในนานแล้ว ก่อนที่เขาจะกลายเป็นบุคคลที่ถูกจารึกชื่อในประวัติศาสตร์
จากครูสอนภาษาอังกฤษ ที่กลับกลายมาเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ในประเทศที่ประชากรมากที่สุดบนพื้นพิภพ หลังนำหุ้นบริษัทอี e-commerce ของตัวเอง Alibaba ออกขายต่อสาธารณชน จนได้เงินมากมายหลายพันล้านเหรียญ สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้เกิดขึ้น ในฐานะหุ้น IPO ที่มีมูลค่าสูงสุดในตลาดหุ้น New York ส่งผลให้เขากลายเป็นผู้ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีนโดยพลัน แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เขาเกือบล้มมาแล้วจากการขยายกิจการจนเกินกำลัง ในยุค .com เฟื่องฟูเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา แต่หลังจากพยายามกอบกู้วิกฤติ นับตั้งแต่ปี 2001 ในปี 2007 ก็สามารถนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นที่ Hong Kong ได้สำเร็จ Washington Post ยกย่องอดีตครูสอนภาษาอังกฤษคนนี้ว่าเป็น "บุคคลผู้เป็นตำนานตั้งแต่ยังมีชีวิต ผู้เปรียบประหนึ่งราชาแห่งผู้ประกอบการชาวจีน สามารถสร้างความไว้วางใจให้กับลูกน้่องและลูกค้าของตน จนราวกับตัวเขาเปล่งบารมีได้อย่างน่าทึ่ง" เริ่มต้นจากความสำเร็จอันไม่ธรรมดาในอาชีพครูสอนภาษาอังกฤษ เป็นเหมือนสิ่งแรกที่ฉายให้เห็นความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่ภายในตัว Jack Ma ที่เฝ้าคอยผลักดันให้ประสบความสำเร็จในวันนี้ นับตั้งแต่เด็กแล้ว ที่เขาเล็งเห็นอนาคตอันยาวไกลกว่าคนรอบข้าง และพยายามแสวงหาสิ่งที่ใฝ่ฝันมาครอบครอง เขาเกิดในปี 1964 บิดามารดาเป็นนักแสดงในโรงงิ้ว ที่เวลานั้นโดนทางการแบนห้ามแสดง ในเมืองชนบทอันห่างไกล เด็กน้อย Ma รู้แต่ว่าเขาต้องเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ Financial Times รายงานว่า ตลอดเวลา 9 ปี เขาต้องตื่นแต่เช้าตรู่ทุกวัน แล้วปั่นจักรยานไปโรงแรม Hangzhou เพื่อตีสนิทกับนักท่องเที่ยว ก่อนจะอาสาเป็นไกด์พาทัวร์ให้ฟรี เพื่อฝึกฝนการใช้ภาษาอังกฤษ และภายหลังจากที่ไม่สามารถสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยระดับชาติถึงสองครั้งสองครา เขาจึงตัดสินใจเข้าเรียนที่ วิทยาลัยครู Hangzhou จนสำเร็จการศึกษาในปี 1988 เขายังอ้างอีกว่าเคยถูก Harvard University ปฏิเสธถึง 10 ครั้ง Ma กล่าวว่า "ไม่เคยมีใครมาบอกผมเลย ว่าต้องเป็นผู้มีความสามารถ เป็นผู้สร้างสิ่งอันยิ่งใหญ่ และมีความสำคัญในอนาคตข้างหน้า" แรงบันดาลใจในชีวิตเกิดขึ้นกับเขา ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ในปี 1985 ครอบครัวชาวออสเตรเลียที่รู้จักกันระหว่างมาท่องเที่ยวที่ Hangzhou เชิญเขาไปใช้ชีวิตช่วงซัมเมอร์ที่ประเทศออสเตรเลีย และที่นั่นเองทำให้หนุ่มน้อยตาสว่าง "ก่อนที่จะออกจากเมืองจีน ผมถูกสอนให้เชื่อว่าจีนเป็นประเทศที่ร่ำรวยและมีความสุขที่สุดในโลก แต่เมื่อไปถึงออสเตรเลีย มันกลับตาลปัตร ทุกสิ่งทุกอย่างต่างไปจากที่ผมโดนพร่ำสอนมาตลอด นับตั้งแต่นั้น ผมเริ่มต้นคิดในอีกมุมหนึ่ง" ถัดมาอีก 10 ปี เขาจึงได้โอกาสก้าวเหยียบดินแดนแห่งเสรีภาพ "สหรัฐอเมริกา" เป็นหนแรก เพื่อทำหน้าที่ล่ามในการเจรจาทางธุรกิจ เขาได้พบเจออินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรก ซึ่งขณะนั้นยังไม่เป็นที่รู้จักในประเทศจีน เมื่อกลับบ้านเกิด เขาพยายามเริ่มต้นกิจการในธุรกิจคล้ายกับสมุดโทรศัพท์หน้าเหลืองของจีน แต่ก็ต้องล้มเหลว จนกระทั่งปี 1999 Ma เริ่มต้นก่อตั้ง Alibaba พร้อมกับพรรคพวกอีก 17 คน ทั้งที่ยังไม่แน่ชัดว่าเขากำลังจะทำอะไร รู้แต่ว่าจะช่วยบริษัทคนจีนก้าวสู่ตลาดโลก ตอนนั้น เขาระดมทุนได้ 60,000 เหรียญ "ผมต้องการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ สร้างสิ่งสำคัญในชีวิตที่ทรงอิทธิพลต่อคนทั่วไป เหมือนกับธุรกิจขนาดเล็กๆ ใน Alibaba ที่มีเป็นล้านๆ ราย พวกเขาจะรักและศรัทธาคุณ หากคุณทำให้ชีวิตของพวกเขามีความสำคัญขึ้นมา" คุณสมบัติอีกประการที่ช่วยสร้างความชาญฉลาดเชิงสร้างสรรค์ นอกเหนือจากวิสัยทัศน์ ก็คือจิตสำนึกแบบนักรบ เขารักศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวและนิยายกำลังภายในมาตั้งแต่เด็ก โดยนำชื่อตัวละคร มาตั้งเป็นชื่อเล่นให้พนักงาน ส่วนตัวเขานั้นสวมบท Feng Qingyang นักดาบผู้โดดเดี่ยว ซึ่งมีเพลงยุทธที่ดุดันจนไม่อาจคาดเดากระบวนท่าได้ Jack Ma เริ่มต้นกิจการแบบเดียวกับ eBay ในประเทศจีน แล้วโค่นยักษ์ใหญ่เจ้านี้ลงได้สำเร็จ ด้วยเหตุที่ไม่ยอมเก็บค่าธรรมเนียมใดๆ จากทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ หลายคนมองว่าความคิดเช่นนี้ช่างบ้าดีแท้ ทว่าเว็บไซต์ e-commerce อย่าง Taobao ของเขานั้น กลับทำรายได้มหาศาลจากการเสิร์ชค้นหาและการลงโฆษณา นักลงทุนจาก Wall Street มองวิธีการสร้างธุรกิจของเขาว่าเหลวไหลและโง่ เขากำลังพา Alibaba ออกทะเล จนไม่อาจกลับมาต่อกรกับ eBay ได้ ทว่าในโลกธุรกิจแล้ว สิ่งหนึ่งที่แย่กว่าการเผชิญหน้าคู่แข่งขันที่ชาญฉลาด ก็คือการต้องปะทะกับใครสักคนที่บ้าดีเดือด ทุ่มทุนไม่อั้น ทั้งที่ไม่มีความหวังว่าจะทำกำไรกลับคืนมาได้เลย "ผมคิดอยู่เสมอว่าเกิดในยุคของสงคราม ผมต้องเป็นนายพลนำทัพ ผมคิดแค่เพียงว่าทำอย่างไรถึงจะมีชัยชนะในการสู้รบ" Ma นิยามวิธีการทำธุรกิจของตนเอง Rebecca Fannin อธิบายความสำเร็จของ Jack Ma ว่า "Alibaba นั้นเป็นส่วนผสมระหว่าง eBay (Taobao) PayPal (Alipay) Amazon (Tmall, Aliyn) Orbitz (Taobao Travel) และ Google play" คุณสมบัติอื่นอันโดดเด่นที่สร้างให้เขาเป็นผู้ผลิตนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ นั่นก็คือบางเรื่องที่ไม่อาจอธิบายได้ด้วยเหตุผล ในแบบเดียวกับที่ Steve Jobs มี ตัวเขานั้นมีพรสวรรค์ในการมองอนาคตอย่างกระจ่างชัด เขาไม่ทำให้เรื่องยุ่งยากจนเกินจำเป็น หลายคนสงสัยในชื่อ Alibaba ว่ามีที่มาอย่างไร Jack Ma บอกเพียงว่า "e-commerce เป็นธุรกิจระดับโลก จึงต้องการชื่อเรียกที่คนทั้งโลกจดจำได้" ด้าน New York Times รายงานว่า เขาคิดชื่อนี้ได้ขณะนั่งในร้านกาแฟที่ San Francisco จากนั้นก็หันไปถามเด็กเสิร์ฟว่ารู้จักไหม เธอตอบว่ารู้จัก เขาย้ำว่า ไม่มีสิ่งใดที่ทรงพลังกว่าชื่อที่แข็งแรง มีนัยยะเฉพาะเจาะจง และสามารถบอกจุดยืนทางธุรกิจได้ นอกจากนี้ เขากำลังตามรอยผู้สร้างนวัตกรรมรายอื่น ไม่ว่า Bill Gates หรือ Michael Bloomberg ที่นอกเหนือจากเรื่องธุรกิจแล้ว ยังให้ความสนใจในการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอีกด้วย เขาก้าวลงจากเก้าอี้ CEO เหลือไว้แต่ตำแหน่ง Chairman พร้อมกับอุทิศเงินหลายพันล้านเหรียญให้กับโครงการด้านสิ่งแวดล้อม การแพทย์ และการศึกษา จนได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานบอร์ด Nature Conservancy อีกด้วย "ผมเชื่อมั่นในความเท่าเทียมและความโปร่งใสซึ่งเป็นหัวใจของอินเทอร์เน็ต ว่าจะช่วยสร้างสังคมจีนให้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดได้... น้ำดื่มดื่มไม่ได้ อาหารกินไม่ได้ นมของเราปนเปื้อนสารพิษ และแย่ที่สุดก็คืออากาศในหลายเมืองของเรา เต็มไปด้วยมลพิษ จนเรามองไม่เห็นพระอาทิตย์" Ma เคยเขียนไว้ "20 ปีที่แล้ว คนจีนทุ่มเทกับปากท้องเพื่อเอาตัวรอด แต่ในวันนี้ เรามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมกับฝันหวานถึงอนาคต แต่ความฝันทั้งหมดนี้จะไร้แก่นสารใดๆ หากเรายังมองไม่เห็นแสงสว่าง" หมายเหตุ: เพียงไม่นานหลังจากบทความนี้ Forbes จัดอันดับ 400 China Rich List 2014 ปรากฏว่า Jack Ma อยู่ในอันดับที่ 1 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1.95 หมื่นล้านเหรียญ ติดตามรายละเอียด 400 China Rich List 2014 ได้ที่ http://www.forbesthailand.com/article_detail.php?article_id=178เรียบเรียงจาก What Makes Alibaba's Jack Ma a Great Innovator? และ A Look At What Makes Alibaba's Jack Ma Tick, And How He Did It