เขา StartUp จากคุก! - Forbes Thailand

เขา StartUp จากคุก!

FORBES THAILAND / ADMIN
01 Sep 2014 | 12:02 PM
READ 924

Frederick Hutson คือชายผู้มองเห็นโอกาสทางธุรกิจในทุกขณะของชีวิต เขายอมรับเองว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ที่ต้องใช้เวลาในคุกนานถึง 4 ปี ด้วยข้อหาค้ายาเสพติด ซึ่งในเวลานั้นเขาเห็นโอกาสหาเงินมหาศาลจากตลาดสีดำนี้

ตัวเขานั้นลองจับงานหลายอย่าง ทั้งก่อนและหลังจากประจำการในกองทัพอากาศ แต่ภายหลังคำพิพากษาเมื่อปี 2007 ให้ต้องโทษจำคุกนาน 51 เดือน ในวัย 24 ปี

“ตลอดเวลาที่อยู่ในนั้น ทำให้เข้าใจได้ชัดว่าระบบเรือนจำนั้นไร้ประสิทธิภาพอย่างไรบ้าง และนั่นก็คือโอกาสนั่นเอง” เขากล่าว

จากตัวเลขคนถูกจับกุมคุมขังทั่วสหรัฐฯ ถึง 2.3 ล้านราย เขาเหล่านี้จำเป็นต้องติดต่อกับครอบครัวหรือเพื่อนซึ่งอยู่ภายนอก แต่ทว่าในคุกไม่มีอินเทอร์เน็ต การติดต่อสื่อสารระหว่างกันจึงทำได้แต่จดหมายและโทรศัพท์ ที่แสนจะล่าช้าเหลือเกิน นอกจากนั้นแล้ว การจะใช้โทรศัพท์ก็มีราคาแสนแพง แถมยังต่อแถวอีกยาว ในเวลาเดียวกันกับโลกภายนอก ที่ทั้งญาติพี่น้องและเพื่อนของเขานั้นมีวิถีชีวิตที่เคยชินกับดิจิตอลมากขึ้นเรื่อยๆ จนเขียนหนังสือด้วยมือน้อยลง และยังไม่สามารถส่งภาพถ่ายเข้าไปให้คนข้างในได้

“ผมได้รับประสบการณ์อันเจ็บปวดนี้ด้วยตัวเอง” เขากล่าว “ด้วยความเป็นคนใกล้ชิดกับครอบครัวมาก แล้วพวกเขาก็เป็นห่วงเป็นใยผม แม้จะรู้ว่าคิดเช่นนั้น แต่ในบางครั้งเขาก็อยากจะส่งภาพถ่ายมาให้ แต่เขาก็ทำไม่ได้”

Hutson ย้ำว่าการออกจากโลกดิจิตอลกลับไปสู่โลกอนาล็อก ด้วยการหยิบปากกามาเขียนจดหมายนั้น แสนจะยากลำบาก แต่จะง่ายดายมากหากพิมพ์ส่งข้อความหรือเขียนเป็นอีเมล์ หากคิดจะสร้างเว็บไซต์สักแห่งที่ช่วยพิมพ์อีเมล์ ข้อความ หรือรูปภาพจากคอมพิวเตอร์ของคุณเอง ไม่ว่าจะมาจาก Facebook หรือ Instagram พร้อมกับช่วยจัดการสอดใส่ซองจดหมายสีขาวนำส่งไปรษณีย์แทนคุณทั้งหมด ทำตามแบบที่เรือนจำต้องการทุกประการ จะเป็นอย่างไรบ้าง?

ด้วยความคิดนี้เองทำให้ Pigeonly เกิดขึ้น  หัวใจหลักของเว็บไซต์แห่งนี้ก็คือแพลตฟอร์มที่รวบรวมข้อมูลของรัฐอันมากมายเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อช่วยให้การค้นหาผู้ต้องขังในระบบเรือนจำเป็นไปได้รวดเร็ว ซึ่งเกิดจากประสบการณ์ตรงของ Hutson เอง ที่ตัวเขาต้องย้ายที่ขังถึงแปดครั้งตลอดช่วงสี่ปี พร้อมๆ ไปกับการช่วยเหลือด้านการติดต่อสื่อสารระหว่างคนในกับนอกคุก

“ด้วยระบบจัดการของเรือนจำ ทำไม่รู้ว่าใครอยู่ที่ไหน แม้เราจะมีทนายความ แต่หน้าที่ของเขาก็คือติดต่อกับลูกค้าเท่านั้น”

ใน Pigeonly ยังแบ่งเป็นบริการย่อยอีกสองแขนง Fotopigeon คือบริการส่งภาพพิมพ์ ระบบดิจิตอลให้กับผู้ต้องขัง และ Telepigeon การให้บริการโทรศัพท์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (VoIP) ราคาประหยัด  ในเวลานี้ Pigeonly อยู่บนเส้นทางของการสร้างกำไร ในปีแรกสร้างรายได้ถึง 1 ล้านเหรียญ แถมยังตามมาด้วยเม็ดเงินอีก 2 ล้านเหรียญ จากการสนับสนุนของนักลงทุนใน Silicon Valley  ทำให้สามารถขยายทีมงานใน Las Vegas จากเดิมมีเพียง 2 คน เป็น 12 คน หัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเขาเดินหน้าก็คือ การได้รับแรงสนับสนุนจาก NewMe องค์กรใน Silicon Valley ที่ช่วยสนับสนุนและพัฒนาวิธีคิดให้กับนักธุรกิจหน้าใหม่

ในช่วงฤดูหนาวของปี 2013  ตัวเขาพร้อมด้วยผู้ร่วมก่อตั้ง Alfonzo Brooks ได้เริ่มตั้งต้น Pigeonlyโดยขณะนั้นเขายังอยู่ในสถานพักฟื้นอยู่เลย ทั้งสองส่งไปรษณีย์ตรงไปยังผู้ต้องขังเกือบ 2,000 รายเพื่อเชื้อเชิญให้มาใช้บริการ

“เราได้ส่งการ์ดอวยพรไปให้กับพวกเขา แล้วบอกว่าเป็นบริการช่วยเหลือสำหรับส่งภาพถ่ายให้กับพวกเขา หลังจากนั้นสัก วกเขา หลังจากนั้นสัก 3-4 วัน ก็เริ่มมีคนเข้ามายังเว็บไซต์เรา มีการลงทะเบียนสร้างบัญชีผู้ใช้งาน แล้วเริ่มส่งภาพเขามาให้เราจัดการ” Hutson กล่าว

ขณะเข้าโครงการกับ NewMe ตัวเขาเริ่มปรับทิศทางของธุรกิจ จากบริการเล็กๆ ไปสู่แพลตฟอร์มที่สามารถเสิร์ชค้นหาได้ แล้วก็เริ่มเจรจาทางธุรกิจกับพวกนักลงทุน “ในตอนเริ่มแรก ผมลังเลใจที่จะเล่าถึงปูมหลังของชีวิตตัวเองให้พวกเขารู้ แต่คำถามที่จะตามมาแน่ก็คือ แล้วคุณรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไรล่ะ”

ผู้ก่อตั้ง NewMe ให้คำแนะนำว่านักลงทุนบางคนอาจไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังทำ จนอาจสร้างกำแพงกั้น เพราะตัวเขาเคยติดคุกมาก่อน และก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะลงทุนด้วยเท่าไหร่นัก

Hutson จึงเริ่มเน้นพูดคุยกับคนที่ใจเปิดกว้าง พร้อมจะเข้าใจอดีตของเขา ที่ทำให้รู้ว่างานของเขานั้นจะช่วยแก้ปัญหาตรงไหน แต่ทว่าการเดินหน้าระดมทุนยังไม่ใช่เรื่องง่าย และการให้นักลงทุนตีเช็คหนึ่งล้านเหรียญให้นั้นยากยิ่งกว่า

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากลำบากหรือเกินกว่าแรง สำหรับคนที่มองเห็นช่องทางทางธุรกิจจากประสบการณ์ของตัวเอง

(ภาพประกอบจากเฟซบุ๊ค Pigeonly และเว็บไซต์ Forbes.com)


เรียบเรียงจาก How This Man Built A $3M Business A Year After Four Years In Prison โดย Hollie Slade