สุชาติ มงคลอารีย์พงษ์ ผู้ผันไอน้ำให้พวยพุ่งถึงหมื่นล้าน - Forbes Thailand

สุชาติ มงคลอารีย์พงษ์ ผู้ผันไอน้ำให้พวยพุ่งถึงหมื่นล้าน

ดีตวิศวกรเครื่องกลผู้เลือกสร้างโอกาสจากกิจการผลิตและจำหน่าย steam boiler ที่แม้วันนี้รายได้จะเพียงหลักพันล้านบาทแต่สุชาติแห่ง บมจ.เจตาแบค ก็ไม่ละทิ้งฝันที่จะผลักดันให้ธุรกิจพุ่งถึงหมื่นล้านในอนาคต ด้วยความมั่นใจที่มีต่อศักยภาพของตลาดที่ยังมีความต้องการไม่รู้จบ

ประกายไฟจากใบเลื่อยไฟฟ้าที่กำลังขัดเกลาชิ้นส่วนประกอบเครื่องกำเนิดไอน้ำ (steam boiler) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมบางพลี จังหวัดสมุทรปราการของ บริษัท เจตาแบค จำกัด (มหาชน) หรือ GTB ยังคงพวยพุ่งอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับพลังใจของ สุชาติ มงคลอารีย์พงษ์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วัย 63 ปี ที่ยังมุ่งมั่นและยืนหยัดในเป้าหมายที่จะสร้างให้ GTB เป็นบริษัทที่มียอดขายเติบโตถึงหมื่นล้านบาทได้ในวันหน้า “ผมก็ฝันเหมือนคนอื่นที่อยากสร้างให้บริษัทโตถึงพันล้านหมื่นล้าน แต่ทั้งหมดก็อยู่ที่โอกาสซึ่งเราต้องคว้าไว้ แต่ตอบไม่ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ อาจจะใน 3 หรือ 5 ปีก็ได้” ปัจจุบัน GTB ประกอบธุรกิจผลิต ประกอบ ซ่อมสร้างและจัดจำหน่ายเครื่องกำเนิดไอน้ำ และระบบเผาไหม้ (combustion system) ตลอดจนเป็นผู้ให้บริการงานต่างๆ เกี่ยวกับเครื่องกำเนิดไอน้ำ ระบบเผาไหม้ และวิศวกรรมพลังงานความร้อน (thermal energy engineering) อย่างครบวงจรโดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ หนึ่ง ผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเป็นผู้ผลิต ประกอบด้วยเครื่องกำเนิดไอน้ำแบบท่อไฟเครื่องกำเนิดไอน้ำจากความร้อนทิ้ง และเครื่องทำน้ำมันร้อน และสอง ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ลิขสิทธิ์การออกแบบจากเจ้าของเทคโนโลยีประกอบด้วย เครื่องกำเนิดไอน้ำเชื้อเพลิงชีวมวล และเครื่องกำเนิดไอน้ำแบบท่อน้ำ โดยบริษัทเน้นจุดแข็งที่สามารถประยุกต์ผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการใช้งานของลูกค้าได้ยืดหยุ่นกว่าของคู่แข่งและมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายสอดคล้องกับลูกค้าหลายระดับ สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้าทำรายได้ให้เติบโต 6-7% หรือไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 921.36 ล้านบาท รวมถึงต้องการขยายธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็นราว 30% ของรายได้ทั้งหมดภายใน 3 ปีข้างหน้า จากเดิมที่ราว 20% สุชาติกล่าวถึงทิศทางการเติบโตธุรกิจทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC มากขึ้น เพราะมองว่าเป็นตลาดใหญ่และมีความต้องการใช้งาน steam boiler และวิศวกรรมด้านพลังงานความร้อนอื่นๆ มากขึ้นจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้โดยจะเปิดสาขาใหม่ในนามของ บริษัท เจตาแบค มาเลเซีย จำกัด ที่กรุง Kuala Lumpur ประเทศมาเลเซียภายในกลางปีหน้า กระนั้นก่อนจะมาเป็น GTB ในวันนี้ สุชาติเล่าว่า เขาเปิดฉากเส้นทางชีวิต ด้วยการเป็นมนุษย์เงินเดือนที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งหลังจากจบปริญญาตรีจากภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกระทั่งเก็บประสบการณ์ด้านเครื่องกำเนิดไอน้ำในธุรกิจการจัดจำหน่ายและบริการหลังการขายเครื่องกำเนิดไอน้ำที่นำเข้าจากต่างประเทศ ได้ราว 6 ปี ก็ตัดสินใจมาเปิดธุรกิจของตัวเองโดยก่อตั้งบริษัท เจตาแบค จำกัด ร่วมกับเพื่อนนักธุรกิจอีก 2 คน (ซึ่งต่อมาทั้ง 2 คนได้แยกตัวออกไปดำเนินธุรกิจของตนเอง) โดยเริ่มจากงานให้บริการบำรุงรักษาแก่ฐานลูกค้าเดิมที่คุ้นเคยกันอยู่ก่อน เมื่อปี 2526 “ธุรกิจ steam boiler ตรงกับสิ่งที่เราเรียนมาและรู้สึกชอบ แม้จะเป็นงานที่ยากแต่คิดว่าถ้าออกไปทำเองน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ จึงตัดสินใจลาออกมาตั้งกิจการ แม้เงินลงทุนแค่หมื่นกว่าบาท แรกๆ ก็ลำบากเรื่องกระแสเงินสดมาก ทำให้บางครั้งต้องไปยืมเงินพ่อหรือขอเครดิตสินค้าจากเพื่อนๆ มาใช้ก่อน แต่ก็ต้องอาศัยความอดทนไม่ย่อท้อซึ่งสุดท้ายแล้วก็จะสำเร็จได้” หลังจากเน้นธุรกิจให้บริการอยู่ระยะหนึ่งและผ่านการต่อสู้ดิ้นรนจนกิจการพอมีกำไรสุชาติจึงตัดสินใจพาบริษัทสู่ธุรกิจจากการเป็นตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่าย steam boiler ยี่ห้อ LOOS Gunzenhausen จากประเทศเยอรมนี แม้จะเก็บเกี่ยวความเชี่ยวชาญมาพอตัวแต่การเข้าสู่จุดเปลี่ยนใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังคำที่สุชาติย้ำว่า ต้องอาศัยความ “อึด” เพราะปัญหาใหญ่อย่างเรื่องเงินทุนยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง ทว่า ด้วยปัญหาเรื่องความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนจากการนำเข้าสินค้ามาเพื่อจำหน่าย สุชาติจึงเกิดแนวคิดที่จะผลิตสินค้าที่ราคาไม่ไกลเกินเอื้อมแต่คุณภาพทัดเทียมมาตรฐานสินค้าระดับโลกมานำเสนอเมื่อปี 2537 โดยตั้งโรงงานแห่งแรกด้วยงบลงทุนราว 10 กว่าล้านบาทขึ้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางพลีจังหวัดสมุทรปราการและยังดำเนินการอยู่ ตั้งแต่ปีแรกที่เจตาแบคขยับขึ้นสู่ฐานะผู้ผลิต และมีผลงานเตะตา พันธมิตรต่างชาติต่างพากันมาว่าจ้างให้บริษัทผลิตสินค้าในรูปแบบ OEM พร้อมเป็นตัวแทนจำหน่ายเพื่อส่งออกไปขายยังต่างประเทศ “สินค้าที่เราผลิตเองประสบความสำเร็จดีทั้งด้วยเรามีประสบการณ์มามาก ตลาดมีความต้องการอยู่แล้ว และโรงงานยังมีการรับรองมาตรฐานโดย TÜV NORD ตามมาตรฐาน DIN TRD ของประเทศเยอรมนีนับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้บริษัทเติบโตสูงกว่าในอดีตเพราะเจาะกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้น” สุชาติตัดสินใจนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เมื่อต้นปี 2559 โดยเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 240 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทในราคา 1.15 บาท/หุ้น สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน 276 ล้านบาทนั้น GTB นำไปใช้ในการขยายพื้นที่การผลิตและเพิ่มกำลังการผลิตโรงงานในจังหวัดระยอง และโรงงานในอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ รวมถึงจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม วิจัยและพัฒนาระบบเผาไหม้ และพัฒนาโปรแกรมคำนวณ การออกแบบทางวิศวกรรม รวมถึงจัดตั้งหน่วยงานวิศวกรรมออกแบบ ตลอดจนการเปิดสำนักงานขายและบริการในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ในอนาคตข้างหน้า บริษัทยังคงต้องการขยายการเติบโต ทั้งด้านขนาดตลาดและด้านผลิตภัณฑ์ เพราะเชื่อว่าถ้ามีเงินทุนเพียงพอที่จะจัดหาเทคโนโลยีและเครื่องจักรขนาดใหญ่มาสนับสนุน ก็จะสามารถขยายผลิตภัณฑ์ต่อยอดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีอยู่แล้วได้อีกมาก ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนสูงเป็นระดับพันล้าน เพื่อให้บริษัทสามารถมียอดขายถึงระดับหมื่นล้านได้ในอนาคต “ลูกๆ ของผมคงไม่มารับช่วงต่อ ให้เขาไปทำอะไรที่สนใจดีกว่า เพราะเด็กสมัยนี้ส่วนใหญ่จะอยากไปสร้างธุรกิจของตัวเองอยากเป็นสตาร์ทอัพกันมากกว่า รวมถึงผมมองว่าให้คนนอกครอบครัวหรือมืออาชีพมาสานต่อน่าจะเหมาะสมกว่าในฐานะของบริษัทมหาชน ผมเชื่อว่าหมดยุคแล้วที่จะให้ลูกหลานมารับช่วงต่อ”สุชาติกล่าวปิดท้าย
คลิ๊กอ่านฉบับเต็ม "สุชาติ มงคลอารีย์พงษ์ ผู้ผันไอน้ำให้พวยพุ่งถึงหมื่นล้าน" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ DECEMBER 2016 ในรูปแบบ e-Magazine