วัชรลักขณ์ ตัณฑ์สกุล พลิกโฉม ‘กรไทย’ รับเทรนด์โลก - Forbes Thailand

วัชรลักขณ์ ตัณฑ์สกุล พลิกโฉม ‘กรไทย’ รับเทรนด์โลก

บนพื้นที่ 300 ไร่ในจังหวัดราชบุรี เครื่องจักรในโรงงานยังคงทำงานพ่นละอองน้ำเปลี่ยนอาหารเหลวให้เป็นผลิตภัณฑ์ลักษณะผงแห้ง ด้วยเครื่องทำแห้งแบบพ่นฝอยหรือเครื่องทำแห้งแบบพ่นกระจาย (spray dryer) โดยมีพนักงานที่เป็นคนท้องถิ่นกว่า 500 คน

บริษัทสัญชาติไทยอายุมากกว่า 3 ทศวรรษอยู่ในมือของทายาทรุ่นสอง ซึ่งพร้อมต่อยอดธุรกิจของครอบครัวตามความตั้งใจของบิดามารดาที่ต้องการให้ธุรกิจอาหารของคนไทยมือของคนไทยไปสู่ระดับโลก “คุณแม่ (รัศมี) เห็นโอกาสทางธุรกิจที่มีคู่แข่งเพียงรายเดียว ท่านลาออกจากงานในตำแหน่ง CFO บริษัทต่างประเทศและลงทุน 1 ล้านบาทเพื่อซื้อ spray dryer เครื่องแรกในปี 2525 ส่วนคุณพ่อ (วันชัย) ลาออกจากงานรองอธิบดีกรมที่ดิน พวกท่านเลือกสร้างโรงงานในราชบุรี เพื่อผลิตครีมเทียมคูซ่า สูตรใส่นม และโคคอฟ สูตรไม่ใส่นม”
ผลิตภัณฑ์ครีมเทียมของกรไทยแบรนด์มิสเตอร์เซฟและโคคอฟ โดยแบรนด์โคคอฟถือเป็นสินค้ายอดขายสูงสุดของบริษัท3
วัชรลักขณ์ ตัณฑ์สกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรไทย จำกัด เล่าถึงจุดเริ่มของธุรกิจหลังจากที่เขาเกิดเพียงไม่กี่ปีก่อนบริษัทจะขยายผลิตภัณฑ์เพิ่ม เช่น โกโก้สำเร็จรูป กาแฟสำเร็จรูป 3 in 1 กะทิผงสำเร็จรูป ขิงผงสำเร็จรูป ชาเย็นสำเร็จรูป เป็นต้น แม้วัชรลักขณ์จะวิ่งเล่นในโรงงานตั้งแต่วัยเด็ก แต่สายเลือดนักบัญชีที่เข้มข้นทำให้เขาเลือกเดินบนเส้นทางผู้ตรวจสอบบัญชีกว่า 3 ปี ก่อนไปศึกษาต่อปริญญาโทด้าน International Business และ MBA ที่ University of Wollongong ประเทศออสเตรเลีย และได้รับสัญชาติออสเตรเลีย (Australian citizenship) พร้อมรับงาน management accountant ทันทีที่บริษัทใหญ่ในออสเตรเลีย แต่หลังจากนั้น 3 ปี คุณพ่อของวัชรลักขณ์ล้มป่วย เขาจึงกลับมาดำรงตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการในปี 2553
วัชรลักขณ์ ตัณฑ์สกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรไทย จำกัด
โจทย์แรกที่วัชรลักขณ์วางไว้หลังเข้าสู่ร่มเงากิจการของครอบครัวอยู่ที่การสร้างผลกำไรให้ธุรกิจ เขาจึงเริ่มต้นงานถนัดคือการวิเคราะห์งบการเงินเพื่อหาจุดอ่อนของบริษัท และพบทางแก้ไขคือการเจรจาธนาคารเพื่อต่อรองอัตราดอกเบี้ย รวมถึงแก้ปัญหาซัพพลายเออร์ร่วมมือกันตั้งราคาสูงกว่าตลาด เพียงไม่กี่เดือนบริษัทสามารถจัดระเบียบเงินกู้และระบบการจัดซื้อวัตถุดิบในราคาที่เป็นธรรม ส่งผลให้รายได้ของกรไทยทะยานจาก 700 ล้านบาทสู่ระดับพันล้านบาท นับเป็นผลงานชิ้นโบแดงที่กรุยทางให้ได้รับการยอมรับในฐานะทายาทกรไทย Everything is Possible หลังสร้างผลงานพิสูจน์ความสามารถ ในปี 2554 วัชรลักขณ์พร้อมนั่งเก้าอี้กรรมการผู้จัดการขับเคลื่อนธุรกิจครอบครัวอายุกว่า 3 ทศวรรษสู่ความเปลี่ยนแปลงในเวลาเพียง 2 เดือน ด้วยการนำระบบไอทีและแนวทางการดำเนินงานจากต่างประเทศปรับใช้ “คติของผมคือ everything is possible ทุกอย่างเป็นไปได้และมีโอกาส อย่าบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ลองทำก่อนจึงบอกว่าเป็นไปได้หรือไม่ ถ้าเราคิดว่าทำไม่ได้ มันก็ทำไม่ได้ บางอย่างผมต้องทำให้เขาเห็นว่า มันสามารถทำได้” แม้การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรในบริษัทที่มีพนักงานหลายร้อยคนจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในช่วงกรไทยผลัดใบ พนักงานทุกคนล้วนให้ความร่วมมือ โดยวัชรลักขณ์เน้นการสื่อสารให้พนักงานเห็นถึงความสำคัญของการเป็นส่วนหนึ่งในองค์กร และมุ่งเน้นที่ความสามารถและประสบการณ์ทำงานเป็นหลักมากกว่าวุฒิความรู้ ผลจากความเพียรพยายามสะท้อนชัดในรายได้ของบริษัทที่เติบโตต่อเนื่อง ด้วยรายได้รวม 2.67 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 201.11 ล้านบาท และสินทรัพย์ 3.09 พันล้านบาทในปี 2559 พร้อมจำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวจาก 250 คนเป็น 550 คน ขณะเดียวกัน วัชรลักขณ์ยังเพิ่มกำลังผลิตด้วยเงินลงทุน 500 ล้านบาท ติดตั้งเครื่องจักร spray dryer เครื่องที่ 8 ทำให้ทั้งบริษัทมีกำลังการผลิตรวมสูงสุด 6,000 ตันต่อปี สูงที่สุดในประเทศ และกำลังจะเต็มกำลังการผลิต ผู้บริหารหนุ่มจึงพิจารณาเตรียมลงทุนเครื่องจักรตัวที่ 9 แม้การแข่งขันจะรุนแรงจากสินค้าจีนตัดราคาหรือของลอกเลียนแบบ แต่กรไทยยังมั่นใจด้านคุณภาพ ชื่อเสียง และการจัดการราคาวัตถุดิบ
โรงงานบนพื้นที่ 300 ไร่ในจังหวัดราชบุรี กำลังการผลิตสูงสุด 6,000 ตันต่อปี
จัดทัพรุกตลาดโลก ผู้นำกรไทยเล็งเห็นเทรนด์การซื้อกิจการระดับโลกที่จะส่งผลต่อระบบการจัดซื้อในลักษณะ global purchasing หรือการจัดหาวัตถุดิบและสั่งซื้อจากศูนย์กลางในประเทศเดียว พร้อมกระจายสินค้าต่อไปยังประเทศต่างๆ เพื่อลดต้นทุนให้แก่บริษัท นั่นหมายถึงโอกาสใหม่และใหญ่ขึ้นในกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ “ผมมองการเทคโอเวอร์เป็นโอกาสทำให้เพิ่มปริมาณการขายและกลุ่มลูกค้า แต่เทรนด์ global purchasing เป็นเรื่องที่พนักงานต้องปรับตัวมาก ผมนำครูมาสอนภาษาอังกฤษที่โรงงานและจัดการสอบวัดผลเพราะถ้าลูกค้าของเราโดนเทคโอเวอร์และเปลี่ยนเป็นคนต่างชาติทำงาน หรือออฟฟิศอยู่ต่างประเทศ เราต้องสามารถส่งเมล์สื่อสารได้” ขณะเดียวกันวัชรลักขณ์ยังย้ำในคุณภาพและการบริการซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของกรไทย โดยมุ่งเน้นการบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วโลกได้อย่างรวดเร็วผ่านการใช้เทคโนโลยีการสื่อสารทุกรูปแบบ มีมาตรฐานคือต้องตอบออเดอร์ลูกค้าได้ภายในครึ่งชั่วโมง นอกจากนั้น บริษัทยังขยายฐานธุรกิจด้านการรับจ้างผลิตที่หลากหลายภายใต้การใช้เครื่องจักร spray dryer เช่น อาหารเสริม คอลลาเจน ผงสำเร็จรูปจากสินค้าเกษตร หรือผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงามและสุขภาพ เป็นต้น “ผมมองวิกฤตเป็นโอกาส เราไม่เคยปฏิเสธลูกค้า ครีมเทียมสามารถอยู่ในอาหารได้อย่างหลากหลาย เช่น เครื่องดื่ม 3 in 1 ชาไข่มุก หรือเบเกอรี่ นอกจากนี้ เรายังทำตามออร์เดอร์ลูกค้า รับไว้ก่อนและลองพัฒนา เราได้เปรียบเรื่องความชำนาญในการปรับ แม้จะมีต้นทุนแต่ก็ทำให้เราขายสินค้าได้เพิ่มขึ้นและเป็นโอกาสเพิ่มช่องทางการขาย” สำหรับแผนการขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ วัชรลักขณ์ชูกลยุทธ์การสร้างฐานธุรกิจในต่างประเทศที่ยังไม่ได้เข้าไปทำการตลาดเป็นสำคัญ เช่น ประเทศแถบตะวันออกกลาง และในแถบยุโรป ซึ่งได้ยื่นขอรับรองมาตรฐานด้านอาหารในกลุ่มตะวันออกกลางและประเทศอังกฤษเรียบร้อยแล้ว และเขายังเดินทางไปต่างประเทศด้วยตนเอง เพื่อรับฟังความเห็นและปรับสูตรตามความต้องการที่ต่างกัน ตัวอย่างเช่น กะทิ ในยุโรปต้องเป็นสีขาว ขณะที่ชาวอาหรับต้องการสีเข้ม
กะทิผงสำเร็จรูปตราชาวไทย
หลังจัดทัพกรไทย วัชรลักขณ์มั่นใจในเป้าหมายการเติบโตจากรายได้ 2.67 พันล้านบาทในปีที่ผ่านมาเป็น 3 พันล้านบาทในปีนี้ และ 5 พันล้านบาทใน 3 ปีข้างหน้า และพิจารณาการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์ของบริษัทมากกว่าความต้องการเงินทุน “ผมชอบความเป็นมืออาชีพและความสมบูรณ์แบบ ทุกอย่างต้องเรียบร้อย 100% ไม่มีข้อผิดพลาด ถ้าพลาดก็ไม่ควรมีซ้ำสอง เพราะบทเรียนควรมีครั้งเดียว รวมถึงการทำให้ดีที่สุด ไม่ต้องสนใจการค้าใต้ดินหรือแทงข้างหลัง เราทำตัวเราให้ดีที่สุดก็พอ” ผู้บริหารหนุ่มวัย 37 ปีทิ้งท้ายถึงเคล็ดลับเบื้องหลังความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจครอบครัวสู่มืออาชีพระดับโลก
คลิกอ่านฉบับเต็ม "วัชรลักขณ์ ตัณฑ์สกุล พลิกโฉมกรไทยรับเทรนด์โลก" ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ มีนาคม 2560