Ramesh Narasimhan ขับเคลื่อนนิสสันไทยโตยั่งยืน - Forbes Thailand

Ramesh Narasimhan ขับเคลื่อนนิสสันไทยโตยั่งยืน

เดือนเมษายนปี 2557 คือจุดเริ่มต้นการทำงานกับนิสสันของ Ramesh Narasimhan ผู้นำสูงสุด นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายน 2562 หลังผ่านประสบการณ์บริหารนิสสันมาหลายประเทศ เขาเริ่มต้นด้วยตำแหน่งซีเอฟโอ (chief financial officer) ที่ Nissan ออสเตรเลีย จากนั้นเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของนิสสันในหลายประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ จีน และสหราชอาณาจักร เห็นความแตกต่างและวัฒนธรรมการทำงานที่หลากหลาย

ปัจจุบัน  Ramesh Narasimhan ดำรงตำแหน่งประธาน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด นั่งเก้าอี้นายใหญ่คนล่าสุดมาเกือบ 1 ปี เมื่อทีมงาน Forbes Thailand ได้นัดสัมภาษณ์เขาที่สำนักงานใหญ่ของนิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) ย่านสาทรเมื่อราวต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากนิสสันเพิ่งเปิดตัวอีโคคาร์โฉมใหม่ นิสสัน อัลเมล่า เครื่องยนต์ 1.0L Turbo เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 และถูกพูดถึงอย่างมากในแง่ความประหยัด รูปโฉมที่สวยงาม และสมรรถนะที่แรงเกินตัว ถือเป็นหนึ่งความสำเร็จที่เกิดขึ้นในช่วงการบริหารของผู้นำนิสสันเชื้อสายอินเดียผู้นี้ ด้วยบุคลิกที่เป็นกันเอง ใจดี และเปิดกว้าง Ramesh ได้รับการต้อนรับที่ดีจากทีมงานในฐานะผู้นำที่รับฟังปัญหารอบด้าน ซึ่งเป็นความตั้งใจของเขาที่บอกว่า I’am still learning” เขาพยายามเรียนรู้ทุกอย่างจากทีมงานคู่ค้าและพันธมิตรทุกภาคส่วนเพื่อให้เข้าใจตลาดประเทศไทย ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่มากในภาคพื้นเอเชียและโอเชียเนีย ที่นี่มีพนักงาน 5,000 คน และมีโรงงานขนาดใหญ่ 2 แห่ง ตอนมารับตำแหน่งผมตื่นเต้นมาก อยู่ฟิลิปปินส์มา 3 ปี ตลาดเล็กกว่านี้ Ramesh เผยความรู้สึกช่วงแรกที่เข้ามารับหน้าที่ผู้บริหารสูงสุดของนิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย)  

เปิดกว้าง-ให้โอกาสคน

 

ด้วยความที่ Ramesh เป็นคนเปิดกว้างรับฟัง และมีสไตล์การบริหารแบบให้ความสำคัญเรื่องคน เขาจึงทำ listening tools ใช้เวลา 3 เดือนในการพบปะกับพนักงานรับฟังพนักงานในทุกแผนก พบกับทีมงานครบทุกฟังก์ชัน รวมกว่า 30 กรุ๊ป ครอบคลุมทั้งดีลเลอร์ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วน

เพื่อที่จะมีความเข้าใจตลาดเข้าใจพนักงาน ว่าแต่ละคนมีประเด็นความสนใจเรื่องอะไร รู้สึกอย่างไรกับบริษัท และการทำงาน รวมทั้งอยากให้มีการปรับปรุงแก้ไขอะไร เขาบอกว่าไม่อยากแก้ปัญหาโดยไม่รู้ความคิดเห็นของคนก่อน

Ramesh เรียนรู้ทุกอย่างจากประสบการณ์ ทั้งจากการสอบถามโดยตรง และกิจกรรมที่สะท้อนความต้องการของตลาด เขายกตัวอย่างกรณีการเปิดตัวรถอีโคคาร์ยอดฮิต นิสสัน อัลเมร่าโฉมใหม่ เมื่อปลายปีที่ผ่านมาทำให้เห็นความต้องการเฉพาะแบบไทย

ทั้งลูกค้าและพนักงานได้แชร์ไอเดียกับทีมงาน นักข่าว และดีลเลอร์ ทำให้เข้าใจตลาด และสามารถเซตตำแหน่งแบรนด์อัลเมร่าให้ดูมีความทันสมัย เปลี่ยนทุกอย่างให้ดูโฉบเฉี่ยว แม้การปรับโฉมอัลเมร่าจะเป็นไปตามแผนพัฒนาสินค้าระยะยาวแต่รายละเอียดของสินค้าก็ยังคงสะท้อนความต้องการของตลาดได้อย่างชัดเจน

“6 เดือนก่อนโปรดักต์จะมา รายละเอียดฃมาก่อนหน้านั้น มีการวางแผนมาตั้งแต่แรกวางแผนระยะยาวมาจากต่างประเทศ แต่เวลาลงดีเทลมีเวลา 6 เดือนในการกำหนดราคา กำหนดสเปก และรายละเอียดต่างๆ

การเปิดตัวอัลเมร่าใหม่ เป็นหนึ่งในกิจกรรมการตลาดที่เกิดในช่วงที่ Ramesh นั่งตำแหน่งประธานนิสสัน ประเทศไทย ซึ่งเขาบอกว่า ในการบริหารนั้นสิ่งแรกต้องทำให้แน่ใจว่านิสสัน ประเทศไทย มีวิชั่นที่ชัดเจนในการทำตลาด และการทำงานต้องเป็นทีม

เราต้องทำงานร่วมกัน สื่อสารกันอย่างชัดเจน เข้าใจตรงกัน เราเป็นหุ้นส่วนกัน ต้องทำงานเป็นทีม ต้องให้ผลประโยชน์ที่ดี ให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า และสร้างสัมพันธ์ที่ดีในคู่ค้าและลูกค้าเขาย้ำว่า การเปิดกว้างในการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น การตอบสนองกับดีลเลอร์ก็มีความสำคัญไม่น้อย ต้องทำทุกอย่างให้ราบรื่น

ไทยเป็นตลาดที่ไดนามิกมาก เปลี่ยนแปลงเร็ว เราต้องศึกษาร่วมกัน เราให้ความสำคัญ และทำงานกับดีลเลอร์อย่างใกล้ชิดพูดคุยกันอย่างโปร่งใส เพื่อที่จะดูแลลูกค้าไปด้วยกัน ทำทุกอย่างให้ลูกค้าพอใจ ซึ่ง relationship เป็นสิ่งที่ดีมาก” Ramesh ย้ำและว่า ตลาดรถมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บริษัทต้องช่วยดีลเลอร์แก้ปัญหาทุกอย่าง ทำอย่างไรให้องค์กร พนักงานและดีลเลอร์ เดินไปด้วยกันได้อย่างรวดเร็วและตอบสนองการตลาดที่เปลี่ยนไปอย่างเท่าทัน

ในแง่การบริหาร Ramesh บอกว่า เขามีหลักบริหารใน 3 เรื่องหลักคือ trust ความไว้วางใจกัน transparency ความโปร่งใสในการทำงาน และ empowerment การให้อำนาจผู้คนในการตัดสินใจ โดยเขามองว่าความไว้วางใจเป็นสิ่งสำคัญ การทำงานต้องมีองค์ประกอบที่โปร่งใส พูดคุยถึงปัญหาได้ทุกเรื่อง ไม่ซุกปัญหาไว้ใต้พรม และที่สำคัญต้องให้โอกาสคนเก่งในการทำงาน เพื่อเปิดโอกาสให้องค์กรได้รับผลงานดีที่สุด และช่วยให้คนทำงานประสบความสำเร็จ

 

อีเพาเวอร์ปิดจุดอ่อน อีวี

 

เมื่อพูดถึงโปรดักต์ Ramesh กล่าวถึงสินค้าใหม่ที่นิสสันนำมาเปิดตลาดในไทยคือรถยนต์ไฟฟ้าเทคโนโลยีอีเพาเวอร์ซึ่งคิดค้นโดยนิสสัน ในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้การขับเคลื่อนในระบบรถยนต์ไฟฟ้า 100% แต่ลดปัญหาการใช้พลังงานจากการชาร์จไฟฟ้า เปลี่ยนเป็นการใช้น้ำมันเพื่อนำมาหมุนมอเตอร์ให้รถยนต์ขับเคลื่อนในระบบไฟฟ้าแทน

ด้วยโครงสร้างรถยนต์ที่พัฒนาขึ้นมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ เพื่อรองรับความต้องการตลาดโลกที่กำลังหันมาให้ความสนใจใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยมลพิษสู่บรรยากาศ ในขณะที่ยังคงสะดวกในการใช้งาน การเติมพลังงานเชื้อเพลิง ลดปัญหาความไม่พร้อมของสถานีชาร์จไฟฟ้า

ตลาดอีวีโลกโตแน่นอน นิสสันจะก้าวไปพร้อมโอกาสนี้ และเรามีเทคโนโลยีอีเพาเวอร์โปรดักต์ที่จะมาตอบโจทย์ตลาด รถยนต์ไฟฟ้าจะช่วยเราให้เติบโตและเป็นผู้นำรถยนต์ไฟฟ้า ยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าของนิสสันจะไม่ใช่ไฟฟ้าอย่างเดียว” Ramesh กล่าว

Ramesh ย้ำว่าอีเพาเวอร์จะแก้ปัญหาได้ 2 เรื่องคือ คนอยากขับรถอีวีไม่ต้องกังวลกับการชาร์จไฟ จะทำให้คนส่วนใหญ่เข้าถึงอีวีได้ และยังช่วยลดมลพิษเสียงและฝุ่น เพราะไม่มีเครื่องยนต์สันดาป ไม่มีเกียร์

ส่วนรถอีวีของนิสสันรุ่นที่ทำตลาดหลักๆ ขณะนี้คือ นิสสัน ลีฟ ที่ผ่านมาถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากทั่วโลก สำหรับในประเทศไทยได้มีการทดสอบ โดยนำทีมนักข่าวขับขึ้นดอยอินทนนท์ด้วยการชาร์จไฟฟ้าเพียงครั้งเดียวขึ้นเขาลงเขาได้นิสสัน ลีฟเป็นยนตรกรรมที่ออกแบบมาเพื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ต่างกับคู่แข่งที่มีโครงสร้างบนพื้นฐานรถยนต์สันดาปที่นำเครื่องยนต์ออกและใส่มอเตอร์เข้าไป ลีฟทำมากว่า 10 ปีแล้ว อยู่ในตลาดได้การตอบรับทั่วโลก การนำลีฟเข้ามาในตลาดเมืองไทยก็เพื่อเปิดให้คนได้รู้ว่ารถไฟฟ้าดีอย่างไร

สำหรับเป้าหมายการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า Ramesh บอกว่า นิสสันตั้งเป้าจะขายรถยนต์ไฟฟ้า 25% ในตลาดโลก และมีเป้าหมายว่าจะทำสัดส่วนยอดขาย 25% ของยอดขายนิสสันในเอเชียและโอเชียเนียในปี 2565 จากยอดขายรวมปี 2562 ที่ทำได้ทั้งสิ้น 2.5 แสนคัน

 
คลิกอ่าน "Ramesh Narasimhan ขับเคลื่อนนิสสันไทยโตยั่งยืน" ฉบับเต็มได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2563 ในรูปแบบ e-magazine