หากเอ่ยถึงชื่อสตรีนักบริหารที่ประสบความสำเร็จทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ แน่นอนว่าชื่อของ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ติดอยู่ในบุคคลเหล่านั้น Forbes Thailand ได้รับเกียรติเข้าพูดคุย ณ Club Lounge ชั้น 3 โรงแรมดุสิตธานี ตั้งอยู่หัวมุมถนนสีลมในบ่ายวันหนึ่ง เธอเข้ามารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทยักษ์ใหญ่เชนโรงแรมสัญชาติไทย อาทิ ดุสิตธานี ดุสิตดีทู ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
เรื่องราวของเธอก็ยังอยู่ในความสนใจเสมอ ศุภจี มีรูปร่างสูงโปร่งเป็นนักธุรกิจที่สมาร์ทวันที่พูดคุยเธอมาในลุคชุดสูทสีดำที่ทำให้เธอดูสงบนิ่งแต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานเพราะน้ำเสียงที่ไพเราะน่าชวนฟังได้ช่วยตอกย้ำความนุ่มนวลของเธอสตรีวัย 52 ปียังดูกระฉับกระเฉงไม่หยุดนิ่ง วันนี้ในฐานะนายหญิงคนใหม่ของกลุ่มดุสิต เธอกำลังมุ่งมั่นที่จะใช้ประสบการณ์ที่เก็บเกี่ยวมาจากบริษัทเทคโนโลยี 2 บริษัทอย่างยักษ์สีฟ้าในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ไอบีเอ็มซึ่งเธออยู่ถึง 22 ปี และ บมจ.ไทยคมที่เธออยู่ราว 4 ปี หลังตอบรับคำชักชวนจาก ชนินทธ์ โทณวณิก รองประธานกรรมการและประธานคณะกรรมการบริหารของ ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล เธอจึงเป็น “คนแรก” ของประวัติศาสตร์กลุ่มดุสิตในฐานะซีอีโอมืออาชีพคนนอกในฐานะสตรีคนแรก โดยที่ช่วงชีวิตการทำงานผ่านมาเธอยังเป็น “สตรีคนแรก” ที่นั่งเป็นกรรมการผู้จัดการของไอบีเอ็ม และตำแหน่งซีอีโอ บมจ.ไทยคม อีกด้วย ความตั้งใจเดิมของศุภจี หลังออกจากไทยคมคือการทำงานอิสระเป็นโค้ชชิ่ง เพื่อสร้างศักยภาพและยกระดับผู้บริหารไทยให้ก้าวขึ้นสู่ระดับนานาชาติ แต่เมื่อได้แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์กับชนินทธ์ เพื่อสร้างแบรนด์โรงแรมไทยในตลาดโลก และความสำคัญกับการ “สร้างคน” ให้กับอุตสาหกรรมโรงแรมโดยรวม เพื่อยกมาตรฐานวิชาชีพ ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับเธอที่ตั้งใจจะทำอยู่แล้ว “พี่ต่างจากคนในอุตสาหกรรมนี้ พี่จะนำประสบการณ์บริหารบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล นำประสบการณ์เอาแบรนด์ไทยออกไปต่างประเทศ สมัยอยู่ไทยคมนำเอาประสบการณ์สร้างองค์กรที่ support การเจริญเติบโตได้นำกระบวนการที่มีประสิทธิภาพมาสร้างคนสร้างแรงบันดาลใจ เปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร นำเอาสิ่งเหล่านี้มาผสมผสานกันให้มาเกิดขึ้นอีกครั้ง” ศุภจีบอกเพิ่มเติมด้วยว่าจากนี้ไปเธอจะต้องเร่งวางรากฐานให้องค์กรแข็งแกร่งที่สุดเพื่อรองรับการเติบโตอย่างมั่นคงโดยเฉพาะพนักงานจาก 4 พันคนในปัจจุบันที่จะเพิ่มเป็น 1 หมื่นกว่าคนในอีก 5 ปีข้างหน้าจะต้องมีคุณภาพได้มาตรฐาน พร้อมกับทำหน้าที่เป็น “brand ambassador” สร้างและรักษาอัตลักษณ์ของแบรนด์ดุสิตในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ จะยังมีการจัดโครงสร้างภายในกลุ่มให้เป็นระบบระเบียบ เพื่อกระบวนการทำงานให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ศุภจีเป็นคนที่มี “passion” กับสิ่งที่ทำเสมอและนี่เองน่าจะเป็นตัวส่งให้เธอประสบความสำเร็จทุกสิ่งที่ทำมาจากความรู้สึกภายในไม่เคยเริ่มต้นคิดว่าอยากมีตำแหน่งสูงหรือตำแหน่งในสังคมรวมถึงไม่เคยคิดใหญ่ทำใหญ่ แต่ทั้งหมดนี้ ค่อยๆ เติบโตขึ้นเมื่อมีรับผิดชอบมากขึ้นเธอก็ได้แสดงความสามารถที่มีออกมา อีกด้านของชีวิตเธอก็พยายามรักษาสมดุลของชีวิตทั้งโลกงานและชีวิตให้ลงตัวมากที่สุดอย่างเช่นพยายามเดินให้ได้ 1 หมื่นก้าวในทุกวันทำงานเพื่อชดเชยการไม่มีเวลาออกกำลังกาย วันที่พวกเราสัมภาษณ์ช่วงราว 4 โมงเย็น เครื่องวัดที่คาดอยู่บนข้อมือบอกว่า เธอทำสถิติได้ราว 6,300 ก้าว เธอบอกว่า หากไม่ครบตามที่หวังไว้ ก็จะไปวิ่งหลังเลิกงาน โดยส่วนตัวเธอชอบวิ่งเป็นชีวิตจิตใจการวิ่งสอนให้รู้ว่าช่วงไหนควรบุก ช่วงไหนควรผ่อน เหมือนหน้าที่การงาน ที่บางช่วงต้องเร่ง ต้องลึก หรือทำในมุมกว้าง ท้ายสุดเธอจะเต็มที่กับบทบาทใหม่ที่กลุ่มดุสิตหยิบยื่นโอกาสให้และบอกพวกเราถึงเป้าหมายก่อนจบว่า “อยากให้คนดุสิตภูมิใจในความเป็นดุสิตและอยากให้คนไทยภูมิใจความเป็นดุสิตด้วยถ้าเป็นเช่นนั้นถือว่าทำหน้าที่ได้ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว” เรื่อง: บำรุง อำนาจเจริญฤทธิ์ ภาพประกอบ: สมเกียรติ ศิริวงศ์ศิลป์คลิ๊กอ่าน "ศุภจี สุธรรมพันธ์ ซีอีโอมืออาชีพคนแรกของกลุ่มดุสิต" ฉบับเต็มไ ด้ที่ Forbes Thailand ฉบับ June 2016