สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ เที่ยวบิน XJ700 ทะยานขึ้นจากสนามบินนานาชาติดอนเมืองในช่วงเช้าเวลา 08.05 น. และในเวลา 15.25 น. นกเหล็กแอร์บัส A330-300 แตะรันเวย์ท่าอากาศยานอินชอน กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ อย่างปลอดภัย ที่นั่น นัตดา บุรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ยิ้มแก้มปริ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข ขณะต้อนรับผู้สื่อข่าว
นั่นคือเหตุการณ์วันที่ 17 มิถุนายน 2557 เมื่อเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ สายการบินราคาประหยัดหรือที่เรียกว่าสายการบิน “โลว์คอส” รายแรกของประเทศไทย เริ่มให้บริการเส้นทางการบินระยะไกลมากกว่า 4 ชั่วโมง วันนี้ สายการบินนี้ครบรอบ 2 ปีเป็นที่เรียบร้อย ภายใต้การควบคุมของกัปตันที่ชื่อ นัตดา ผู้ขับเคลื่อนสายการบินน้องใหม่ฝ่ามรสุมหลายลูกจนตั้งหลักได้ เริ่มตั้งแต่เผชิญกับโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือโรคเมอร์ส ที่ระบาดในแดนกิมจิ เหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์ จนถึงการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือด้านความปลอดภัยของกรมการบินพลเรือนไทยจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO จนปัจจุบันสายการบินนี้ เป็นที่รู้จักแพร่หลายในหมู่ของนักเดินทางทั้งชาวไทยและต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวอิสระ นัตดา นัดพบกับ Forbes Thailand ที่ร้านอาหาร Namsaah Bottling Trust แถวสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี เขาปลีกตัวพบพวกเรา หลังจากงานแถลงข่าวเปิดเส้นทางใหม่ของไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ที่จะบินไปกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน และกรุงมัสกัตประเทศโอมาน สิ้นสุดลง หนุ่มใหญ่วัย 54 ปี รูปร่างท้วม สวมสูทสีน้ำเงินกับกางเกงยีนส์เปิดใจคุยกับพวกเราถึงเรื่องราวมากมายอย่างเป็นกันเอง เขาใช้น้ำเสียงเนิบนุ่มของเขาเกริ่นกับพวกเราว่ารู้สึก “พอใจ” กับผลงาน 2 ปีที่ผ่านมาเหิรเวหา
นัตดา เป็นเพื่อนกับ ธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น ซึ่งบริหารสายการบินไทยแอร์เอเชียทั้งคู่จบมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) และทำงานในอุตสาหกรรมเพลง ธรรศพลฐ์ ทำงานที่วอร์เนอร์มิวสิค (ประเทศไทย) ขณะที่นัดดา อยู่ที่ ยูนิเวอร์แซล มิวสิค (ประเทศไทย) ร่วมบุกเบิกเพลงสากลในไทย และยังช่วยรณรงค์การละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญา นัตดาตอบรับคำชวนของธรรศพลฐ์ ให้เข้ามาดูแลสายการบินใหม่ แม้ไม่มีประสบการณ์การทำงานธุรกิจการบิน แต่นัตดาก็ไม่คิดว่าเป็นอุปสรรคปัญหา เช่นเดียวกับธรรศพลฐ์ ที่ไม่มีเช่นกันแต่ปัจจุบันเขาประสบความสำเร็จและกลายเป็นมหาเศรษฐีในเมืองไทยไปแล้ว ครั้งหนึ่ง “ธงเราต้องชัด อย่างเช่น ธงปีนี้อยากมีกำไร เราก็จะไม่มีเส้นทางเสี่ยง เราไม่พร้อมจะเสี่ยง พอธงเราชัด เราจะรู้ว่า เราจะทำอะไร” นัตดา อธิบายให้พวกเราเห็นภาพชัดมากขึ้น กับศิลปะการบริหารที่เขาอ้างถึงเขาและทีมงานทำงานกันหนักมาก เพื่อมองหาเส้นทางใหม่ๆ รองรับการเติบโต นัตดา บอกว่า แต่ละเมืองที่ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์จะตัดสินใจเปิดเส้นทางไป จะต้องมี “ศักยภาพ” เพียงพอและการแข่งขันในตลาดนั้นๆ จะต้องไม่มากเพราะบริษัทเชื่อมั่นว่าสามารถ “ปั้น” ตลาดให้เกิดได้ ดังนั้น หลังจากเปิดเส้นทางกรุงเทพฯ-โซล ไม่นานบริษัทก็เริ่มทยอยเปิดเส้นทางใหม่ๆ ตามมาคือ โตเกียว โอซาก้า และเซี่ยงไฮ้ ล่าสุดเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาได้เปิดเส้นทางใหม่ไปกรุงเตหะรานและกรุงมัสกัต ซึ่งถือเป็นเส้นทางที่ 5 และ 6 ตามลำดับ ขณะที่เส้นทางที่ 7 จะเปิดภายในปีนี้แต่ขออุบไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ผลจากการทำงานหนักในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยมากกว่า 80% และคาดว่าปีนี้จะสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ราว 1.1 ล้านคน โดยใช้เครื่องบิน 6 ลำ จากเดิมปีที่แล้วมี 4 ลำตั้งแต่บริษัทเริ่มบินมาจนถึงสิ้นปี 2558 บริษัทบรรทุกผู้โดยสารทั้งสิ้น 1 ล้านคนพลังเครือข่าย
ปัจจุบันตลาดสายการบินราคาประหยัดระยะไกล มีผู้เล่นมากขึ้น ที่ผ่านมา ก็มีสายการบินนกสกู๊ต ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนระหว่างสายการบินนกแอร์กับสายการบินสกู๊ต ซึ่งเป็นสายการบินราคาประหยัดที่บินระยะไกล และเป็นบริษัทลูกของสิงคโปร์แอร์ไลน์ โดยล่าสุดนกสกู๊ตประกาศร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรสายการบินราคาประหยัดในเอเชีย เพื่อขยายเครือข่ายและสร้างอำนาจการแข่งขันในตลาด เมื่อถามถึงคู่แข่งใหม่ๆ นัตดาก็ไม่วิตกแต่อย่างใด “เราใช้เน็ทเวิร์คของไทยแอร์เอเชียให้เป็นประโยชน์ เป็นจุดแข็งของเรา การทำตลาดของเราจากต่างประเทศเข้ามา เราไฮไลท์ว่า Direct to Bangkok and Beyond” นัตดาเสริม และย้ำว่า แม้ว่าคู่แข่งจะเสนอราคาที่น่าดึงดูดกว่า แต่เขาก็บอกว่า เป็นแค่การตลาดในระยะสั้นๆ เนื่องจากสายการบินกลุ่มนี้มีต้นทุนไม่ต่างกัน ทำให้ราคาไม่ต่างกันมากในภาวะปกติ แต่ปัจจัยที่ทำให้นักเดินทาง ตัดสินใจว่าจะเลือกสายการบินไหนคือ ความเชื่อมั่นในแบรนด์และการบริการมากกว่า สืบเนื่องจากวัฒนธรรมองค์กร “never say no” ที่ยึดมั่นตั้งแต่ก่อตั้งไทยแอร์เอเชีย ทำให้ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ถือปฏิบัติเป็นปรัชญาในการทำงานตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงมุ่งมั่นทำงานหนักเพื่อให้องค์กรเติบโต ขณะที่นัตดาเอง ก็ตั้งมั่นการเป็นผู้นำที่ดี เป็นที่รักของลูกน้อง โดยส่วนตัวเขายึดถือหลักปฏิบัติ 3 ช. คือ “ชอบ เชื่อ ช่วย” ที่หยิบยืมมาใช้จากแนวทางของชาวบ้าน กล่าวคือ ต้องทำให้เขาชอบกับงานที่ทำ โดยต้องอธิบายทิศทางบริษัทและภาพรวมให้เขารู้อย่างชัดแจ้งเพื่อให้เขาเชื่อ และเมื่อชอบและเชื่อ เขาก็จะช่วยงานและเดินไปพร้อมๆ กับบริษัทสิ่งที่ทำมาทั้งหมดก็เพื่อ “ให้ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์เป็น top of mind ของนักเดินทาง” เขากล่าวทิ้งท้าย เรื่อง: บำรุง อำนาจเจริญฤทธิ์ ภาพประกอบ: สมเกียรติ ศิริวงศ์ศิลป์คลิ๊กอ่าน "นัตดา บุรณศิริ ขยับปีกล่าโอกาส" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ JULY 2016 ในรูปแบบ e-Magazine