ดวงสี พารายก "EDL-Gen" แบตเตอรี่แห่งอาเซียน - Forbes Thailand

ดวงสี พารายก "EDL-Gen" แบตเตอรี่แห่งอาเซียน

ดวงสี พารายก ผู้นำธุรกิจผลิต-ไฟฟ้าลาวเดินหน้าโรงไฟฟ้าพลังน้ำและแสงอาทิตย์พร้อมโครงการร่วมภาคเอกชนขยายกำลังการผลิตต่อเนื่อง 1,949 เมกะวัตต์สู่ 2,435 เมกะวัตต์ในปี 2572 ด้วยความมุ่งมั่นขับเคลื่อน สปป.ลาว ให้ก้าวเป็นผู้นำการผลิตพลังงานสะอาดและสร้างความมั่นคงในภูมิภาคสอดคล้องเมกะเทรนด์โลก

ทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของ สปป.ลาว ทั้งภูเขาสูง แม่น้ำ ป่าไม้ และฝนตกชุกที่สามารถผลิตน้ำจืดได้จำนวนมากส่งผลให้หลายช่วงปีที่ผ่านมา สปป.ลาว มีความมั่นใจประกาศตัวเป็นแบตเตอรี่แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือแหล่งผลิตไฟฟ้าพลังน้ำจากเขื่อนสำหรับใช้ในประเทศและส่งออกไปยังประเทศอื่นในภูมิภาค ขณะที่ตัวเลขจากเวทีสัมมนาหัวข้อเรื่อง “ราคาไฟฟ้าและไฟฟ้าลาว ปี 2021-2025” ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว ยังสะท้อนชัดถึงกำลังการผลิตไฟฟ้าจำนวนมากรวม 9,972 เมกะวัตต์ จากแหล่งผลิตไฟฟ้าในประเทศ 78 แห่ง ซึ่งแบ่งเป็นเขื่อนผลิตไฟฟ้า 67 แห่ง โรงไฟฟ้าถ่านหิน 1 แห่ง โรงไฟฟ้าชีวมวล 4 แห่ง และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 6 แห่ง พร้อมส่งขายให้ประเทศเพื่อนบ้านและประเทศในอาเซียน ทั้งยังมีเขื่อนผลิตไฟฟ้าอีกจำนวนมากที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง และเตรียมผลิตไฟฟ้าป้อนเข้าสู่ระบบของ สปป.ลาว อย่างต่อเนื่อง “บริษัทตั้งขึ้นในเดือนธันวาคม ปี 2553 ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งแยกรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาวจากเดิมมีฝ่ายผลิตและฝ่ายจำหน่ายในเวลานั้น ต่อมาจึงนำฝ่ายผลิตของรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาวมาเป็นของ บริษัทผลิต-ไฟฟ้าลาว จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาว และดำเนินการผลิตมาได้ 10 ปีพอดี” ดวงสี พารายก กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิต-ไฟฟ้าลาว (มหาชน) หรือ EDL-Gen ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานสะอาดรายใหญ่ของ สปป.ลาว กล่าวถึงการสนับสนุนจากภาครัฐที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจให้สามารถขับเคลื่อนเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศที่มีการเติบโตและความมั่นคงสูง บมจ. ผลิต-ไฟฟ้าลาว กว่าทศวรรษที่บริษัทได้เริ่มต้นก่อตั้งขึ้นจากรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว หรือ EDL (Electricite du Laos) ในเดือนธันวาคม ปี 2553 โดยสืบทอดบทบาทในการเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าป้อนให้ สปป.ลาว และเป็นเจ้าของระบบสายส่งแรงสูงของประเทศแต่เพียงผู้เดียว ซึ่ง EDL เป็นรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังของ สปป.ลาว เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด ส่งผลให้ทั้ง EDL และ EDL-Gen ต่างมีบทบาทสำคัญตามแผนพัฒนาระบบไฟฟ้าของ สปป.ลาว พร้อมผลักดันให้การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของ สปป.ลาว เติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับประเทศไทยถือเป็นฐานลูกค้าที่สำคัญของ EDL-Gen ด้วยสัดส่วนการซื้อไฟฟ้าจาก EDL-Gen สูงถึง 42% ของปริมาณการผลิตไฟฟ้าติดตั้งทั้งหมด โดยจากแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศปี 2561-2580 (PDP 2018) ประเทศไทยสามารถรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านได้อีก 3,500 เมกะวัตต์ ซึ่งยังสามารถซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ได้อีก 3,000 เมกะวัตต์และจะเหลือสัดส่วนที่รับซื้อจากประเทศอื่นๆ อีก 500 เมกะวัตต์
ดวงสี พารายก กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิต-ไฟฟ้าลาว (มหาชน) หรือ EDL-Gen
“เราได้วางวิสัยทัศน์ในการก้าวสู่เป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ในการเป็นหนึ่งในประเทศอาเซียนที่สามารถตอบสนองความต้องการไฟฟ้าในประเทศและต่างประเทศให้เพียงพอมั่นคง และราคาสมเหตุสมผล ด้วยศักยภาพทางด้านบุคลากร ทักษะความเชี่ยวชาญที่เป็นผู้ริเริ่มสร้างเขื่อนพลังน้ำใน สปป.ลาว มายาวนาน และค่าแรงการทำงานยังต่ำเมื่อเทียบกับหลายประเทศ พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มหรือผลกำไรให้กับนักลงทุนและผู้ถือหุ้น” นอกจากนั้นด้านการพัฒนาและบริหารโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำของ EDL-Gen ยังให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้มาตรฐาน ISO14001 จากการนำทรัพยากรน้ำมาใช้ผลิตพลังงานสะอาดผ่านเขื่อนที่มีกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าแบบให้น้ำไหลผ่านตลอดเวลา หรือ Run-of-the-river จึงไม่กระทบต่อปริมาณและคุณภาพน้ำทั้งด้านเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อน รวมถึงคุณภาพชีวิตสัตว์น้ำในลุ่มน้ำโขง และควบคุมเสียงไม่ให้กระทบต่อชุมชน ทำให้บริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากการบริหารจัดการด้านทรัพยากรทางธรรมชาติมาสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ สังคม และความเป็นอยู่ของประชาชนใน สปป.ลาว ที่ดี “อุตสาหกรรมไฟฟ้าโดยรวมมีการผลิตขนส่งและจำหน่าย ซึ่งในการขนส่งทางกระทรวงพลังงานและรัฐบาลได้มีนโยบายก่อตั้งบริษัทสายส่งแห่งชาติขึ้นและอยู่ระหว่างการดำเนินการ ถ้าหากสำเร็จจะเกิดความสมดุลการสนองไฟฟ้าในลาวหรือในภาคพื้นที่มั่นคงยิ่งขึ้น รวมถึงการผลักดันให้มี Asian Power Green หรือประเทศรอบข้าง ได้แก่ สปป.ลาว เวียดนาม กัมพูชา ไทย ให้มี grid อันเดียวกัน เพื่อพึ่งพาซึ่งกันและกันตามศักยภาพแต่ละประเทศที่ต่างกัน” ผลประกอบการ บมจ. ผลิต-ไฟฟ้าลาว ทั้งนี้ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ได้มีการส่งเสริมความร่วมมือด้านพลังงานและการเชื่อมโยงโครงข่ายระบบไฟฟ้าระหว่างประเทศสมาชิก (ASEAN Power Grid) ผ่านระบบส่งไฟฟ้าแรงสูง เพื่อให้แต่ละประเทศใช้ทรัพยากรต่างๆ ร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมส่งเสริมแนวคิดการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมความมั่นคงทางด้านพลังงานและเศรษฐกิจ ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ให้ความสนใจศึกษาการสร้างตลาดการซื้อขายไฟฟ้าข้ามประเทศ โครงการที่เกิดผลเป็นรูปธรรม ได้แก่ การสร้างสายส่งขนาด 500 กิโลโวลต์ เพื่อเชื่อมจากแหล่งผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำของสปป.ลาว มายังระบบไฟฟ้าของประเทศไทยและระบบ HVDC เพื่อส่งไฟฟ้าระหว่างมาเลเซียและไทย (Lao PDR, Thailand, Malaysia - Power Integration Project: LTM-PIP) พร้อมเดินหน้าดำเนินโครงการเชื่อมโยงโครงข่ายระบบส่ง 3 ประเทศ คือ สปป.ลาว-ไทย-เมียนมา ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายเส้นทางนำไปสู่การซื้อขายไฟฟ้าแบบพหุภาคีภายในภูมิภาคอาเซียนและต่อไปยังภูมิภาคอื่นในอนาคต  
  • ก้าวสู่ผู้นำพลังงานสะอาด
ภายใต้ความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนให้ สปป.ลาว เป็นผู้นำผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดของภูมิภาคอาเซียน บริษัทได้กำหนดแนวทางการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำโดยเปิดกว้างให้เอกชนผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (IPP) ร่วมลงทุนพัฒนาโครงการและศักยภาพการผลิตไฟฟ้า เพื่อดึงเม็ดเงินการลงทุนจากต่างประเทศจากเดิมที่บริษัทเป็นผู้ลงทุนพัฒนาโครงการเองทั้งหมด ด้านแผนการดำเนินงานของบริษัทได้วางเป้าหมายการขยายกำลังการผลิตติดตั้งรวม 2,435 เมกะวัตต์ และเพิ่มจำนวนโรงไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 42 โครงการในปี 2572 โดยแบ่งเป็นโครงการที่ EDL-Gen ลงทุนและพัฒนาโครงการเองรวม 18 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 974 เมกะวัตต์และเป็นโครงการร่วมทุนกับ IPP จำนวน 24 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนถือหุ้นรวม 1,461 เมกะวัตต์ ช่วยผลักดันการดำเนินงานของ EDL-Gen ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว และสนับสนุน สปป.ลาว ผู้นำการผลิตพลังงานสะอาดที่ยั่งยืนและมั่นคงในภูมิภาครองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ขณะที่แผนพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของ สปป.ลาว ได้วางเป้าหมายพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำอีกหลายโครงการเพิ่มการผลิตติดตั้ง 11,000 เมกะวัตต์ รวมเป็นกำลังการผลิตติดตั้งทั้งหมด 21,000 เมกะวัตต์ในปี 2573 เพื่อใช้ในประเทศและส่งออกประเทศต่างๆ ในภูมิภาคตามกรอบความร่วมมือ (MOU) การซื้อขายไฟฟ้า ได้แก่ ไทยจำนวน 9,000 เมกะวัตต์ กัมพูชา 6,000 เมกะวัตต์ เวียดนาม 5,000 เมกะวัตต์ เมียนมา 300 เมกะวัตต์ และมาเลเซีย 300 เมกะวัตต์ บมจ. ผลิต-ไฟฟ้าลาว สำหรับจุดแข็งของบริษัทที่ทำให้ดวงสีมั่นใจในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ สถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมไฟฟ้าของ สปป.ลาว ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 17% ของกำลังการผลิตรวมของ สปป.ลาว และเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในการผลิตไฟฟ้าใช้ภายในประเทศ ทั้งยังมีโครงการโซลาร์ฟาร์ม หรือการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยเป็นบริษัทแรกที่สามารถดำเนินการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จำหน่ายให้การไฟฟ้าลาวได้สำเร็จในปี 2561 ซึ่งสามารถช่วยลดภาระการผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำในช่วงกลางวันได้ด้วยการใช้แสงแดดผลิตไฟฟ้าส่งจ่ายยังชุมชนได้ ขณะเดียวกันความต้องการพลังงานในประเทศและภูมิภาคที่เพิ่มขึ้นยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทได้อย่างแข็งแกร่งในระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาของธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank หรือ ADB) ที่ระบุความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 100,000 เมกะวัตต์ในกลุ่มประเทศสมาชิกอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขงหรือ GMS (The Greater Mekong Subregion) ได้แก่ ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีนตอนใต้ โดยเมื่อเทียบกับกำลังการผลิตของ สปป.ลาว และ EDL-Gen จึงยังมีโอกาสในการพัฒนาและต่อยอดสร้างการเติบโตได้อีกมาก ดวงสีปิดท้ายถึงหลักการบริหารที่เชื่อมั่นในการเรียนรู้และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนาความรู้และความสามารถของบุคลากร รวมถึงสนับสนุนให้พนักงานมีส่วนร่วมขับเคลื่อนสร้างการเติบโตทางธุรกิจตามเป้าหมายการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเพื่อพัฒนาทางเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในภูมิภาคอาเซียน “ผมเชื่อว่าการเรียนรู้ของคนเราไม่มีที่สิ้นสุด และไม่หยุดที่จะพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถอยู่ตลอดเวลา และสร้างการมีส่วนร่วมให้พนักงานทุกคนได้ร่วมกันขับเคลื่อนองค์กรให้มีความเข้มแข็งในทุกมิติ เพื่อผลักดันให้ EDL-Gen เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเพื่อพัฒนาทางเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่พี่น้อง สปป.ลาว ตลอดจนการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ภูมิภาคอาเซียนตามสโลแกน Sustainable Choice for You, Sustainable Power for the Nation ของบริษัท”   ภาพ: บมจ. ผลิต-ไฟฟ้าลาว อ่านเพิ่มเติม:
คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกรกฎาคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine