วรรณิภา ภักดีบุตร ปรับสูตรโอสถสภาแรงเกินร้อย - Forbes Thailand

วรรณิภา ภักดีบุตร ปรับสูตรโอสถสภาแรงเกินร้อย

นับถอยหลังความเปลี่ยนแปลงบนหน้าประวัติศาสตร์องค์กรอายุ 127 ปี พร้อมสร้างปรากฏการณ์บริษัทของมหาชน ภายใต้การนำของมืออาชีพด้านสินค้าอุปโภคบริโภคข้ามชาติร่วมกุมบังเหียนประกาศนาม “OSP” สะเทือนกระดานหลักทรัพย์ไทย

หลังจาก เพชร โอสถานุเคราะห์ บุตรชายคนโตในอาณาจักรโอสถสภานั่งเก้าอี้ประธานกรรมการบริหารแทนน้องชาย หรือ รัตน์ โอสถานุเคราะห์ ที่มีปัญหาด้านสุขภาพการจัดกระบวนทัพสำคัญเริ่มที่การระดมมืออาชีพจากแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคระดับโลกเข้าร่วมทีมสร้างปรากฏการณ์ความเปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2559 ซึ่ง วรรณิภา ภักดีบุตร เป็นหนึ่งในผู้บริหารที่เพชรส่งเทียบเชิญให้นั่งเก้าอี้กรรมการผู้จัดการใหญ่ต่อจาก ธรรมศักดิ์ จิตติมาพร เพื่อเสริมทัพความแข็งแกร่งในอาณาจักรโอสถสภา “ทำงานวันแรกคุณเพชรให้โจทย์สั้นมากคือ คุณอ้นคิดว่าอะไรที่ทำแล้วบริษัทนี้เจริญ (เติบโต) ก็ทำเถอะครับ จนถึงวันนี้ตลอด 2 ปี คุณเพชรก็ทำแบบนั้นจริง” วรรณิภายังระลึกถึงภารกิจที่ได้รับมอบหมายผ่านโจทย์ที่สั้นที่สุดและดีที่สุดตลอดเส้นทางการทำงาน ภายใต้ความท้าทายในการนำบริษัทก้าวข้ามความเปลี่ยนแปลง วรรณิภาสามารถแปรเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์การทำงานในกลุ่มยูนิลีเวอร์ตลอดระยะเวลาร่วม 30 ปี พร้อมบริหารแบรนด์ในเครือกว่า 14 แบรนด์สู่บทบาทหน้าที่ใหม่ในองค์กร 127 ปี “ทฤษฎีการทำธุรกิจไม่ต่างกัน การปฏิบัติหรือการทำงานใกล้เคียงกันหมด เพียงแต่ความต่างของบริษัทอายุ 127 ปีอยู่ที่ประวัติศาสตร์อันยาวนานและสวยงามทุกวันนี้บริษัทสามารถพัฒนาและนำนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่สู่สังคมและประเทศไทยเสมอมา เราจะทำอย่างไรให้บริษัทเจริญก้าวหน้าและสร้างการเติบโตสวยงามต่อไปนานที่สุด”

เดินหมากกลยุทธ์ครบมิติ ภารกิจแรกของวรรณิภาเริ่มต้นที่การสร้างความแข็งแกร่งให้พอร์ตการลงทุนหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทจากรายได้รวมทั้งหมด 2.62 หมื่นล้านบาทและกำไรสุทธิ 2.94 พันล้านบาทในปีที่ผ่านมา นำโดยผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มมีรายได้คิดเป็นสัดส่วน 72.4% ซึ่งสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 54.4% ของมูลค่าตลาดค้าปลีกของเครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศ (ข้อมูลจากรายงาน Frost & Sullivan) วรรณิภาแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มของบริษัทออกเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์กลุ่มหลัก ได้แก่ เครื่องดื่มบำรุงกำลัง (Energy Drinks) และผลิตภัณฑ์กลุ่มรอง ได้แก่ Functional Drinks หรือเครื่องดื่มที่มีการเติมส่วนผสมเพื่อให้ได้คุณสมบัติเฉพาะ เช่น ซี-วิต และเปปทีน นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล ประกอบด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก นำโดยเบบี้มายด์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามสำหรับผู้หญิง นำโดย แบรนด์ทเวลฟ์พลัส “เครื่องดื่มบำรุงกำลังเราครองมาร์เก็ตแชร์มากกว่า 50% เราตอบด้วยพอร์ตโฟลิโอเมื่อโลกเปลี่ยน ความต้องการของโลกเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เปลี่ยน เราต้องมีแบรนด์ที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ เพื่อการสร้างความเข้มแข็งของตำแหน่งทางการตลาด” วรรณิภากล่าว นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งลงทุนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล เพื่อสนับสนุนการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกให้สอดคล้องหรือตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และใช้เป็นเครื่องมือในการจัดทำโฆษณา กิจกรรมทางการตลาดเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย การบริหารจัดการพื้นที่ชั้นวางสินค้าและการวางสินค้า รวมถึงทุ่มเทด้านการวิจัยและพัฒนา ด้วยงบการลงทุนเฉลี่ยราว 1-2% ของรายได้จากการขายต่อปีพร้อมทั้งรวบรวมฝ่ายวิจัยของบริษัทเข้าสู่ศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งใหม่ที่เน้นการวิจัยเชิงประยุกต์และการพัฒนาในทางปฏิบัติมากกว่าการวิจัยเชิงทฤษฎีเท่านั้น “อันดับแรกเป็นโจทย์เกี่ยวกับพอร์ตโฟลิโอของบริษัทในช่วง 5-10 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เราจะทำให้กลุ่มเครื่องดื่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล หรือกลุ่มยาสามารถเติบโตตามความเปลี่ยนแปลงของสังคมและผู้บริโภคอย่างไร โดยเฉพาะช่วงที่กระแสโลกเข้าสู่ยุคการพัฒนาดิจิทัล ตรงนี้เป็นหนึ่งในงานที่เราต้องต่อยอด” ขณะเดียวกันวรรณิภายังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของซัพพลายเชนของบริษัท และเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานและเพิ่มอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถึงความสามารถในการทำกำไรโดยรวมตามหลักการ Lean Principle ซึ่งช่วยให้บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยเฉพาะตลาดเครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอลล์ในประเทศที่มีความอ่อนไหวต่อราคาสูงและได้รับความกดดันทางด้านราคาจากการแข่งขันที่มากขึ้น “อีกด้านที่สำคัญคือบุคลากร ด้วยความเป็นบริษัทไทยที่อยู่มานาน พนักงานรักบริษัท รักครอบครัวโอสถานุเคราะห์มากเราจะพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรอย่างไรให้พร้อมปรับจาก private company เป็น public company การดูแลพนักงานสร้างองค์ความรู้ใหม่ หรือการปรับเข้าสู่วิสัยทัศน์ใหม่ที่คุณเพชรให้มา ทั้งหมดนี้เป็นโจทย์เกี่ยวกับคน”

โอกาสบนกระดานหุ้นของมหาชน “การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นอีกหนึ่งมิติที่คุณเพชรและผู้ถือหุ้นต้องการขับเคลื่อนโอสถสภาให้พัฒนาต่อไปในมิตินั้น ซึ่งเรามั่นใจในจุดแข็งของโอสถสภาที่มี legacy และประวัติศาสตร์ที่สวยงาม เรามีแบรนด์เอ็ม-150 ที่ภาคภูมิใจและคนไทยก็น่าจะภูมิใจกับเรา เราเป็นแบรนด์ที่มีส่วนร่วมกับสังคมไทยและหลายช่วงเวลาที่ดีของคนไทยเรามีผู้บริโภคเอ็ม-150 หลายล้านคนทั่วประเทศ” สำหรับแผนการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วงเดือนตุลาคมปีนี้มีเป้าหมายส่วนหนึ่ง เพื่อลงทุนในโครงการเพิ่มรายได้การจำหน่ายและผลตอบแทนการลงทุน ซึ่งวางงบประมาณราว 2.67 พันล้านบาทในปี 2561 และ 2.61 พันล้านบาทในปี 2562 โดยมุ่งเน้นขยายกำลังการผลิตจากปัจจุบันบริษัทมีโรงงานผลิตสินค้าราว 10 แห่งสามารถผลิตเครื่องดื่มประมาณ 3.60 พันล้านขวดต่อปี และ 122 ล้านกระป๋องต่อปี วรรณิภากล่าวถึงการรุกธุรกิจในตลาดต่างประเทศที่บริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านผู้จัดจำหน่ายโดยตรงใน 25 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย แอฟริกา ยุโรปตะวันออกอเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ นำโดยเอ็ม-150 ชาร์ค (ในเมียนมา) ชาร์คคูลไบท์เบบี้มายด์ และทเวลฟ์พลัส ขณะเดียวกันบริษัทวางแผนใช้ประโยชน์จากความเป็นผู้นำธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศสู่การเป็นผู้นำในตลาดหลักอย่างเมียนมา กัมพูชา รวมถึงแผนขยายส่วนแบ่งตลาดในกัมพูชาและอินโดนีเซีย ทั้งยังพยายามขยายธุรกิจไปยังเวียดนาม ด้วยกลยุทธ์ “ประเทศ ประเภท และช่องทาง” วรรณิภากล่าวถึงความท้าทายที่ต้องปรับตัวเพื่อเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงโดยมีทรัพยากรบุคคลเป็นกำลังสำคัญภายใต้วัฒนธรรมองค์กร 4 ด้านหลัก ได้แก่คุณธรรมและความรับผิดชอบ (Integrity) การทำงานเป็นทีม (Teamwork) ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Innovative Thinking) และมุ่งมั่นคว้าชัยชนะ (Passion) โดยมุ่งพัฒนาตัวเองตอลดเวลา “เรามีผู้นำองค์กรอย่างคุณเพชรที่มีหลายมุม ทั้งนักการศึกษา นักธุรกิจครีเอทีฟ และศิลปิน คุณเพชรไม่ลงรายละเอียด เราอาจปรึกษากันด้านกลยุทธ์ระดับบนและภาพขนาดใหญ่ ที่เหลือคุณเพชรให้ทีมงานบริหารตามสมควร ส่วนตัวถือว่าได้รับเกียรติที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโอสถสภาและได้ทำงานร่วมทีม” ในฐานะผู้นำทัพขับเคลื่อนธุรกิจครอบครัวแปรเปลี่ยนสู่มหาชนได้ปิดท้ายถึงความมุ่งมั่นตั้งใจนำความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเติบโตให้องค์กรไทยมีความสามารถในการแข่งขันและก้าวต่อยังบริษัทระดับโลกในอนาคต “การตัดสินใจเข้าร่วมงานกับโอสถสภาเพราะต้องการให้องค์กรไทยเติบโต โดยนำความรู้ที่มีใน global organization ผสมผสานความเป็นไทยและหวังว่าจะสร้างโอสถสภาให้เป็นองค์กรที่เติบโตสวยงาม และมีความสามารถในการแข่งขัน จนเป็น International Company ได้จริง” ภาพ: ชัยสิทธิ์ จุนเจือดี อ่านเพิ่มเติม "เพชร โอสถานุเคราะห์ พลิกตำนานบทใหม่ ใส่พลังโอสถสภาสู่เวทีโลก"
คลิกอ่าน "วรรณิภา ภักดีบุตร ปรับสูตรโอสถสภาแรงเกินร้อย" ฉบับเต็มได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand เดือนกันยายน 2561 ในรูปแบบ e-Magazine