รายงานใหม่เผย จำนวน "เศรษฐีร้อยล้าน" เติบโตทั่วโลก - Forbes Thailand

รายงานใหม่เผย จำนวน "เศรษฐีร้อยล้าน" เติบโตทั่วโลก

FORBES THAILAND / ADMIN
11 Oct 2023 | 08:00 AM
READ 1283

เฮนลี่ย์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส (Henley & Partners) บริษัทให้คำปรึกษาด้านความมั่งคั่งและการลงทุนเพื่อย้ายถิ่นฐานเผยรายงานประจำปี 2566 โดยอิงข้อมูลจากบริษัท นิว เวิลด์ เวลท์ (New World Wealth) ผู้ให้บริการข้อมูลความมั่งคั่งระดับโลกแบบเจาะลึกว่า ปัจจุบันทั่วโลกมีเศรษฐีร้อยล้านอยู่ 28,420 ราย เพิ่มขึ้นจากเมื่อ 20 ปีที่แล้วกว่าเท่าตัว และเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเวลานี้ของปีที่แล้ว โดยกลุ่มผู้มีฐานะร่ำรวยและทรงอิทธิพลที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลกกลุ่มนี้ ต้องมีทรัพย์สินที่ลงทุนได้อย่างน้อย 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ


    ตามที่ระบุไว้ในรายงานเมื่อปีที่แล้ว เมื่อดูเป็นรายประเทศ เศรษฐีร้อยล้านส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในสหรัฐอเมริกา (38%) ตามมาด้วยตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่อย่างจีนและอินเดีย หนึ่งในสามของบรรดาเศรษฐีร้อยล้านทั่วโลกอาศัยอยู่ในเมืองสำคัญ 50 เมืองทั่วโลก โดยนครนิวยอร์กครองแชมป์จากการที่มีเศรษฐีร้อยล้านอาศัยอยู่ 775 คน

    ดร.ยอร์ก สเตฟเฟน (Dr. Juerg Steffen) ซีอีโอของเฮนลี่ย์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส กล่าวว่า กลุ่มผู้ที่มีสินทรัพย์มากกว่า 100 ล้านเหรียญนั้น สะท้อนความหมายของคำว่า "มหาเศรษฐี" ในยุคนี้ได้ดีที่สุด "โดยย้อนกลับไปไม่นานมานี้ ในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1990 ธนาคารส่วนใหญ่ถือว่า 30 ล้านเหรียญคือตัวเลขที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุสถานะนี้ อย่างไรก็ตาม ราคาสินทรัพย์ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่นั้นมา ทำให้ 100 ล้านเหรียญกลายเป็นเกณฑ์มาตรฐานใหม่"


เมืองที่มีเศรษฐีร้อยล้านมากที่สุด

    อันดับ 1 คือนครนิวยอร์ก ส่วนที่ตามมาติดๆ คือย่านอ่าวซานฟรานซิสโก (Bay Area) ซึ่งมีเศรษฐีร้อยล้านอยู่ 692 คน ตามมาด้วยลอสแอนเจลิสซึ่งมีอยู่ 504 คน กลุ่มมหาเศรษฐีในนครนิวยอร์กมีจำนวนเพิ่มขึ้นเพียง 5% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เทียบกับ 11% ในบริเวณอ่าวซานฟรานซิสโก ขณะที่ชิคาโกยังติดอันดับท็อป 10 โดยรั้งอันดับ 9 ด้วยจำนวนเศรษฐีร้อยล้าน 286 คน แต่ก็ร่วงหนักเกือบ 16% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

    โดยรวมแล้ว สหรัฐอเมริกามี 12 เมืองใน 50 อันดับแรก โดยมีเศรษฐีร้อยล้านทั้งหมด 3,311 คน คิดเป็น 11.7% ของจำนวนเศรษฐีร้อยล้านทั่วโลก ณ เดือนมิถุนายน 2566

    ในทางกลับกัน สหราชอาณาจักรมีเมืองที่ติด 50 อันดับแรกอยู่เมืองเดียวคือลอนดอน ซึ่งอยู่ในอันดับ 4 โดยมีเศรษฐีร้อยล้าน 388 คน คิดเป็น 1.4% ของจำนวนเศรษฐีร้อยล้านทั่วโลก ครั้งหนึ่งเมืองหลวงแห่งนี้เคยเป็นแหล่งรวมความมั่งคั่งและอิทธิพลในระดับโลก แต่ก็ดูเหมือนจะถดถอยลง ซึ่งเมื่อปีที่แล้วเลอนดอนมีเศรษฐีร้อยล้านอยู่ 406 คน ตัวเลขในปัจจุบันจึงนับว่าลดลง 4.4% ในเวลาเพียง 12 เดือน

    เอเชียมีเมืองที่ติดอันดับสูงมากขึ้น โดยมีเมืองและดินแดนในเอเชีย 4 แห่งติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของโลก จีนแผ่นดินใหญ่มีสองเมืองที่ติด 10 อันดับแรก ได้แก่ ปักกิ่งในอันดับที่ 5 มีเศรษฐีเงินล้านอยู่ 365 คน และเซี่ยงไฮ้ในอันดับที่ 6 มีเศรษฐีเงินล้านอยู่ 332 คน สิงคโปร์ตามมาในอันดับที่ 7 โดยมีเศรษฐีร้อยล้าน 330 คน ในขณะที่ฮ่องกงอยู่อันดับ 8 มีมหาเศรษฐีเงินล้าน 305 คน ส่วนปารีสและแคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์ อยู่ในอันดับที่ 10 โดยมีเศรษฐีร้อยล้านอาศัยอยู่ 280 คน


คาดแถบโลกใต้เติบโตแข็งแกร่ง

    จากการจัดอันดับเมืองชั้นนำ 50 แห่งนั้น ศูนย์กลางอีคอมเมิร์ซของจีนอย่างหางโจว คาดว่าจะมีจำนวนเศรษฐีร้อยล้านเพิ่มขึ้นมากที่สุดในทศวรรษหน้า โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 95% ตามมาด้วยศูนย์กลางเทคโนโลยีแห่งสำคัญอย่างเซินเจิ้น (88%)

    ศูนย์กลางธุรกิจระดับโลกที่กำลังเติบโตอย่างริยาดในซาอุดีอาระเบียและศูนย์กลางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของอินเดียอย่างเดลี คาดว่าจะเติบโตสูงสุดเป็นอันดับ 3 โดยมีจำนวนเพิ่มขึ้น 85% ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงปี 2576 ในขณะที่เมืองหลวงทางการเงินอย่างมุมไบ คาดว่าจะมีจำนวนเศรษฐีร้อยล้านเพิ่มขึ้น 80% ส่วนเมืองเทคโนโลยีอย่างออสตินในสหรัฐอเมริกาคาดว่าจะมีจำนวนเศรษฐีร้อยล้านเพิ่มขึ้น 84% ภายในปี 2576

    ดูไบซึ่งมีเศรษฐกิจที่มีชีวิตชีวาและหลากหลายนั้นตามหลังมุมไบอยู่ไม่ไกลนัก โดยคาดว่าจะมีจำนวนเศรษฐีร้อยล้านเพิ่มขึ้น 78% ในอีก 10 ปีข้างหน้า ตามมาด้วยศูนย์กลางการขนส่งและการค้าหลักของจีนอย่างกว่างโจว (76%) และเมืองที่แพงที่สุดในโลกอย่างโมนาโก (72%)

    ตัวเลขในออสเตรเลียก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้น 67% ในเมลเบิร์น, 60% ในซิดนีย์ และ 57% ในเพิร์ธ ในทางตรงกันข้าม ตัวเลขการเติบโตของจำนวนเศรษฐีร้อยล้านคาดว่าจะซบเซาเพียง 17% ในลอสแองเจลิส, 12% ในลอนดอน, 6% ในชิคาโก และเพียง 5% ในมอสโก



อ่านเพิ่มเติม : 10 อันดับมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งที่สุดในอเมริกาแห่งทำเนียบ Forbes 400 ประจำปี 2023

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine