ไขความลับแห่งเรือนเวลาที่พาให้ Hublot ขึ้นแท่นเป็นดาวเด่นในอาณาจักร “LVMH”
ท่ามกลางแบรนด์หรูภายใต้อาณาจักร “LVMH” กว่า 70 แบรนด์ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ Hublot นาฬิกา ไฮเอนด์ สายเลือดสวิตเซอร์แลนด์ จะครองความเป็นหนึ่งในฐานะแบรนด์ที่มีความโดดเด่นของ LVMH ได้ไม่เสื่อมคลาย สมกับเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญที่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้พอร์ตนาฬิกาหรูของ LVMH ซึ่งประกอบด้วยแบรนด์หรูที่คนรักนาฬิกาทั้งโลกหมายปอง ไม่ว่าจะเป็น Tag Heuer, Zenith หรือ Bvlgari กลายเป็นภาพที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรที่ได้ชื่อว่าเป็นจักรวาลแห่งสินค้าแบรนด์เนมรายใหญ่สุด ของโลก เมื่อปี 2008 Hublot ได้พิสูจน์ศักยภาพของแบรนด์อย่างรอบด้าน ทั้งการพัฒนานวัตกรรม แห่งวิศวกรรมกลไกอย่างไม่หยุดยั้ง รวมไปถึงยอดขายที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด
กว่าจะเป็นเรือนเวลาที่คนทั้งโลกหมายปอง
แม้จะไม่ได้มีประวัติศาสตร์ยาวนานเป็นร้อยปี แต่ Hublot ซึ่งถือกำเนิดขึ้นในปี 1980 ด้วยความมุ่งมั่น ที่จะสร้างสรรค์เรือนเวลาที่มอบความเที่ยงตรงแม่นยำสูงสุด อันเป็นแก่นแท้ของเครื่องบอกเวลา เปี่ยมด้วยนวัตกรรมแห่งวิศวกรรมกลไกที่หลอมรวมเข้ากับศิลปะการออกแบบที่ก้าวล้ำด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคต Hublot ยังได้สร้างมิติใหม่ให้โลกแห่งเรือนเวลา ด้วยการริเริ่มนำแผ่นยางธรรมชาติมาทำเป็นสายนาฬิกา เพื่อใช้กับนาฬิกาตัวเรือนทองคำอันเป็นเอกลักษณ์ จนนำมาสู่ปรัชญา "ศิลปะแห่งการผสมผสาน" (Art of Fusion) อันเป็นจุดเริ่มต้นที่สร้างชื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก
ในปี 2004 ภายใต้การนำของ Jean-Claude Biver และ Ricardo Guadalupe ปัจจุบันคือประธาน เจ้าหน้าที่บริหารของ Hublot เป็นการเปิดศักราชใหม่ให้ Hublot ขึ้นแท่นสู่การเป็นสุดยอดเรือน เวลาระดับโลกอย่างน่าชื่นชม หลังจากสวมบทหัวเรือใหญ่ได้เพียง 1 ปี Jean-Claude Biver ผู้ซึ่งเปรียบ ได้ดั่งสถาปนิกผู้สร้างรากฐานความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ให้กับ Hublot ได้เปิดตัวคอลเลคชั่นในตำนานอย่าง Big Bang เรือนเวลาโครโนกราฟที่มาพร้อมความแข็งแกร่ง ดีไซน์สง่างาม ที่งาน Basel World 2005 ผลงานชิ้นเอกนี้ไม่เพียงคว้ารางวัล "การออกแบบที่ดีที่สุดแห่งปี" จากงาน Grand Prix d'Horlogerie แต่ยังสร้างชื่อเสียงให้แบรนด์เป็นที่ยอมรับและเป็นที่นิยมอย่างสูง ในฐานะสุดยอดเรือนเวลาสุดหรูที่คนทั้งโลก ต่างหมายปอง และกลายเป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากในปี 2004 มีรายได้อยู่ที่ 29 ล้านฟรังก์สวิส มาถึงปี 2007 รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 151 ล้านฟรังก์สวิส
ต้อนรับสู่อาณาจักร LVMH
ผลงานของ Hublot อันเป็นที่ประจักษ์นี้เอง ทำให้ LVMH ซึ่งมีแบรนด์นาฬิกาหรูอยู่ในมือไม่น้อย ตัดสินใจทุ่มเงินมหาศาลเพื่อให้ Hublot เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งภายใต้ร่มของ LVMH แม้จะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขดีล ในครั้งนั้นอย่างชัดเจน แต่มีรายงานว่า เม็ดเงินครั้งนั้นน่าจะมากกว่าผลประกอบการของ Hublot ในปี 2008 ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายอยู่ที่ 250 ล้านฟรังก์สวิสถึง 2 เท่าเลยทีเดียว ซึ่งสำหรับ LVMH นับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะด้วยศักยภาพของแบรนด์ที่เรียกว่าเป็นดาวเด่นของวงการในเวลานั้น เมื่อได้รับการสนับสนุนด้านกลยุทธ์จาก LVMH ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมแบรนด์หรู ยิ่งเพิ่มศักยภาพให้ Hublot เติบโตอย่างฉุดไม่อยู่ เพราะนอกจากในปี 2008 Hublot ได้ขยายโรงงานผลิตนาฬิกา เพื่อรองรับดีมานด์ของเรือนเวลาที่เพิ่มขึ้น 50% แล้วการผนึกกำลังอันแข็งแกร่ง ยังทำให้ในปี 2010 Hublot สามารถเปิดแฟล็กชิพสโตร์ที่จัตุรัสว็องโดม (Place Vendôme) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นย่านที่แพงที่สุดและเป็นศูนย์รวมของแบรนด์เนมที่หรูหราที่สุดแห่งหนึ่งในปารีส ประเทศฝรั่งเศส จากข้อมูลของ Vontobel Bank สถาบันการเงินรายใหญ่แห่งประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ นับตั้งแต่ปี 2013-2018 Hublot มีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ตัวเลขการส่งออกเรือนเวลาชั้นสูงของ Hublot ไปยังตลาดต่างประเทศก็เติบโตขึ้นด้วยเช่นกัน โดยในปี 2018 อยู่ในอันดับที่ 4 ในกลุ่มนาฬิกาไฮเอนด์ ที่มีราคาเฉลี่ยสูงกว่า 10,000 ฟรังก์สวิสต่อเรือน ซึ่งถือเป็นบทพิสูจน์การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของ Hublot ภายใต้ LVMH ได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม Hublot ไม่ได้เป็นเพียงสุดยอดเรือนเวลาระดับลักชัวรีที่เปี่ยมด้วยศาสตร์การประดิษฐ์นาฬิกาและเป็นประจักษ์พยานความก้าวหน้าทางนวัตกรรมเท่านั้น ทว่ายังบ่งบอกถึงรสนิยมและจิตวิญญาณ หาญกล้า และปรัชญาของ Hublot ที่ยึดมั่นอย่างหนักแน่นมาโดยตลอดว่า “Be the first, be unique, be different” ได้อย่างแท้จริง
ติดตามความเคลื่อนไหวของเราได้ทาง
Hublot_Bangkok