WGSN เผย 7 เทรนด์ใหม่ผู้บริโภคในอุตสาหกรรมความงาม เน้นความปลอดภัยและของแท้ คาดธุรกิจยังเติบโตต่อเนื่องกว่าร้อยละ 5 ในช่วง 5 ปีข้างหน้า
WGSN (World Global Style Network) เปิดเผยรายงานการวิเคราะห์การจัดอันดับเทรนด์ด้านความงามในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่า สุขภาพเป็นสิ่งที่ทุกประเทศในเอเชียต่างให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย ที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับความปลอดภัยและความเป็นของแท้ของผลิตภัณฑ์ เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่มีสินค้าลอกเลียนแบบและกระบวนการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐานก่อให้เกิดปัญหาที่เป็นอันตราย
สำหรับประเทศไทยให้ความสำคัญกับสุขภาพผิวเป็นอันดับแรก เนื่องจากผู้บริโภคหันมาสนใจเวชสำอางที่มีส่วนผสมของสมุนไพรที่สะอาด และเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวไทยยังกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่มีนวัตกรรมที่น่าเชื่อถือ และมีจริยธรรม
“สุขภาพ เป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญอันดับแรกของผู้บริโภคชาวไทย การสร้างสูตรที่สะอาดและปลอดภัยเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแบรนด์ความงาม ซึ่งควรให้ความสำคัญกับกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับและความโปร่งใสเป็นกลยุทธ์หลัก เนื่องจากผู้บริโภคชาวไทยคาดหวังว่าจะได้เห็นความโปร่งใสในการจัดหาผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์” คริสติน ชัว นักวิเคราะห์ด้านความงามของ WGSN กล่าว
เผย 7 เทรนด์ใหม่ความงาม
นอกจากนี้ โซเชียลมีเดียและอีคอมเมิร์ซได้เปลี่ยนแปลงวิถีของผู้บริโภคชาวไทยกับการค้นพบแบรนด์และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ไปอย่างสิ้นเชิง โดย 7 ปัจจัยที่คนไทยให้ความสำคัญสูงสุดในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ความงาม ได้แก่
1. การตรวจสอบย้อนกลับและความโปร่งใส อย่างที่กล่าวไปว่าสุขภาพคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้บริโภคชาวไทย สูตรผลิตภัณฑ์ที่สะอาดและปลอดภัย จึงเป็นสิ่งจำเป็น ผู้บริโภคชาวไทยพยายามเรียนรู้เพิ่มเติม เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับส่วนผสมต่างๆ มากขึ้น และหวังว่าผู้ค้าปลีกจะเข้ามาช่วยเติมเต็มความรู้นี้
2. ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เน้นวิทยาการทางวิทยาศาสตร์ แบรนด์ความงามที่ได้รับการสนับสนุนจากแพทย์ผิวหนังจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากความเชี่ยวชาญและการสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ นอกจากนี้ส่วนผสมจากนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ก็เริ่มได้รับกระแสความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
3. การดูแลความงามแบบองค์รวม กลุ่มผู้บริโภคชาวไทยจำนวนมากแสวงหาการดูแลความงามตั้งแต่หัวจรดเท้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ดูแลหนังศีรษะ เนื่องจากผมร่วงเป็นปัญหาด้านความงามที่ใหญ่ที่สุดของผู้บริโภคชาวไทย
4. ผลิตภัณฑ์และบริการด้านสุขภาพ ระดับความเครียดและความเหนื่อยล้าที่เพิ่มสูงขึ้นผลักดันให้ผลิตภัณฑ์และบริการด้านสุขภาพเป็นที่ต้องการของตลาด ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล เช่น น้ำมันนวด แช่เท้า เทียนหอม รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและร่างกายผสมอโรมาเธอราพี ได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย ขณะที่การใช้จ่ายเพื่อการดูแลแบบมืออาชีพ สปา และการพักผ่อนเพื่อสุขภาพ กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
5. ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ทุกเพศและผลิตภัณฑ์สำหรับเพศใดเพศหนึ่ง ผู้ชายไทยมีความต้องการสินค้าและบริการด้านความงามที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่องและซับซ้อนขึ้น ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ทุกเพศคาดว่าจะได้รับความนิยมสูงขึ้น
6. การทดลองซื้อ จำนวนผู้มีเงินจับจ่ายใช้สอย และการใช้ช่องทางดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้คนหันมาให้ความสนใจในนวัตกรรมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะแบรนด์ใหม่ๆ ที่ได้รับคำวิจารณ์ที่ดี
7. การคำนึงถึงชุมชน ผู้บริโภคชาวไทยต่างมองหาแบรนด์ที่เติมเต็มความเชื่อในสังคมที่ดีกว่าวันนี้และเมื่อวาน (Protpian) เพื่อสร้างประโยชน์ต่อผู้อื่นและโลกใบนี้ รวมถึงสนับสนุนการค้าที่เป็นธรรมสำหรับครอบครัวของคนในท้องถิ่นที่แบรนด์เป็นพันธมิตรด้วย
จากการสำรวจและวิจัยตลาดของ Statista ระบุว่า แนวโน้มกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงาม สุขภาพ ครัวเรือน และการดูแลส่วนบุคคล ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีมูลค่าถึง 18.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตในอัตราร้อยละ 16 ต่อปีในช่วงปี 2565-2569 ขณะที่ตลาดความงามในประเทศไทยมีมูลค่า 5.42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2565 และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ร้อยละ 5.4 ในช่วง 5 ปีข้างหน้า
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine