STA ประกาศยกระดับยางพาราไทย - Forbes Thailand

STA ประกาศยกระดับยางพาราไทย

ศรีตรังย้ำความสำคัญยางพาราไทยขึ้นแท่นอันดับ 1 ในโลก พร้อมยกระดับธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ประกาศขยายกำลังการผลิตชิงมาร์เก็ตแชร์เพิ่ม เพื่อรักษาความเป็นผู้นำยางพาราโลก

แม้อุตสาหกรรมยางธรรมชาติทั่วโลกมีการเติบโตชะลอตัวเพียง 3% อยู่ที่ 12.5 ล้านตัน แต่ภาพรวมของยางพาราไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการผลิตและส่งออก ด้วยกำลังการผลิตมากกว่า 4.4 ล้านตันต่อปี นำโดยบริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) เจ้าของกำลังการผลิต 2.4 ล้านตัน ซึ่งครองส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 1 ของโลกจำนวนราว 12% ทั้งยังเป็นบริษัทรายเดียวในอุตสาหกรรมที่ดำเนินธุรกิจยางพาราครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ วีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) กล่าวในงานครบรอบ 30 ปีของกลุ่มบริษัทว่า ความต้องการใช้งานยางพาราทั่วโลกจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญสร้างการเติบโตให้บริษัท โดย IRSG คาดการณ์ความต้องการในปีนี้จำนวน 12.9 ล้านตัน ซึ่งบริษัทมีศักยภาพในการผลิตสูงสุดด้วยจำนวนโรงงาน 35 แห่งและศูนย์กลางการกระจายสินค้าที่ครอบคลุมเพื่อรองรับดีมานด์จากทั่วทุกมุมโลก “เราตั้งเป้าว่าภายในระยะเวลาสองถึงสามปีข้างหน้า เราจะมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 20% และจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโลกทั้งในธุรกิจกลางน้ำและปลายน้ำในการผลิตถุงมือยางทางการแพทย์ด้วย” วีรสิทธิ์ย้ำถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องหลังสร้างรายได้รวม 7.8 หมื่นล้านบาทในปีที่ผ่านมา “ในปีที่ผ่านมาเราสามารถสร้างการเติบโตได้ถึง 33% ซึ่งในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เราต้องการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดเป็น 20% พร้อมรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโลกทั้งในธุรกิจกลางน้ำและปลายน้ำในการผลิตถุงมือยางทางการแพทย์ด้วย” วีรสิทธิ์กล่าวย้ำถึงเป้าหมายการรักษาความเป็นผู้นำส่วนแบ่งการตลาดอุตสาหกรรมยางธรรมชาติในตลาดโลก จากปีก่อนที่ครอบครองส่วนแบ่งการตลาดที่ 12% สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้จะมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมใหม่โดยฝ่ายวิจัยและพัฒนาของบริษัทฯ เพื่อสนับสนุนกระบวนการผลิตวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ขยายฐานลูกค้าในประเทศต่างๆ ทั่วโลก และเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้ถึง 2.9 ล้านตันจากปีก่อนอยู่ที่ 2.4 พร้อมกันนั้นบริษัทยังเดินหน้าพัฒนาและอุตสาหกรรมยางพาราของประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษามาตรฐานให้ไทยเป็นผู้นำในตลาดยางพาราโลกตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ส่วนธุรกิจปลายน้ำของบริษัทในเครือ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ผลิตถุงมือยางทางการแพทย์รายใหญ่ที่สุดในประเทศและติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก ซึ่งคาดว่าจะมีการเติบโตที่ดีเช่นกัน เนื่องจากแนวโน้มความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี โดยบริษัทฯ มีแผนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ตลอดจนกระบวนการผลิตให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มกำลังการผลิตจากเดิม 1.4 หมื่นล้านชิ้น และทยอยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดต่อไปในอนาคต นอกจากนั้น บริษัทยังกำหนดยุทธศาสตร์มุ่งสู่การเป็น ‘The World’s Largest Green Rubber Company’ หรือ ‘องค์กรแห่งยางสีเขียวที่ใหญ่ที่สุดในโลก’ ซึ่งรวมถึง ’ผลิตภัณฑ์สีเขียว’ ที่มาจากต้นยางธรรมชาติ ผ่าน ’กระบวนการผลิตสีเขียว’ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งเกิดจาก ’การสรรหาวัตถุดิบสีเขียว’ ที่ซื้อขายยางด้วยความยุติธรรมกับเกษตรกรอย่างเป็นระบบเชื่อถือได้ ภายใต้ ”การบริหารงานสีเขียว” ที่เน้นธรรมาภิบาลต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกิจเสมอมา เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วย R&D พร้อมทั้งรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโลกอีกด้วย