Frasers Property Industrial (Thailand) Company หรือ FPIT รุกปั้นอาคารโฉมใหม่ตอบโจทย์หลังโควิด ยืนหนึ่งในการเป็นผู้นำการพัฒนาอสังหาฯ เพื่ออุตสาหกรรม
Frasers Property Industrial (Thailand) Company หรือ FPIT วางแผนธุรกิจปี 2565 และมองถึงโอกาสในอนาคตของธุรกิจอีก 5 ปีข้างหน้าหลังยุคโควิด-19 รุกปรับเกมอสังหาฯ เพื่ออุตสาหกรรม ภายใต้กรอบกลยุทธ์น่านน้ำสีม่วง (Purple Ocean Strategy) และยุทธศาสตร์ “เราพร้อม” (We are ready) และ “เราต่าง” (We are different) จัดงบลงทุนเพิ่ม 1 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการดำเนินงานในโครงการปัจจุบัน และโครงการเมกะโปรเจ็กต์ รวมถึงการขยายธุรกิจในต่างประเทศ

โครงการใหม่ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของภาคอุตสาหกรรมไทย ด้วยความมุ่งมั่นของทางบริษัท ในการพลิกโฉมการให้บริการอสังหาฯเพื่ออุตสาหกรรมสู่ยุคใหม่ การันตีด้วยคุณภาพมาตรฐานระดับสากล ที่มาพร้อมกับโซลูชั่นครบวงจร ผสานจุดเด่นด้านความยั่งยืนในทุกมิติ อาทิ การอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ใช้งานในอาคาร ตลอดจนชุมชนรอบข้าง
นอกจากนี้ยังประยุกต์ใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนให้เกิดการให้บริการแก่ลูกค้าภายในพื้นที่โครงการของทางบริษัท ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าบริษัทชั้นนำในปัจจุบัน
โดยในกลยุทธ์น่านน้ำสีม่วงนี้ ทาง FPIT มุ่งเปลี่ยนให้อาคารคลังสินค้ากลายเป็น New Center of Gravity หรือเป็นตัวกลางในการทำธุรกิจ ทำให้ผู้ค้าสามารถเจาะตลาดได้ทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ได้สะดวกขึ้นกว่าเคย โดยในโมเดลธุรกิจที่จะปรับให้เกิด New Center of Gravity นั้น ก็มาพร้อมสิ่งใหม่อีก 7 อย่างด้วยกัน
New Center of Gravity
สิ่งใหม่อีก 7 อย่างนั้น ประกอบไปด้วย
New economy space ภาคธุรกิจใหม่ๆ เช่น ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ หรืออุตสาหกรรมรถไฟฟ้า ที่ต้องใช้พื้นที่เยอะขึ้น เป็นต้น และนอกจากภาคธุรกิจใหม่แล้ว ยังหมายถึงการสร้างอาคารให้ตอบรับกับความต้องการอาคารเชิงอุตสาหกรรมที่มีความเป็น Omnichannel ผสานการทำธุรกิจแบบออฟไลน์และออนไลน์ไว้ด้วยกัน โดยทางบริษัทตั้งเป้า 5 ปีว่า ร้อยละ 50 ของอาคารต้องตอบสนองกลุ่มธุรกิจและความต้องการใหม่เหล่านี้ให้ได้ สิ่งที่ 2 คือ New design การออกแบบอาคารให้ตรงต่อความต้องการที่แตกต่างกันไปตามภาคธุรกิจ ไม่ใช่อาคารสำเร็จรูปแบบเดิม อีกทั้งยังมุ่งพัฒนาโครงการเก่าๆ ให้มีความทันสมัยมากขึ้น และนอกจากนี้ยังได้นำ Asset Enhancement Initiatives (AEI) มาใช้ในการยกระดับอาคารของทางบริษัทอีกด้วย


“FPIT มั่นใจว่าธุรกิจอาคารอุตสาหกรรมหลังยุคโควิด-19 โดยเฉพาะคลังสินค้าจะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น และกลายเป็นหัวใจของธุรกิจการค้าระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค (New Center of Gravity) ทำให้บริษัทต้องเร่งปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในระยะสั้นเพื่อให้สามารถตอบรับกับความต้องการใหม่เหล่านี้” โสภณ ราชรักษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Frasers Property Industrial (Thailand) Company กล่าว
และกล่าวต่อว่า “ต้องสามารถสร้างการเติบโตได้ในระยะยาว เคียงข้างกับลูกค้า พนักงาน พันธมิตร ตลอดจนชุมชนแวดล้อม และผลักดันให้บริษัทฯ เป็นหน่วยเศรษฐกิจที่สามารถขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้เดินหน้าต่อไปได้หลังภาวะวิกฤตโควิด (Post Covid-19) โดยเชื่อว่าทุกโครงการสำคัญของ FPIT จะเป็นต้นแบบของธุรกิจอสังหาฯเพื่ออุตสาหกรรม ที่จะส่งเสริมและผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจในภาพรวมให้แก่ประเทศไทยต่อไป“
“เราพร้อมเดินหน้าพัฒนาพื้นที่ เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้เพื่อสร้างอนาคตของตน“ โสภณ กล่าวทิ้งท้าย อ่านเพิ่มเติม: “คอร์ดยาร์ด บาย แมริออท” เปิดพัทยาเหนือรับท่องเที่ยวฟื้นไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine