การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคมีความคาดหวังกับแบรนด์ต่างๆ แตกต่างจากอดีต ที่ไม่ใช่แค่คำนึงเรื่องคุณภาพสินค้าและบริการ รวมถึงราคาที่สมเหตุสมผล ทำให้แบรนด์ต้องทรานส์ฟอร์มตัวเอง เช่นเดียวกับแบรนด์ดีวานา (Divana) ที่มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ อาทิ “Plant-based สปา” เพื่อตอบโจทย์ “กระแสการบริโภคอย่างยั่งยืน”
แบรนด์ “ดีวานา” (Divana) ภายใต้บริษัท ดีวานาเวลเนส ก่อตั้งโดย พัฒนพงศ์ รานุรักษ์ และ ธเนศ จิระเสวกดิลก ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยอัสชัมชัญ อดีตพนักงานสายการบินสวิสแอร์ ที่ผันตัวมาทำธุรกิจสปา ตั้งแต่ปี 2001 และได้ชื่อว่าเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจ
สปาแบบสแตนอโลนในประเทศไทย ในช่วงที่ธุรกิจสปาเติบโตอย่างมากเมื่อ 20 ปีก่อน ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความเป็นนักวิชาการ นักวิจัย ที่มีทฤษฎีแน่นของ พัฒนพงศ์ กับความชื่นชอบในงานศิลปะ และความรู้รอบตัวของ ธเนศ
ดีวานา เกิดขึ้นจากแนวคิดสำคัญ 3 ด้าน ในเรื่องสุขภาพ ธรรมชาติ และ Hospitality ถ่ายทอดผ่านผลิตภัณฑ์ในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์สปา เครื่องหอม คาเฟ่ และคลินิคความงาม ที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจพร้อมกับสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งตลาดในประเทศและกลุ่มนักท่องเที่ยว จนประชาคมโลกเผชิญกับสถานการณ์โควิด ทำให้มุมมองในการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนไป
“หลังจบโควิด สิ่งที่เรามองเห็น คือโลกเปลี่ยน วิธีคิดและไลฟ์สไตล์ของคนเปลี่ยนไป ซึ่งเราได้ปรับแนวคิดใหม่ว่าลูกค้าของเราไม่ใช่แค่คนไทยและนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่เราต้องมองไปถึงพลเมืองโลก หรือ Global Citizen ที่ใส่ใจตัวเอง แคร์สังคม และโลก ซึ่งเป็นคนทุกช่วงอายุตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ ทำให้เราต้องปรับมุมมองในการทำธุรกิจใหม่” ธเนศกล่าว
ตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืน
ดีวานา (Divana) ได้เดินหน้าทรานส์ฟอร์มสู่แบรนด์ที่ยั่งยืนด้วยแนวคิด “Divana for Longevity life - to live longer with health, happiness and the aesthetic of life” มุ่งสู่ความยั่งยืนกว่าที่เคยเป็น เพื่อสร้างอัตลักษณ์แบรนด์สุขภาพ (Wellness) ของดีวานาให้ก้าวสู่ระดับไฮเอนด์
คัดสรรวัตถุดิบและส่วนผสมจากธรรมชาติบริสุทธิ์ (Natural) และนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพที่เป็นมิตรต่อลูกค้า (Hospitality) ตามแนวทางเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ มุ่งตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้คุณค่ากับความยั่งยืน ด้วยการนิยามตนเองว่าเป็น “พลเมืองโลก” (Global Citizen)
ธเนศ กล่าวว่า จากการปรับเปลี่ยนมุมมองดังกล่าว ทำให้ดีวานาวางเป้าหมายใหม่สู่การเป็นแบรนด์เพื่อสุขภาพอย่างยั่งยืน จากความเชื่อที่ว่า ธรรมชาติคือยารักษาที่ดีที่สุด นำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ 3 กลุ่ม
กลุ่มแรก The Marvelous Nature ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบด้วยแนวคิดเรื่องความยั่งยืน ผนวกความพิเศษของธรรมชาติร่วมกับศาสตร์การดูแลสุขภาพร่างกายและเยียวยาบำบัดจิตใจ ผ่าน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ทั้งภายนอกและภายในสินค้า
กลุ่มสอง Plant-based Ingredients ผลิตภัณฑ์ที่เน้นการใช้วัตถุดิบและสารสกัดจากพืชมากขึ้น เช่น Soy Wax Candles หรือ เทียนหอมจากไขถั่วเหลืองที่ผลิตจากน้ำมันของถั่วเหลืองธรรมชาติบริสุทธิ์ (Soy Oil) รวมถึงสารสกัดจากกลุ่ม Superfood Oil Blends ที่เป็นสารประกอบหลักของผลิตภัณฑ์ “แฮนด์ครีม” เป็นต้น
กลุ่มสาม ECO Packaging บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก บรรจุภัณฑ์ของสินค้าทั้งหมดในเครือดีวานาเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตด้วยวัตถุดิบและกรรมวิธีที่เป็นมิตรต่อโลก เช่น พลาสติกชีวภาพ (Bio-base material) พลาสติกที่มีส่วนผสมจากพืชที่สามารถย่อยสลายได้ พลาสติกรีไซเคิล (Recycle PET, Recycle HDP) พลาสติกใช้ซ้ำ (PCR Plastics) เป็นการประยุกต์ไอเดียจากแนวคิดของเศรษฐกิจหมุนเวียน ผลิต-ใช้-วนกลับ (Circular Economy: Make-Use-Return) หวังให้แบรนด์เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด เกิดของเสียน้อยที่สุด และส่งเสริมการหมุนเวียน นำบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้อย่างคุ้มค่า กระตุ้น Reduce-Reuse-Recycle และ Upcycling”
นอกจากนี้ สำหรับผลิตภัณฑ์ขายดีของดีวานา คือน้ำมันนวด ได้สร้างกลิ่นใหม่เพื่อตอบโจทย์ Global Citizen ที่ไม่ใช่แค่กลิ่นดอกไม้ แต่เป็นกลิ่นที่มาจากธรรมชาติ เช่น กลิ่นของดินที่เกิดขึ้นหลังฝนตก กลิ่นของป่าที่สัมผัสได้ถึงต้นไม้ใบเขียวและลมพัด และกลิ่นของความสงบในการนอนดูดาว เป็นต้น ซึ่งเกิดขึ้นจากการเก็บรวบรวมข้อมูลการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลก ช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา และทำงานร่วมกับ Jacob Jensen Design บริษัทดีไซน์ชั้นนำ สัญชาติเดนมาร์ก
"ผมต้องการให้การทรานส์ฟอร์มตัวผลิตภัณฑ์สามารถส่งต่อให้คนอื่นได้ง่ายและเร็วที่สุด จุดเริ่มต้นในการทรานส์ฟอร์มก็เพื่อต้องการทำสิ่งดีๆ ให้คนรอบข้างและสังคม สิ่งสำคัญคือความเชื่อในเรื่องของธรรมชาติ คอนเซปต์ของดีวานาเชื่อว่าธรรมชาติคือยารักษาที่ดีที่สุด เราเชื่อในเรื่องพลังของธรรมชาติที่สามารถเยียวยาหรือรักษาพร้อมกับช่วยเพิ่มพลังซึ่งไม่ใช่แค่ร่างกายแต่รวมถึงจิตใจและจิตวิญญาณของพวกเราทุกคน”
สำหรับปีนี้ ดีวานา ตั้งเป้าหมายยอดขายที่ 150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวจากช่วงโควิด โดยมีแผนจะขยายสาขาในประเทศให้ครอบคลุม โดยเฉพาะในกลุ่มโรงแรม และองค์กรธุรกิจต่างๆ และจะเริ่มขยายตลาดในเอเชีย เช่น ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลี จีน และญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เป็นตลาดที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง hospitality และ wellness ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของดีวานาในอนาคต
อ่านเพิ่มเติม: จับตา “หุ้น STARK” หลังบอร์ดออกยกทีม เลื่อนส่งงบการเงินหลายรอบ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine