Mitsubishi Electric มุ่งมั่นคิดค้นนวัตกรรมสุดล้ำตอบสนองชีวิตโลกดิจิทัล - Forbes Thailand

Mitsubishi Electric มุ่งมั่นคิดค้นนวัตกรรมสุดล้ำตอบสนองชีวิตโลกดิจิทัล

เป็นอีกบริษัทชั้นนำที่มีการพัฒนาด้านนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง Mitsubishi Electric Corporation ไม่ว่าจะเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรืองานวิจัยด้านหุ่นยนต์ หวังผลิตสินค้ำและเสนอโซลูชั่นล้ำหน้า ตอบโจทย์ไม่เพียงวิถีชีวิตคนญี่ปุ่นยุค 5.0 แต่รวมถึงผู้คนทั่วโลกและประเทศไทย ที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ภายใต้พันธกิจ “Changes for the Better”

หากเอ่ยชื่อ Mitsubishi Electric หลายคนคงนึกถึงผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นพัดลม เครื่องปรับอากาศ หรือตู้เย็นแต่ในความเป็นจริงนั้น หลายคนอาจไม่รู้ว่าบริษัทจากญี่ปุ่นแห่งนี้ยังมีสินค้าอีกมากมายที่เราไม่รู้จัก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นระดับสูง ตั้งแต่ในระบบพลังงานระบบคมนาคม ระบบอัตโนมัติในโรงงานไปจนถึงเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอวกาศ นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่บริษัทยักษ์ใหญ่และเก่าแก่แห่งนี้ได้เชิญนักข่าวชาวไทยไปร่วมสัมผัสนวัตกรรมล้ำหน้าในงาน CEATEC 2019 (The Combined Exhibition of Advanced Technologies 2019) ซึ่งเป็นงานแสดงเทคโนโลยีขั้นสูง แสดงสินค้าด้านไอทีและอิเล็กทรอนิกส์ประจำาปีที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ที่จัดขึ้น ณ Tokyo ในปีที่ผ่านมา การเชื้อเชิญจากบริษัทที่มีอายุย่างเข้าสู่ 100 ปี ยังสะท้อนให้เห็นอีกว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของบริษัทชั้นนำระดับโลกสัญชาติญี่ปุ่นรายนี้เนื่องจากไทยเป็นศูนย์กลางในตลาดอาเซียน ตลาดภูมิภาคที่มีขนาดใหญ่และมีกำลังซื้อ เห็นได้จากข้อมูลที่ว่า บริษัทมีโรงงานถึง 6 แห่ง เพื่อผลิตสินค้าต่างๆ ในไทยโดยเฉพาะโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศที่เป็นฐานการส่งออกไปทั่วโลก ทั้งหมดได้มีการจ้างงานมากกว่า 20,000 คน หรือคิดเป็น 14% ของพนักงานจากทั่วโลก โดยยอดขายรวมในปีที่ผ่านมาของตลาดประเทศไทยอยู่ที่ราว 1.35 แสนล้านบาท (สิ้นสุด ณ เมษายน 2562) นอกจากนี้แล้วบริษัทกำลังเข้ามามีบทบาทสำาคัญในโครงการพัฒนาต่างๆ ของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) โครงการ Smart City หรือการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคระบบอัตโนมัติ (automation) ของโรงงานจากภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ในอนาคต “เราเข้ามาลงทุนในประเทศไทยครั้งแรกในปี 2507 เลยผูกพัน...บริษัทยังลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่องในอนาคต เป็นฐานสำคัญของตลาดอาเซียน” Satoshi Matsushita เจ้าหน้าที่บริหารและประธานกลุ่มงานวางแผนกลยุทธ์และการตลาดทั่วโลก Mitsubishi Electric Corporation ประเทศญี่ปุ่น กล่าว จัดเต็มแสดงนวัตกรรมสุดล้ำ ภายในงาน CEATEC 2019 Mitsubishi Electric Corporation ได้นำเสนอวิสัยทัศน์การดำเนินชีวิตของสังคมคนญี่ปุ่นในยุค 5.0 รวม 4 หมวด จุดประสงค์เพื่อแก้ไขและรับมือกับปัญหาสังคม ผ่านนิทรรศการและสามารถทดลองใช้ด้วยตัวเอง จากการสนับสนุนของ Maisart เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ที่เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทภายใต้หัวข้อ Mitsubishi Electricกับโลกอนาคตสู่สังคมยุค 5.0 และการพัฒนาอย่างยั่งยืนจากโลกปัจจุบัน โดย 4 หมวดที่กล่าวมานั้น ประกอบด้วย
  1. Life - ชีวิต เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การสื่อสารก้าวข้ามอุปสรรคด้านภาษาและข้อจำกัดต่างๆ ด้วยแอปพลิเคชัน “SwipeTalk” สามารถแปลภาษาที่พูดออกมาได้ 10 ภาษาอย่างเช่น หลังจากพูดภาษาญี่ปุ่นเข้า แอปก็สามารถแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ทันที
  1. Industry - อุตสาหกรรม ได้แสดงถึงเทคโนโลยีการแสดงผลการทำงานบนหน้าจอแบบสัมผัส ที่ผู้ใช้สามารถโต้ตอบโดยไม่ต้องมีการสัมผัสทางกายภาพ นอกจากนี้ยังมีการทดลองใช้โซลูชั่นการแสดงภาพสายการผลิตโดยใช้เทคโนโลยี AR (Augmented Reality)เพื่อการวินิจฉัยและบำารุงการรักษาแบบประหยัดพลังงาน ตอบโจทย์การพัฒนอุตสาหกรรมภายใต้แนวคิด e-F@ctory
  1. Infrastructure - โครงสร้างพื้นฐานสิ่งที่มีการนำเสนอคือ การตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมแบบอัตโนมัติและประหยัดพลังงาน ผ่านเทคโนโลยีที่มีชื่อว่า Mitsubishi Mobile Monitoring System for Diagnosis นอกจากนี้ ยังมีการนำาเสนอการส่ง live video ที่มีความชัดสูงโดยใช้การสื่อสาร 5G ในคลื่นความถี่ 28GHz
  1. Mobility - การคมนาคม ได้มุ่งเน้นเทคโนโลยีสำหรับยานยนต์ ที่สามารถตรวจจับสิ่งกีดขวางได้อย่างแม่นยำ แม้กระทั่งในเวลาที่ฝนตกหนักหรือมีหมอก นอกจากนี้ยังมี QZs-compatible ระบบที่ใช้ในการระบุตำแหน่งที่มีความแม่นยำสูง ช่วยให้เครื่องจักรที่ใช้สำหรับการเกษตร เช่น โดรนและอื่นๆ ทำงานได้อย่างอัตโนมัติที่น่าสนใจมากๆ คือ เรื่องของการทุ่มเทด้านการวิจัยด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อย่าง Maisart (Mitsubishi Electric’s AI Creates the State-of-the-Art in technology)
จุดประสงค์ของการมุ่งมั่นในการคิดค้น ก็เพื่อต้องการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีมาประกอบกับการประมวลผลที่ล้ำสมัย เพื่อทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ มีความฉลาดและปลอดภัยมายิ่งขึ้นโดยเน้นการใช้งานที่ง่ายและสะดวกสบายในการใช้ในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างผลงานจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่นำมาอวดโฉมภายในงาน ได้แก่ KOTSUMON สามารถเข้าถึงลำดับการเคลื่อนไหวได้เฉพาะในวิดีโอ เพื่อวิเคราะห์การเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ และสิ่งที่พวกเราได้รับรู้ถึงประโยชน์จากเทคโนโลยีตัวนี้ก็คือ สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์หาข้อบกพร่องความเคลื่อนไหวของพนักงานขณะทำงาน เพื่อนำมาปรับปรุงการเคลื่อนไหวให้ถูกต้อง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีมากขึ้นปัจจุบันได้ทดลองใช้ที่ญี่ปุ่นแล้ว สำหรับในประเทศไทย Mitsubishi Electric ยังมีบริษัทลูกในไทยคือ มิตซูบิชิ อิเล็คทริค เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทในไทย รับผิดชอบเป็นสำนักงานประสานงานภูมิภาคภาคพื้นเอเชีย ดูแล ให้คำปรึกษา และให้การสนับสนุนกิจกรรมของกลุ่มบริษัทในประเทศไทยและประเทศใกล้เคียงในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เสมือนเป็นผู้ที่นำนโยบายและกลยุทธ์จากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นมาถ่ายทอดแก่บริษัทในกลุ่มทั้งหมด เพื่อให้การดำเนินธุรกิจและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน ณ ขณะนี้ บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นกำลังผลักดันธุรกิจด้านระบบอัตโนมัติในโรงงานภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ภายใต้แนวคิด e-F@ctory ให้เติบโตขึ้น โดยผ่านบริษัท Mitsubishi Electric Factory Automation (Thailand) ซึ่งได้เริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2556 และได้พัฒนาโซลูชั่น e-f@ctory ที่มุ่งเน้นการเชื่อมต่อของข้อมูลแบบเรียลไทม์ในทุกระดับและลดค่าใช้จ่ายในการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโรงงานและสนับสนุนระบบการผลิตในอนาคต ที่สำคัญที่สุดคือ ผู้ใช้สามารถใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อการพัฒนาประสิทธิภาพตั้งแต่การผลิตไปจนถึงซัพพลายเชน ทั้งยังช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการอีกด้วย ในเวลาเดียวกัน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทาง Thailand 4.0 ที่มุ่งหวังยกระดับอุตสาหรรมของไทยด้วยการจัดการผ่านระบบอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มศักยภาพระดับการแข่งขัน ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานต่างๆ ในประเทศไทยอีกมากยังไม่ใช้ระบบอัตโนมัตินี้ เช่น โรงงานในอุตสาหกรรมรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกมองว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจ
คลิกเพื่อติดตามบทความทางด้านเศรษฐกิจและธุรกิจอื่นๆ ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับมกราคม 2563 ในรูปแบบ e-Magazine