กลุ่ม บี.กริม เติบโตมากับประเทศไทยยาวนานกว่า 137 ปี บริหารงานจากรุ่นสู่รุ่นสืบทอดธุรกิจครอบครัว จนกระทั่ง Mr.Harald Link ได้เข้าบริหารในปัจจุบัน การงวางแผนธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่นของ Harald ต่อ Caroline Link บุตรสาวคนโต อันเกิดจากการเริ่มต้นปลูกฝั่งความคิดอันดีงามให้เกิดขึ้นก่อนในจิตใจของเธอ ทั้งจากการเลี้ยงดูที่อบอุ่นภายในครอบครัวเมื่อวัยเยาว์ และแนวคิดสำคัญที่ทำให้ Caroline ได้เปิดโลกทัศน์ที่มีต่อโลก คือ หลักการ “พลเมืองของโลก” การเดินทางไปเรียนต่อยังประเทศต่างๆ ทำให้ Caroline ได้รับมุมมองอันแตกต่างและประสบการณ์สำคัญๆ ทั้งจากการเรียนและการทำงานจากบริษัท ปัจจุบันเธอสามารถพูดได้ถึง 6 ภาษา
และจากประสบการณ์งานธนาคารที่เมือง Frankfurt ประเทศเยอรมนี ที่เธอต้องดูแลลูกค้า ซึ่งประกอบกิจการสาธาณูปโภคทางด้านพลังงาน พร้อมกับคำรบเร้าให้กลับมาดูแลธุรกิจเครือ บี.กริม ของ Harald เธอจึงกลับมาเริ่มศึกษาธุรกิจในเครืออย่างจริงจัง และได้รับการดูแลจากกรรมการผู้จัดการของบริษัทในเครือเป็นอย่างดี ด้วยจิตใจที่ดีงาม ตามแนวความคิดของผู้เป็นบิดา และจากการวางแผนการสืบต่อธุรกิจอย่างเป็นระบบ และ Caroline เข้าร่วมหลักสูตรการสืบต่อธุรกิจ ที่สถาบัน INSEAD สถาบันซึ่งสอนหลักสูตรเกี่ยวกับธุรกิจของยุโรป เพื่อการสืบต่อกิจการอย่างมีแบบแผน ภายหลังการเกษียณอายุของ Harald ในอนาคตอันใกล้

แต่สำหรับจุดเริ่มของ บิวตี้เจมส์ 1964 จากรุ่นก่อนสู่อีกรุ่น พรสิทธิ์ ศรีอรทัยกุล แม้ไม่มีการวางแผนในการสร้างธุรกิจแต่สิ่งที่ พรสิทธิ์ ได้รับจากรุ่นสู่รุ่นคือความไว้เนื้อเชื่อใจจากผู้ใหญ่ในวงการอัญมณี และมุมมองจากการศึกษาต่อยังต่างประเทศ จากตึก 5 คูหา กับพนักงาน 400 กว่าคน การสร้างธรุกิจด้วยความขยันและถูกต้องจึงแนวทางธุรกิจที่พาให้ธุรกิจของบิวตี้เจมส์ในขณะนั้นประสบความสำเร็จ
และจากความมุมานะในการทำงานของคุณพรสิทธิ์ แม้ไม่ได้ถ่ายทอดธุรกิจอย่างจริงจังแต่ความเป็น “ธุรกิจของครอบครัว” บุตรทั้ง 2 คน ได้ซึมซับการทำงานอย่างไม่รู้ตัว เพราะการอบรมสั่งสอนที่ดีที่สุดคือการทำให้เห็น ซึ่ง สุริยน ศรีอทัยกุล บุตรชายคนที่ 2 ได้ซึมซับสิ่งเหล่านี้อย่างเต็มที่
“ครั้งหนึ่งผมเจอเม็ดพลอยตกอยู่ที่พื้นแล้วเอาไปให้คุณแม่ คุณแม่ว่าถ้าหากเก็บได้อีกจะได้ 100 บาทต่อเม็ด และแม่สอนต่ออีกว่าพลอยที่หล่นเราผิดพลาดทำหล่นได้ แต่เมื่อพลอยถูกเจียออกมาแล้ว ความผิดพลาดต่อลูกค้าต้องมีค่าเป็น 0%” สุริยนกล่าวถึงสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจอัญมณี
และเมื่ออายุ 22 ปี คุณสริยน เริ่มเข้ามาบริหารงานอย่างจริงจัง โดยช่วง 2 ปีแรก เขาต้องเรียนรู้ของการทำงานอย่างหนักหน่วงและอุตสาหะ กว่าจะทำให้ พรสิทธิ์ ผู้เป็นบิดาและเจ้าของกิจการไว้วางใจในการสืบต่อธุรกิจ “ดำรงชีวิตได้ด้วยตนเอง” คุณพรสิทธิ์กล่าวไว้ในการแสดงความคิดเห็นครั้งแรกบนเวทีเดียวกันของ 2 พ่อลูก
แม้เรื่องราวที่มาของการแบ่งปันประสบการณ์การสานต่อกิจการธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่นของของ ครอบครัว “ลิงค์” และ ครอบครัว “ศรีอรทัยกุล” จะแตกต่างกันในรายละเอียด แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเริ่มของการทำธุรกิจที่เหมือนกันคือ “ความดีงามในจิตใจต่อครอบครัว สังคม ที่ต้องรับผิดชอบ” โดยภายในงานยังมีแนวคิดที่สร้างแรงขับและไฟในการทำธุรกิจอีกมากมายกับงาน Forbes Thailand Forum 2015: The Next Tycoons