Facebook ยังแกร่ง ยึดเวทีสื่อออนไลน์ไทยเหนียวแน่น - Forbes Thailand

Facebook ยังแกร่ง ยึดเวทีสื่อออนไลน์ไทยเหนียวแน่น

FORBES THAILAND / ADMIN
27 Aug 2014 | 04:16 PM
READ 3608
[แอร์โรว์ กัว (ที่สามจากซ้าย) ผู้บริหาร Facebook  ถ่ายภาพร่วมกับ พอล ศรีวรกุล (ขวา) กรุ๊ปซีอีโอ aCommerce, วีรธิป ธนาพิสิทธิกุล (ซ้าย) ผู้ก่อตั้ง Pomelo และกมลวรรณ กอไพศาล (ที่สองจากซ้าย) ผู้อำนวยการการตลาดดิจิตอล ออฟฟิศเมท]

TNS เปิดเผยผลวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ Facebook ในประเทศไทย พบว่าคนไทยใช้เวลาบน Facebook มากขึ้น สูงกว่าเวลาในการบริโภคสื่ออื่น ทั้งสื่อดิจิตอล นิตยสาร และโทรทัศน์ โดยเข้าใช้งานจากสถานที่ต่างๆ หลากหลายเพิ่มขึ้น รวมถึงใช้งานระหว่างกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งวันเพิ่มมากขึ้นด้วย 
 
ทั้งนี้ คนไทยส่วนใหญ่ 96% ที่ตอบแบบสำรวจ ใช้งาน Facebook มากกว่าเครือข่ายสังคมออนไลน์อื่นๆ  และยังยืนยันว่าพวกเขาชอบที่จะติดต่อเพื่อนหรือคนรู้จักผ่าน Facebook มากกว่าการสื่อสารผ่านสื่อรูปแบบเดิมๆ โดยใช้เวลากับ Facebook เฉลี่ยวันละ 2 ชั่วโมง 35 นาที  นอกจากนี้แล้ว 68% ของผู้ใช้คนไทยเห็นหรือค้นหาข้อมูลสินค้าบน Facebook โดย 28% ได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าผ่าน Facebook ก่อนการตัดสินใจซื้อสินค้า บริการ หรือการเดินทางท่องเที่ยว
 
ผลสำรวจยังพบว่า 57% ของผู้ใช้ Facebook ชาวไทยค้นพบหรือรู้จักสินค้า แบรนด์ หรือบริการต่างๆ เป็นครั้งแรกผ่าน Facebook ขณะเดียวกัน มากกว่า 71% รับชมวิดีโอบน Facebook โดย 56% ใช้ Facebook เป็นที่โพสต์วิดีโอหรือลิงค์ของวิดีโออีกด้วย
 
แอร์โรว์ กัว หัวหน้ากลุ่มธุรกิจ SMBs กลุ่มประเทศจีน (จีน ไต้หวัน ฮ่องกง) และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Facebook กล่าวถึงผลสำรวจว่า ด้วยการเข้าถึงการใช้งานโทรศัพท์มือถือกว่า 134%  และจำนวนผู้ใช้งาน Facebook ในประเทศไทยมากถึงเดือนละ 27 ล้านคน  ประเทศไทยจึงเป็นตลาดที่เพิ่มโอกาสให้กับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของพวกเขาบน Facebook
 
ปัจจุบัน ผู้ซื้อโฆษณามีตัวเลือกมากมายเพื่อหาช่องทางให้ถึงกลุ่มเป้าหมาย  Facebook จึงเป็นช่องทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแบรนด์ต่างๆ ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ในการทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคลไปยังกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง
 
“คนไทยมีปฏิสัมพันธ์บน Facebook อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างการเดินทาง นอกจากนี้ พวกเขายังยินดีที่ได้ค้นพบเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งใหม่ๆ เป็นครั้งแรกบน Facebook เช่น ภาพยนตร์และสินค้าต่างๆ” แอร์โรว์ กัวกล่าว “สิ่งที่คนไทยเห็นบน Facebook ยังมีอิทธิพลต่อการเลือกซื้อสินค้าเป็นอย่างมาก พวกเขาจะค้นหาคำแนะนำจากเพื่อนหรือคนรู้จักที่ไว้ใจ รวมทั้งศึกษาข้อมูลสินค้าบนเพจของแบรนด์ เมื่อต้องการค้นหาสินค้าใหม่ๆ หรือเพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อ ข้อมูลเชิงลึกนี้จึงถือเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการวางกลยุทธ์การตลาดสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี”


พอล ศรีวรกุล กรุ๊ปซีอีโอ บริษัท aCommerce กล่าวว่า ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทยเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และยังแข่งขันอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง ในอนาคตอันใกล้ แบรนด์ต่างๆ จะต้องขายสินค้าของพวกเขาในทุกช่องทาง สถานที่ซื้อขายจะย้ายไปอยู่บนโลกออนไลน์ภายใต้ระบบบริหารจัดการเดียวกันทั้งหมด ภายใน 5 ปีข้างหน้า เราจะเข้าสู่ยุคของ O2O คอมเมิร์ซ (Online-to-Offline) ซึ่ง 65% ของธุรกรรมทางการเงินจะเกิดขึ้นบนโลกออนไลน์และสิ้นสุดลงที่โลกออฟไลน์ 
 
"ขณะเดียวกัน Facebook จะมีความสำคัญมากกว่าการเป็นเครื่องมือใช้สร้างแบรนด์ แต่จะเป็นเสาหลักขับเคลื่อนธุรกิจอี-คอมเมิร์ซของแบรนด์ให้เติบโต ผลการสำรวจของเราพบว่า Facebook ช่วยนำลูกค้าไปสู่ช่องทางการตลาดอื่นๆ โดย 58% ของยอดสั่งซื้อมาจากการโฆษณาบน Facebook”
 
วีรธิป (วิน) ธนาพิสิทธิกุล ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นสตรีแนวสตรีท Pomelo กล่าวว่า เพื่อเชื่อมต่อกับผู้บริโภคในโลกยุคดิจิตอล แบรนด์จำเป็นต้องเล่าเรื่องอย่างผสมผสานระหว่างรูปภาพที่เตะตา ข้อความที่กระตุ้นความสนใจ และแพลตฟอร์มที่สร้างการเชื่อมโยงเข้าไว้ด้วยกัน จากประสบการณ์ของเรา Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดในการกำหนดกลุ่มผู้รับสารเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณการเข้าถึงผู้รับสาร สิ่งที่ทำให้ Facebook แตกต่างจากสื่อดั้งเดิมทั่วไปคือ Facebook ช่วยให้เราสามารถประเมินผลที่ได้รับจากแคมเปญเพื่อนำไปปรับปรุงกลยุทธ์ให้ดียิ่งขึ้นได้
 
กมลวรรณ กอไพศาล ผู้อำนวยการการตลาดดิจิตอล บริษัทออฟฟิศเมท จำกัด (มหาชน) เอเยนซี่ด้านสื่อดิจิตอลเครือเซ็นทรัล กล่าวเช่นกันว่า การนำเครื่องมือในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ของ Facebook มาผสมผสานกัน ทำให้เราสามารถระบุและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของสินค้าที่เราต้องการขายได้อย่างเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น เห็นผลได้ชัดจากแคมเปญพิเศษในสินค้าหมวดความงาม ที่ได้รับผลตอบแทนมากกว่าที่ได้ลงทุนไปถึง 4 เท่า