HM10 Bulldog เรือนเวลาลำดับที่ 10 ของ MB&F - Forbes Thailand

HM10 Bulldog เรือนเวลาลำดับที่ 10 ของ MB&F

PR / PR NEWS
05 Apr 2020 | 04:25 PM
READ 4221
ความสัมพันธ์ของผู้ชายกับนาฬิกานั้นแทบไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างจากความสัมพันธ์ของพวกเขากับสุนัขเลย ตัวอย่างที่ดีของการเชื่อมต่อในระหว่างทั้ง 2 ฝั่งนั้นดำเนินมานานร่วมนับปี หรือแม้แต่หลายทศวรรษ ซึ่งก่อให้เกิดชีวิตและเรื่องราวต่างๆ ขึ้นมา ในบางเหตุการณ์ นาฬิกาอยู่ในฝั่งเลือกผู้ที่จะครอบครองพวกมันเช่นเดียวกับอีกฝั่งที่สามารถกลายเป็นผู้เลือกเพื่อครอบครองนาฬิกา แต่เหนืออื่นใดไม่ว่าจะเป็นครั้งแรกหรือครั้งที่ร้อยก็ตาม เหตุการณ์หรือช่วงจังหวะพิเศษที่เกิดขึ้นในช่วงพริบตาที่คุณจับจ้อง ‘สิ่งนั้น’ ก็ยังเกิดขึ้นอยู่เสมอ และอย่างที่พวกเขาพูดกันเสมอว่า นี่คือ เพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ (ผู้ชาย) ซึ่งเราขอเสนอเรือนเวลาลำดับที่ 10 ของ MB&F นั่นคือ ‘Bulldog’ สำหรับตัวเรือนทรงกลมที่มีขนาดกะทัดรัดไม่ว่าจะเป็นรุ่นที่ผลิตจากไทเทเนียมหรือทองคำเรดโกลด์ 18k จะมากับกระจกแซฟไฟร์ที่มีคุณภาพสูง การแสดงเวลาบนหน้าปัดที่ดูราวกับ “ดวงตา” และจะหมุนไปมาตามสายตาของคนที่คิดว่ากล้าพอที่จะมองมัน ส่วนปลอกคอมีแกนยื่นยึดติดกับเม็ดมะยมที่ให้ไขขึ้นลานสปริงหลักหรือปรับตั้งเวลา ขาที่ล่ำแต่มีความยืดหยุ่น ให้พันรอบข้อมือได้กระชับมั่นคง ขากรรไกขนาดใหญ่ที่แสดงถึงพลังงานสำรองที่เหลืออยู่ และเหนือสิ่งอื่นใดคือชุดกลไกที่เดินด้วยความถี่คงที่และแม่นยำที่ 2.5 เฮิร์ตซ์ (18,000 ครั้งต่อชั่วโมง) เหมือนกับชื่อของเจ้าสัตว์สี่ขาที่ถูกนำมาตั้งเป็นชื่อรุ่น สิ่งที่อยู่ข้างใน HM10 Bulldog นั้นมีอะไรมากกว่าที่มองเห็นด้วยตา ขากรรไกรอันแข็งแรงของมันสามารถเปิดออกและปิดลงซึ่งเป็นไปตามพลังลานที่หลงเหลืออยู่ในชุดตลับลาน และถ้าปากของมันปิดลงอย่างสมบูรณ์ นั่นหมายความว่าเจ้า ‘Bulldog’ หมดลานแล้วและพร้อมที่จะพักผ่อน แต่ถ้าคุณเกิดมองเห็นแถวของฟันที่ส่องประกายเป็นระยิบระยับเรียงรายอยู่ในปากของมัน เตรียมพร้อมได้เลยเพราะนั่นหมายความว่าเจ้า ‘Bulldog’ พร้อมที่จะฟัดกับใครกับพลังงานสำรองที่อยู่ในตัวของมันที่มีมากถึง 45 ชั่วโมง หน้าปัดแสดงระดับกำลังสำรองของตัวนาฬิกามีขนาดใหญ่และได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน พร้อมปรับเทียบอย่างละเอียดเพื่อให้มีการใช้พลังงานน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ที่ทำให้ HM10 Bulldog สามารถแยกส่งแรงบิดจากชุดลานสปริงไปยังชุดจักรกลอกที่แขวนลอย (Suspended Balance) ได้โดยตรง และยังทำหน้าที่ขับเคลื่อนเวลาชั่วโมงและนาทีภายใต้ทรงโดม กลไกไขลานของ HM10 Bulldog ได้รับการออกแบบและพัฒนาโดยทีม In-House ซึ่งได้นำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญทางด้านเทคนิคดีเยี่ยมที่สุดของ MB&F ซึ่งสั่งสมประสบการณ์นานนับปีมาใช้ในการออกแบบ สมาชิกที่อยู่กับเผ่าของ MB&F จดจำองค์ประกอบที่ใกล้ชิดกับการสร้างสรรค์อันยอดเยี่ยมที่สุดจากห้องแล็ปประดิษฐ์นาฬิกา ชุดจักรกลอกแขวนลอยขนาดใหญ่ (Suspended Balance) หมุนเป็นจังหวะใต้โดมคริสตัลแซฟไฟร์ตรงกลางที่ทำให้เกิดขึ้นได้อีกครั้งจากการต่อยอดระบบกลไกในคอลเลคชั่น Legacy Machine ขากรรไกขนาดใหญ่จะทำหน้าที่บ่งบอกระดับของกำลังสำรองที่เหลืออยู่ในลานสปริง โดยจะอ้ากว้างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แนวคิดในการแสดงระดับพลังงานสำรองแบบนี้ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในรุ่น LM1 Xia Hang ที่เปิดตัวในปี 2014 ส่วนแผ่นทรงโดมที่ผลิตจากอะลูมิเนียมและมีความบางเทียบเท่ากับแผ่นกระดาษมีที่มาจากรุ่น HM3 Frog และได้รับการปรับแต่งอีกครั้งในรุ่น HM6 ที่เปิดตัวในปี 2014 แม้กระทั่งงานดีไซน์ของลวดลายของแกนที่อยู่ในพื้นที่ของ ‘ซี่โครง’ ที่วางอยู่ด้านใต้ของจักรกรอก และส่วนด้านท้ายของลำตัวสะท้อนให้เห็นงานออกแบบที่มีแรงบันดาลใจมาจากยานยนต์ของรุ่น HM8, HMX และ HM5 โดยจากการรวบรวมรายละเอียดทั้งหมดเข้าด้วยกันนั้น สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงตัวตนของนาฬิกา HM10 Bulldog ได้อย่างชัดเจนสุดคือความยอดเยี่ยมในระดับสูงของนาฬิกาจักรกล แม้ว่าตัวเลขของขนาดตัวเรือนอาจจะดูแล้วน่าตกใจ เพราะมีขนาด 45 มิลลิเมตรเมื่อวัดตามแนวขวาง และ 54 มิลลิเมตรเมื่อวัดจากตัวเรือนที่เป็นจมูกไปจนถึงปลายหาง พร้อมความหนาที่มีระดับสูงสุดถึง 24 มิลลิเมตรแล้ว แต่เมื่อคาดอยู่บนข้อมือแล้วต้องบอกว่า HM10 Bulldog เป็นนาฬิกาที่ใส่แล้วเข้ากับข้อมืออย่างมาก สายนาฬิกาที่เชื่อมต่อกับส่วน ‘ขา’ นั้นจะช่วยทำให้ตัวเรือนแนบชิดกับข้อมืออย่างลงตัว โดยสายหนังผลิตจากหนังวัวแบบ Calf-leather มีความทนทานเช่นเดียวกับความประณีตในการตัดเย็บ และมาพร้อมกับบานพับสายหรือจะเลือกเป็นที่ยึดแบบตีนตุ๊กแก Velco System ก็ได้ วัสดุตัวเรือนมีให้เลือกทั้งแบบไทเทเนียม และการผสานของไทเทเนียมและทองคำเรดโกลด์ HM10 Bulldog ได้รับการประกอบด้วยความพิถีพิถันโดยช่างที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในเรื่องของวิศวกรรมเครื่องกลจุลภาค การติดตั้งส่วนประกอบที่มีหน้าที่ในการรักษาเวลาและบอกเวลาจะถูกแสดงค่าผ่านทางหน้าปัดที่มีพื้นที่จำกัดและแสดงผลในแบบสามมิติ ขณะเดียวกันก็ยังคงความประณีตตามแบบฉบับของช่างฝีมือในระดับสูงเอาไว้ โดยทั้งหมดเป็นการสร้างสรรค์ที่มีความสมดุลระหว่างปัจจัยในด้านกลไกและงานศิลป์ระดับสูง การสร้างสรรค์ของ MB&F มักจะสามารถดึงดูดความสนใจจากสายตาทุกคู่อยู่เสมอ และ HM10 Bulldog คือการกลับมาสู่ความเป็นผู้นำในส่วนนี้ของแบรนด์ เปรียบเช่นกับความจงรักภักดีของเพื่อนสี่ขาที่มีต่อผู้เป็นเจ้าของตลอดไป ดังนั้น การแสดงค่าในส่วนของเวลาและระดับกำลังสำรองจะถูกจัดวางในตำแหน่งที่เฉพาะผู้ที่สวมใส่เท่านั้นถึงจะสามารถมองเห็นได้ คำแนะนำสุดท้ายที่สำคัญสำหรับผู้ที่จะครอบครอง Horological Machine N°10 ‘Bulldog’ ถูกสลักไว้บนตัวเรือนด้านหลัง เช่นเดียวกับข้อความเตือนที่พบเห็นได้บนปลอกคอสุนัขที่ซ่าและดุดันเป็นพิเศษ หมาที่ดูดุร้าย แต่ท้ายสุดแล้วมันก็คือผู้รับใช้ที่ดีที่สุดของมนุษย์ ทุกคนจึงควรจะจดจำไว้ให้ดีว่า “Forget the dog beware of the owner” (ลืมสุนัข แล้วระวังเจ้าของจะดีกว่า) เครื่องจักร Horological Machine N°10 ‘Bulldog’ วางจำหน่ายในรุ่น กับตัวเรือนไทเทเนียมกับดวงตาสีฟ้า และตัวเรือนทองคำเรดโกลด์ 18k และไทเทเนียม กับดวงตาสีดำ แรงบันดาลใจที่ส่งมอบให้กับ HM10 Bulldog งานออกแบบตัวนาฬิกาเดินทางมาถึงมือของ Maximilian Büsser ในขณะที่เขากำลังเดินทางท่องเที่ยวในญี่ปุ่น และดีไซน์นาฬิกาที่แวบขึ้นมาในมโนภาพอย่างชัดเจน ก็คือรูปลักษณ์ที่ทำให้นึกถึงเพื่อนสี่ขาของมนุษย์ที่พร้อมโถมตัวเข้าใส่ ด้วยความดีใจสุดขีด ทุกครั้งที่เจ้าของกลับมาถึงบ้าน นี่คือความภักดีของสัตว์ที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนรักของมนุษย์ และเป็นที่มาของชื่อ Horological Machine N°10 ‘Bulldog’ เครื่องจักรบูลด็อกบอกเวลานั่นเอง ‘สิ่งที่คุณเห็นอยู่ข้างหน้านี้ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปมากกว่าสิ่งที่ผมเคยเห็นในตอนนั้น’ Büsser กล่าว ‘และเป็นครั้งแรกที่ผมต้องยอมรับว่านาฬิกาที่ตัวเองคาดหวังอยู่ในใจว่าจะได้เห็น เป็นอย่างที่เห็นอยู่ข้างหน้านี้’ HM10 Bulldog เกิดจากการรวมตัวกันโดยที่แรงบันดาลใจมาจากส่วนต่างๆ ที่มีความโดดเด่นของนาฬิการุ่นดังๆ ของ MB&F ที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งแน่นอนว่าใครที่เป็นแฟนประจำของแบรนด์จะสามารถรับรู้ในเรื่องนี้ได้ทันที สิ่งที่ยืนยันเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีคือ HM10 Bulldog คือภาพสะท้อนอย่างเด่นชัดของ MB&F และสะท้อนถึงความภักดีของแฟนๆ ที่มีต่อแบรนด์ด้วยเช่นกัน และคำกล่าวโบราณที่ มักจะเปรียบเทียบคนที่ออกจะหัวดื้อหัวรั้น ว่าเป็นพวก “หัวแข็งเหมือนหมาบูลด็อก” ซึ่งเป็นชื่อสายพันธุ์สุนัขอังกฤษที่เก่าแก่และมีประวัติเคียงข้างกับมนุษย์มายาวนาน ด้วยรูปร่างที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง โครงสร้างช่วงอกหนา หุ่นล่ำสัน แข็งแร็ง ขากรรไกรขนาดใหญ่ และใบหน้าที่ย่นยู่ บวกกับลักษณะนิสัยที่ออกจะน่าเกรงขามสำหรับคนทั่วไป จึงทำให้ บูลด็อก ไม่ใช่สุนัขที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ ถูกใจ ได้ง่ายๆ แต่ทว่า บูลด็อก กลับมีเสน่ห์เฉพาะตัว และเป็นสายพันธุ์ที่ชาญฉลาด ซื่อสัตย์ และภักดีกับเจ้าของ ไม่ต่างอะไรกับนาฬิกาของ MB&F ที่มีบุคลิกลักษณะเฉพาะไม่เหมือนใคร หาใครถูกใจยาก แต่เมื่อถูกใจแล้วก็ยากจะเปลี่ยนใจเช่นกัน รากศัพท์ของคำว่า Animal มาจากภาษาละตินที่ว่า Anima ซึ่งมีความหมายถึง ‘วิญญาณ’ หรือ ‘จิตวิญญาณ’ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของการมีชีวิต และทุกครั้งที่ MB&F ถึงดึงเอาแรงบันดาลใจมาจากสัตว์ที่อยู่ในธรรมชาติมักจะได้รับการตอบสนองกลับจากรอบด้านได้เป็นอย่างดี และตัวอย่างที่มีให้เห็นก่อนหน้านั้น เช่น เรือนเวลาจักรกล N°3 ‘Frog’ และเรือนเวลาจักรกล N°7 ‘Aquapod’ โดยรุ่นล่าสุดอย่าง HM10 Bulldog กำลังจะเดินตามรอยเดียวกันกับการทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นถึงกับตาโต อ้าปากค้าง หัวใจเต้นแรงและเร็วได้อย่างไม่ยาก สิ่งที่อยู่ข้างใน HM10 เป็นมากกว่ากลไก กลไกที่ขับเคลื่อนเรือนเวลาหมายเลข 10 Bulldog เป็นผลงานพัฒนาใหม่ แต่ก็เป็นสิ่งหลายคนคุ้นเคยอย่างแน่นอน โดยกลไกของ HM10 ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดและถูกพัฒนาโดยทีมงานของบริษัท ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของความเชี่ยวชาญทางเทคนิคด้านกลไกในส่วนต่างๆ ของ MB&F ที่ได้รับการขัดเกลามาเป็นเวลานานหลายปี สิ่งที่สะดุดตาคือจักรกรอกขนาดใหญ่ที่แขวนลอยอยู่ใต้กระจกแซฟไฟร์ทรงโดมตรงกลาง และจังหวะในการเดินของกลไกที่ยึดตามแบบฉบับดั้งเดิมด้วยความถี่ 2.5 เฮิร์ตซ์ (18,000 ครั้งต่อชั่วโมง) ความถี่นี้เคยปรากฏตัวครั้งแรกจากการสร้างสรรค์ของ MB&F ในปี 2011 กับการเปิดตัวกลไกในตระกูล Legacy Machine N°1 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความท้าทายในด้านเทคนิคของระบบกลไกก็กลายมาเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของ MB&F ดังจะเห็นได้จากกลไกหลายรุ่นซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในตระกูล Legacy Machine อย่างเรือนเวลาหมายเลข 9 และมาถึงตอนนี้คือ HM10 Bulldog สิ่งที่ทรงพลังและสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจ คือ การปรับเปลี่ยนรูปแบบของการแสดงเวลาบนโดมที่มีอยู่ใน HM10 Bulldog จุดเริ่มต้นในออกแบบมาจากโมดุลในการบอกเวลาชั่วโมงและนาทีที่แยกกัน และปรากฏครั้งแรกอยู่ในเรือนเวลา N°3 โดยถือเป็นการสร้างสรรค์ที่มีส่วนในการสร้างชื่อของ MB&F ให้เป็นที่รู้จัก เช่นเดียวกับการพลิกแนวคิดในการแสดงเวลาที่เคยมีอยู่ในโลกแห่งเรือนเวลา การใช้กรวยรูปทรงโดมในรุ่น HM3 ‘Frog’ แต่ปัจจัยสำคัญหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือทำอย่างไรให้มันมีน้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้กลไกส่วนที่เหลือรับภาระน้อยที่สุด กระบวนการกัดชิ้นส่วนด้วยใบมีด (milling) นำมาใช้อีกครั้ง และค่าความคลาดเคลื่อนถูกทำให้อยู่ในระดับจุลภาค เพื่อผลิตแผ่นอะลูมิเนียม 3 มิติที่มีความบางเทียบเท่ากับกระดาษ ชิ้นส่วนนี้เคยปรากฏมาแล้วในนาฬิการุ่น HM N°6 แต่ครั้งนี้เป็นการจับคู่กับชุดเกียร์แบบกรวยเพื่อให้การแสดงค่าแม่นยำเที่ยงตรงสูง กลไกที่อยู่ใน HM10 ประกอบด้วยชิ้นส่วนจำนวน 301 ชิ้น และทำงานในแบบไขลานด้วยมือ โดยมีตลับลานเดี่ยวที่สามารถสำรองพลังงานได้ถึง 45 ชั่วโมง และแสดงระดับพลังงานสำรองโดยอาศัยรูปแบบของการอ้าหรือหุบของขากรรไกรขนาดใหญ่ ในขณะที่การแสดงพลังงานสำรองทั่วไปด้วยเข็มใช้พลังงานน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่สำหรับ HM10 Bulldog กลับเลือกใช้วิธีที่โดดเด่นและมีความซับซ้อนกว่า แต่ใช้พลังงานในการแสดงผลใกล้เคียงกัน และแยกเม็ดมะยมออกเป็น 2 ตัว เพื่อใช้ในการไขลานและตั้งเวลา โดยวางไว้ด้านหลังของตัวเรือน HM10 Bulldog