โรชมอบโอกาสให้น้องเดินได้อีกครั้ง เพื่อเด็กด้อยโอกาสที่ป่วยโรคข้ออักเสบ - Forbes Thailand

โรชมอบโอกาสให้น้องเดินได้อีกครั้ง เพื่อเด็กด้อยโอกาสที่ป่วยโรคข้ออักเสบ

PR / PR NEWS
01 Aug 2018 | 06:54 PM
READ 3300

โอกาสในการมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นสิ่งที่เด็กทุกคนควรจะได้รับไม่ว่าจะอยู่ที่ใด เชื้อชาติใด และครอบครัวมีฐานะอย่างไร

บริษัท โรช ไทยแลนด์ จำกัด และบริษัท โรช ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมระดมทุนประจำปี  ‘‘โรช ชิลเดรนส์ วอลค์ - Roche Childrens Walk’’ ครั้งที่ 15  ภายใต้แนวคิด Let’s go!  ที่มุ่งหวังจะนำพาเด็กก้าวเดินไปสู่อนาคตข้างหน้าร่วมกัน ในปีนี้  มียอดเงินบริจาคทั้งจากพนักงาน และทั้งสองบริษัทฯ รวมทั้งสิ้น 980,000 บาท โดยได้มอบให้แก่เด็กด้อยโอกาสในประเทศมาลาวี เอธิโอเปีย และฟิลิปปินส์ และเด็กป่วยโรคข้ออักเสบและรูมาตอยด์ ภายใต้การดูแลของมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ในประเทศไทย โดยมีนายแพทย์สรศักดิ์ โล่ห์จินดารัตน์ รองผู้อำนวยการรักษาการแทนผู้อำนวยการ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เป็นตัวแทนรับมอบ

มร.ฟิลลิป เมเยอร์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โรช ไทยแลนด์  จำกัด

มร.ฟิลลิป เมเยอร์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โรช ไทยแลนด์  จำกัด กล่าวว่า “กิจกรรมโรช ชิลเดรนส์ วอล์ค เป็นกิจกรรมที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่โรชต้องการมอบโอกาสด้านความเป็นอยู่ สุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเด็กๆ ทั่วโลก กว่า15 ปีมานี้ กลุ่มบริษัทโรช ได้ระดมทุนเป็นจำนวนเงินกว่า 550 ล้านบาท และบริจาคแก่โครงการที่ส่งเสริมสุขภาพและการศึกษาเด็กในนานาประเทศจำนวนมากกว่า 75 โครงการทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย”

“ในปีนี้ กลุ่มบริษัทโรชในประเทศไทย เลือกจัดกิจกรรมจิตอาสาและมอบเงินบริจาคให้แก่ มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ซึ่งทำหน้าที่ดูแลและรักษาโรคในเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 18 ปี ที่มีฐานะยากจนจากทั่วประเทศมานานกว่า 37 ปี ในแต่ละปี มูลนิธิฯ ดูแลเด็กป่วยจากทั่วประเทศมากถึง 350,000 รายต่อปี และมีผู้ป่วยใน 15,000 รายต่อปี” พิเชษฐพงษ์ ศรีสุวรรณกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรช ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ปีนี้ยอดเงินระดมทุนรวมสองบริษัทสูงถึง 490,000 บาท เพื่อมอบแก่มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก ทั้งนี้ บริษัทโรชจะร่วมสมทบอีกหนึ่งเท่าเพื่อนำเงินอีก 490,000 บาท ไปช่วยเหลือเด็กๆ ในประเทศมาลาวี  เอธิโอเปีย และฟิลิปปินส์ อีกด้วย”

นายแพทย์กันย์ พงษ์สามารถ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาโรคภูมิแพ้ ภูมิคุ้มกันวิทยาและรูมาติสซั่ม สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า “โรคข้ออักเสบในเด็กจัดเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพเด็ก ที่ทางมูลนิธิโรงพยาบาลเด็กดูแลมาโดยตลอด ซึ่งเป็นโรคเรื้อรัง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเด็ก รวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องคอยช่วยเหลือดูแล เนื่องจากผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ อาการเจ็บที่ข้อต่างๆ ทำให้เด็กช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ไม่สามารถอาบน้ำ ลุกนั่ง หรือเดินได้ แม้เป็นโรคที่พบได้น้อย แต่มีความรุนแรงของโรคสูง จากสถิติในประเทศไทย โรคนี้ทำให้เกิดการพิการในเด็กสูงไม่แพ้อุบัติเหตุ”

เด็ก 32 คนที่มาร่วมกิจกรรม โรช ชิลเดรนส์ วอล์ค ในครั้งนี้ ล้วนเป็นเด็กที่ป่วยเป็นโรคข้ออักเสบและรูมาตอยด์ บางคนเคยป่วยมากถึงขั้นนอนติดเตียง หรือบางคนเดินไม่ได้ หลังได้รับการรักษา ภายใต้การดูแลของมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก วันนี้พวกเขากลับมาเดินได้อีกครั้งและร่วมเดินชมวังพญาไทกับพนักงานจิตอาสาของโรช ซึ่งตลอดการทำกิจกรรมน้องๆ แต่ละคนดูสดใสร่าเริง แข็งแรง ไม่มีภาพของเด็กป่วยที่เคยต้องนอนติดเตียงมาก่อนแม้แต่น้อย สร้างความประทับใจให้กับพนักงานโรช และผู้ปกครองเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมการแสดงต้อนรับจากน้องๆ ที่ได้รับดูแลจากมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก ซึ่งเป็นเด็กที่มีปัญหาโรคข้ออักเสบ เคยมีความพิการเกิดขึ้น ไม่สามารถทำกิจกรรมอย่างในวันนี้ได้ อาทิ การแสดงเล่นอูคูเลเล่ จาก น้องปริ้นซ์ สาวน้อยเสียงใส วัย 16 ปี ที่ในตอนแรกมีอาการข้ออักเสบ ตามข้อมือและนิ้วมือ มีนิ้วมือผิดรูป แต่เมื่อได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลเด็กก็มีอาการที่ดีขึ้น จนสามารถเล่นอูคูเลเล่ประกอบการร้องเพลงให้คนในงานได้ฟังกันอย่างเพลิดเพลิน

“เด็กๆ เหล่านี้ล้วนมีความสามารถ มีพรสววรค์ แต่อาการข้ออักเสบขัดขวางให้เขาไม่สามารถทำกิจกรรมที่ชอบได้อย่างเต็มที่” นายแพทย์กันย์ พงษ์สามารถ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาโรคภูมิแพ้ ภูมิคุ้มกันวิทยา และรูมาติสซั่ม สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี  กล่าว  “การที่เด็กเข้ารับการรักษาตัวเร็ว จะทำให้วินิจฉัยได้เร็ว โอกาสที่อาการจะดีขึ้น จนกลับมาเป็นปกติก็มีมากขึ้น มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก จึงอยากจะช่วยให้เขาได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติมากที่สุดโดยเร็วที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เพื่อที่จะให้เด็กๆ ได้ทำในที่ที่เขารัก เขาชอบได้อย่างเต็มที่”

นางสาวธันย์ชนก วงศ์พัฒนาสิน เจ้าหน้าที่ Biomarker Scientific Liaison หนึ่งในจิตอาสาผู้เข้าร่วมกิจกรรมจากบริษัท โรช ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวถึงความรู้สึกและความประทับใจในการเข้าร่วมงาน Roche Children’s Walk 2018 ครั้งนี้ ว่า  “เป็นปีแรกที่เข้าร่วมกิจกรรม โครงการนี้นอกจากจะได้ช่วยคนในประเทศแล้ว ยังช่วยในต่างประเทศด้วย คิดว่าเป็นโครงการที่ดี เลยไม่ลังเลที่จะเข้าร่วมกิจกรรมเลย เพราะอยากเป็นส่วนเล็กๆที่มีส่วนช่วยในการทำให้เกิดสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อส่วนรวม ทั้งผู้รับเป็นเด็กด้วย เด็ก คืออนาคตของชาติ เลยอยากให้โอกาสเขา ทั้งโอกาสในการรับยา การรักษา ให้เขาได้มีอนาคตที่ดีมีชีวิตที่ดี อย่างที่เห็นวันนี้ว่า เด็กๆ มีปัญหาโรคเกี่ยวกับข้ออักเสบ จะทำให้เขาขาดโอกาสหลายๆ อย่าง เช่น โอกาสในการใช้ชีวิตปกติแบบคนอื่น ได้เล่นกับเพื่อน ซึ่งนอกจากจะกระทบกับตัวเด็กโดยตรงแล้ว ยังกระทบกับครอบครัวเขาด้วย เด็กตัวเท่านี้ต้องต่อสู้กับโรคขนาดนี้ เขาต้องการกำลังใจมาก เราก็อยากเป็นกำลังใจให้เขา วันนี้ที่เข้าร่วมกิจกรรมรู้สึกดีมากที่ได้มาเติมกำลังใจให้น้อง ได้เป็นส่วนเล็กๆ ที่มาช่วยในงานนี้ ถ้าปีหน้ามีอีกก็จะไม่พลาดแน่นอน”

นางกรรณิกา  แหลมสมุทร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด จิตอาสาจากบริษัท โรช ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “กิจกรรมนี้เป็นการต่อยอดที่บริษัทแม่ เริ่มต้นช่วยเหลือเด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีในประเทศมาลาวี ด้วยแนวคิดที่ว่า ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเด็กก็ควรได้รับโอกาสที่จะมีชีวิต มีสุขภาพที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี แล้วโครงการขยายออกไปสู่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย เงินที่บริจาคหากสามารถช่วยหยุดความพิการ และช่วยให้เด็กแม้เพียงสักคนหนึ่งมีคุณภาพชีวิตที่ดี พวกเราก็ยินดีเป็นอย่างมาก”

นายแพทย์กันย์ พงษ์สามารถ กล่าวปิดท้ายว่า “เด็กที่ป่วยเป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุจำเป็นต้องได้รับยาที่เหมาะสมอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นยาต้านการอักเสบ เคมีบำบัด หรือบางคนจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยสารชีวภาพซึ่งเป็นยานอกบัญชี  รวมถึงต้องได้รับการดูแลรักษาในระยะยาว  เพื่อป้องกันความพิการ และทำให้เขากลับมาใช้ชีวิตปกติ ทำให้สิ่งที่ชอบได้อีกครั้ง เด็กบางคนมีครอบครัวยากจนขาดแคลนแม้กระทั่งค่าเดินทางมารักษา บางคนไม่มีสัญชาติ ไม่มีสิทธิการรักษาของรัฐ แต่ทางมูลนิธิโรงพยาบาลเด็กก็ดูแลและต้องการให้โอกาสในการได้รับการดูแลรักษาโรคแก่เด็กอย่างเท่าเทียมกัน มูลนิธิฯ จึงยังต้องการความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง”