แม็คโคร สร้างแพลตฟอร์ม ‘maknet’ ตลาดค้าส่งออนไลน์ ขยายบริการ B2B ครบวงจร สร้างการเติบโตใหม่ พร้อมขยายโมเดลธุรกิจในประเทศไทย คาด 3 ปี สร้างรายได้ร้อยละ 30 ให้กับกลุ่มแม็คโคร เตรียมงบลงทุนอีกกว่าหมื่นล้านบาท ขยายสาขาต่อเนื่อง
สุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโคร เปิดเผยว่า บริษัทฯได้พัฒนา B2B Marketplace หรือตลาดค้าส่งออนไลน์สำหรับผู้ประกอบการ ภายใต้ชื่อ ‘maknet’ ซึ่งมาจาก Makro และ Network ซึ่ง maknet จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สร้างการเติบโตใหม่ (New S - Curve) ให้กับกลุ่มธุรกิจแม็คโครที่สามารถขยายฐานลูกค้า ขยายฐานผู้ผลิตสินค้า และขยายธุรกิจด้านการบริการได้อย่างครบวงจร ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าแม็คโคร
“แม็คโครได้ก้าวเข้าสู่การทำธุรกิจ O2O ซึ่งเป็นการผสมผสานช่องทางออฟไลน์และออนไลน์มาตั้งแต่ปี 2562 ด้วยการเปิดตัว MakroClick ที่เปรียบเสมือนการยกห้างแม็คโครมาไว้บนออนไลน์ ทั้ง website และ Mobile Application ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี โดยตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นพฤติกรรมการซื้อสินค้าของลูกค้า B2B ที่เปลี่ยนแปลงไป มีความต้องการมากขึ้น ทั้งสินค้าและบริการ ที่พร้อมสำหรับการประกอบธุรกิจ”
สำหรับแพลตฟอร์ม ‘maknet’ ใช้เวลาในการพัฒนา 1 ปี และจะมีการลงทุนต่อเนื่อง โดยภายใน 3 ปีข้างหน้าคาดว่าจะใช้งบลงทุนรวม 2,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีลูกค้ามาใช้บริการประมาณ 1,000 ตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปี (ปี 2567) คาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นเป็น 7,000 ราย และมีสินค้าวางจำหน่ายมากกว่า 350,000 รายการ โดยเฉพาะธุรกิจที่ไม่ใช่อาหาร และ บริการที่จำเป็นสำหรับการประกอบธุรกิจร้านอาหาร ขณะที่กลุ่มสินค้าที่จำหน่ายในห้างแม็คโครปัจจุบัน จะเข้ามาอยู่ในระบบ maknet ด้วย
ตั้งเป้าอันดับ 1 B2B Marketplace
ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายว่าสัดส่วนธุรกิจผ่านระบบออนไลน์ทั้งจาก ‘maknet’ และ MakroClick จะเพิ่มสัดส่วนเป็นร้อยละ 30 จากยอดขายรวมของบริษัท จากปัจจุบันมีสัดส่วนร้อยละ 12 ซึ่งปีที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจแม็คโครมีรายได้รวมกว่า 220,000 ล้านบาท และก้าวขึ้นเป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจตลาดค้าส่งออนไลน์ B2B Marketplace
สุชาดา กล่าวว่า maknet จะเป็นการสร้างการเติบโตใหม่ ให้กับกลุ่มธุรกิจแม็คโคร (New S - Curve) ซึ่งที่ผ่านมามีข้อจำกัดในเรื่องการขยายพื้นที่สาขา การจะเพิ่มยอดขายต้องเปิดสาขาใหม่เพียงอย่างเดียว พอเปิดเป็น Marketplace บนออนไลน์ บริษัทฯสามารถขยายขอบข่ายการให้บริการได้มากขึ้น ขยายฐานผู้ผลิตสินค้า ซัพพลายเออร์ทั้งกลุ่มเอสเอ็มอี เกษตรกร รวมถึงวิสาหกิจชุมชน สามารถเข้ามาร่วมใน Marketplace ได้ ตอกย้ำการเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสได้อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ โมเดลธุรกิจของ ‘maknet’ ยังสามารถขยายได้ในต่างประเทศ และเพิ่มโอกาสให้กับคู้ค้าของแม็คโครสามารถต่อยอดธุรกิจในตลาดต่างประเทศได้ด้วย โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านของไทยที่ชื่นชอบสินค้าจากประเทศไทยเป็นพิเศษ ซึ่งในปีนี้ แม็คโครจะมุ่งขยายสาขาในต่างประเทศมากขึ้น
“เรามั่นใจว่า ‘maknet’ จะเป็นจิ๊กซอว์ที่มีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของแม็คโครและผู้ประกอบการ SMEs ทั้งหลายในอนาคต” นางสุชาดากล่าว
ตั้งงบลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท
สุชาดา กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนรวม 11,000 ล้านบาท สำหรับขยายสาขาเพิ่ม 35 สาขาในประเทศไทย และ 5 สาขาในต่างประเทศ ได้แก่ อินเดีย 3 สาขา กัมพูชา 2 สาขา โดยปีนี้ แม็คโครจะมีสาขารวม 144 สาขา ในประเทศไทย และ 7 สาขาในต่างประเทศ
“สำหรับปีนี้ บริษัทฯ มองว่าแนวโน้มธุรกิจน่าจะดีขึ้น แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ ไม่ได้ทำให้มั่นใจ มีทั้งเรื่องอัตราดอกเบี้ย น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ทำห้ไม่ได้คาดหวังว่าจะดีมากนัก แต่ไตรมาสแรกสถานการณ์เริ่มกระเตื้องขึ้น ธุรกิจโฮเรก้า โรงแรม ร้านอาหาร ตอนนี้ต้องมุ่งรักษายอดขาย คุณภาพการบริการ และลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา แม็คโครยังเติบโตต่อเนื่อง แต่ไม่ได้เติบโตสูง” สุชาดากล่าวทิ้งท้าย
อ่านเพิ่มเติม:
“สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง” ทุ่ม 500 ล้าน ผุด เจพาร์ค เฟส 2