เอสซีจี แพคเกจจิ้ง เข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชูศักยภาพธุรกิจ พร้อมเร่งขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน หนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน
บมจ. เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (“SCGP” หรือ “บริษัทฯ”) นำหุ้นเข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดในภูมิภาคนี้ มั่นใจภาพรวมตลาดบรรจุภัณฑ์มีแนวโน้มเติบโตที่ดี จากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรและรายได้ การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอีคอมเมิร์ซ และการใส่ใจในสิ่งแวดล้อม วิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันนี้ (22 ตุลาคม 2563) ซึ่งอยู่ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดบรรจุภัณฑ์ โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “SCGP” และนับเป็นก้าวสำคัญของ SCGP สู่การเป็นบริษัทมหาชน ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจจากการมีฐานะการเงินที่เข้มแข็งขึ้น โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ไปใช้ขยายการลงทุน ชำระเงินกู้และเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยในปี 2563-2564 บริษัทฯ ได้ลงทุนขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวในประเทศเวียดนามและไทย และขยายกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ โดยมีมูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 8,200 ล้านบาท ทั้งนี้ หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ SCGP พร้อมขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายกำลังการผลิตและศึกษาโอกาสเข้าควบรวมกิจการ (Merger & Partnership) โดยในปี 2563 SCGP อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการควบรวมและเข้าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในบริษัทผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ลูกฟูกในประเทศเวียดนาม เป็นการเพิ่มศักยภาพและการเติบโต รักษาตำแหน่งผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนที่ต้องการเติบโตไปด้วยกัน “เรามองว่าตลาดบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนยังมีศักยภาพเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรและรายได้ การเปลี่ยนแปลงของไลฟ์สไตล์ การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอีคอมเมิร์ซ การให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ขณะที่ SCGP มีความสามารถในการออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ให้แก่ลูกค้าได้อย่างหลากหลาย ครอบคลุมถึงการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) บรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน จึงมั่นใจว่าด้วยโมเดลธุรกิจที่วางไว้จะสามารถสร้างการเติบโตที่ดี” วิชาญ กล่าว ด้าน วีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ของ SCGP ที่ผ่านมา นับเป็นหนึ่งในหุ้น IPO ของปีนี้ที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย ที่แสดงความต้องการจองซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมากเกินกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรไว้ จึงเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนและจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนหลังจากนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งนี้ SCGP เป็นบริษัทที่มีโมเดลธุรกิจที่แตกต่างและมีผลิตภัณฑ์รวมถึงบริการอย่างครบวงจร สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงมีจุดเด่นที่น่าสนใจ เช่น เป็นผู้นำธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรที่จะได้รับแรงเสริมจากการใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภค บรรจุภัณฑ์ที่มีการออกแบบโดยคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภค สามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในยุค New Normal ได้อย่างดี นอกจากนี้ SCGP ยังดำเนินธุรกิจโดยยึดหลัก ESG หรือการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ซึ่งเป็นแนวคิดของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน พิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า มีความมั่นใจว่า SCGP น่าจะเป็นหุ้นที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่โดดเด่น โดยเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจมากว่า 40 ปี มีการพัฒนาโมเดลธุรกิจและขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง มีสินค้าที่ครอบคลุมทั้งบรรจุภัณฑ์กระดาษและบรรจุภัณฑ์จากพอลิเมอร์ มีฐานลูกค้าในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย มีการนำเสนอโซลูชันที่สามารถตอบโจทย์การออกแบบบรรจุภัณฑ์ตามความต้องการเฉพาะแต่ละราย รวมถึงดำเนินธุรกิจโดยใส่ใจการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าเพื่อความยั่งยืน อ่านเพิ่มเติม: “เมดพาร์ค” การผนึกกำลังของกลุ่มแพทย์ เปิดโรงพยาบาลมาตรฐานใหม่แห่งอาเซียนไม่พลาดบทความด้านกลยุทธ์องค์กรและธุรกิจ ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine และ ทวิตเตอร์ Forbes Thailand