องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) จัดงานสัมมนา “In Style ● Hong Kong” เสริมแกร่งผู้ประกอบการไทย
งานสัมมนา “In Style ● Hong Kong” หนึ่งในไฮไลท์ของงานมหกรรม “In Style • Hong Kong” ที่จัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย โดย องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) เพื่อนำเสนองานบริการระดับโลกของฮ่องกงสู่ผู้ประกอบการไทยและยังได้รับเกียรติจาก ริมสกี้ ยูน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมของเขตการปกครองพิเศษฮ่องกง และ อภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมอภิปรายในพิธี
“งานมหกรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของฮ่องกงที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อเป็นการนำเสนอการบริการด้านต่างๆ และผลิตภัณฑ์ของฮ่องกง งานสัมมนาในวันนี้ ผู้นำธุรกิจได้ร่วมหารือถึงประเด็นความร่วมมือระหว่างไทยและฮ่องกงในการส่งเสริมการทำธุรกิจ และการใช้ประโยชน์จากการบริการระดับโลกของฮ่องกง อาทิ บริการด้านกฎหมาย เทคโนโลยี โลจิสติกส์ และบริการด้านครีเอทีฟ ในการขยายธุรกิจของผู้ประกอบการชาวไทยไปยังตลาดใหม่ๆ” วินเซนต์ โล ประธานองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) กล่าวในพิธีเปิด
และด้วยข้อได้เปรียบของฮ่องกง ในด้านตำแหน่งที่ตั้ง ระบบกฎหมาย ความเป็นอิสระของตุลาการ ระบบการปกครองที่ใสสะอาดและมีประสิทธิภาพ สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ รวมถึงระบบโครงสร้างพื้นฐานระดับสากล นั้นล้วนแล้วแต่ได้รับการยอมรับจากสังคมทั่วโลก
“เมื่อผนวกข้อตกลงการค้าเสรี จีน-อาเซียน (China-ASEAN Free Trade Agreement) และข้อตกลงการค้าเสรี ฮ่องกง-อาเซียน (Hong Kong-ASEAN Free Trade Agreement) เข้าด้วยกัน จะทำให้เกิดแพลตฟอร์มการค้าที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการสนับสนุนการค้าการลงทุนระหว่างฮ่องกงและกลุ่มประเทศอาเซียน” ริมสกี้ ยูน รมว.ยุติธรรมของเขตการปกครองพิเศษฮ่องกง กล่าวเพิ่มเติมถึงข้อตกลงการค้าเสรี ฮ่องกง-อาเซียน ที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปี 2559
ทั้งนี้ อภิรดี ตันตราภรณ์ เห็นพ้องและแสดงถึงความมั่นใจในการเติบโตด้านการค้าทวิภาคีระหว่างฮ่องกงและไทยและกล่าวเพิ่มเติมถึงการ ทำงานภายใต้คณะกรรมการการร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับทวิภาคี และการเจรจาภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ฮ่องกงในระดับภูมิภาคนั้นดำเนินไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ฮ่องกง “ประเทศไทยในฐานะประเทศผู้ประสานงาน (Country coordinator) จะมีการทำงานอย่างใกล้ชิดกับฮ่องกงอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้มั่นใจว่าข้อตกลงจะสำเร็จภายในปีพ.ศ. 2559 อนึ่ง ประเทศไทยและฮ่องกงสามารถทำงานร่วมกันและเพิ่มโอกาสทางการค้าการลงทุนได้ในเวทีระดับโลก”