สยามคูโบต้า เผยผลประกอบการแตะ 5.4 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าปี 63 โตเพิ่มขึ้น 5-10% - Forbes Thailand

สยามคูโบต้า เผยผลประกอบการแตะ 5.4 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าปี 63 โตเพิ่มขึ้น 5-10%

FORBES THAILAND / ADMIN
04 Feb 2020 | 04:00 PM
READ 5608

สยามคูโบต้า ประกาศความสำเร็จปี 62 ด้วยยอดขาย 5.4 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าปี 63 โตขึ้น 5-10% พร้อมเร่งนำนวัตกรรมเทคโนโลยี IoT เซ็นเซอร์, GPS Telematics และโดรนเพื่อการเกษตร มาบริหารจัดการผลผลิตในภาคเกษตรกรรม

Takanobu Azuma กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2562 ที่ผ่านมา แนวโน้มการเกษตรทั่วโลกให้ความสำคัญเรื่องเกษตรอัจฉริยะและเกษตรอัตโนมัติ คูโบต้า คอร์ปอเรชั่น ญี่ปุ่น ได้มีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อช่วยบริหารจัดการฟาร์ม ซึ่งสยามคูโบต้าได้มีการวิจัยและพัฒนาเพื่อปรับใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ส่งให้ผลประกอบการในปี 2562 มียอดขาย 5.4 หมื่นล้านบาท โดยมีสัดส่วนในประเทศ : ต่างประเทศ เท่ากับ 3.3 หมื่นล้านบาท : 2.1 หมื่นล้านบาท ด้วยมูลค่ายอดขายในประเทศเติบโตเกือบ 10% จากปีก่อนหน้า สำหรับปี 2563 สยามคูโบต้าตั้งเป้าเติบโตในอัตรา 5-10%

ทั้งนี้ นโยบายของคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น มุ่งมั่นเป็นอย่างมากที่จะทำให้แบรนด์คูโบต้าเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก หรือ “Global Major Brand (GMB)” ที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าและอะกริโซลูชั่นให้กับลูกค้าที่มีทั่วโลก พร้อมเป็นองค์กรที่ตอบแทนสังคม ไม่เพียงแต่จะมุ่งพัฒนาภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรมของไทยและอาเซียน แต่ยังคำนึงถึงความรับผิดชอบที่จะส่งมอบสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า

Takanobu Azuma

ด้าน สมศักดิ์ มาอุทธรณ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมาเกิดสถานการณ์ภัยแล้ง น้ำท่วม ประกอบกับสงครามทางการค้าส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้ราคาสินค้าเกษตรและราคาผลผลิตปรับตัวลดลง ส่งผลให้ภาพรวมของภาคการเกษตรของไทยมีการผันผวนเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคเกษตร (GDP ภาคเกษตร) เติบโตขึ้น 0.5% จากปีที่ผ่านมา โดยมีพืชเศรษฐกิจหลัก เช่น ข้าว และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ราคาอยู่ในเกณฑ์ดี

อย่างไรก็ตาม ภาครัฐได้แก้ไขปัญหาโดยการออกนโยบายด้านสินเชื่อ มาตรการประกันรายได้และให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำในการซื้อเครื่องจักรเพื่อแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลน สำหรับสยามคูโบต้าก็ได้ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรเมื่อเกิดภัยพิบัติอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

จากปัญหาขาดแคลนแรงงาน ทำให้มีการคาดการณ์ว่า แนวโน้มตลาดเกษตรอัจฉริยะจะเติบโตเฉลี่ยประมาณ 19% ต่อปี สยามคูโบต้าจึงได้เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนภาคการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี IoT เซ็นเซอร์ นวัตกรรมการถ่ายภาพที่ส่งให้เกษตรกรได้แบบเรียลไทม์ ทำให้ติดตามความเปลี่ยนแปลงของพืชที่ปลูก ทำให้รับทราบปัญหาเพื่อแก้ไขได้ทันการณ์

นอกจากนี้ยังมีระบบบริหารจัดการเครื่องจักร อาทิ ระบบ KIS (Kubota Intelligence Solutions) ที่นำ GPS Telematics มาช่วยบริหารจัดการเครื่องจักรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถทำเกษตรได้อย่างแม่นยำ (Precision Agriculture) และยังมีการนำโดรนมาใช้ฉีดพ่นสารชีวภัณฑ์ทางการเกษตรแทนแรงงานคน รวมทั้งการจัดการเครื่องจักรกลการเกษตรและอุปกรณ์ต่างๆ ภายในฟาร์มด้วย นอกจากนี้ยังร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรจัดโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรมการเกษตรระดับนานาชาติ (Global AgTech Acceleration Program) เพื่อพัฒนาภาคการเกษตรให้เป็นเกษตรอัจฉริยะ

ขณะเดียวกัน สยามคูโบต้าเดินหน้าจัดทำโครงการเกษตรปลอดการเผา Zero Burn ที่ร่วมมือกับภาครัฐลดปัญหาที่เกิดจากการเผาของภาคการเกษตรอย่างต่อเนื่อง โครงการเกษตรปลอดนาหว่าน Zero Broadcast ที่ส่งเสริมกลุ่มเกษตรนาแปลงใหญ่ทำเกษตรประณีตด้วยวิธีดำนาและหยอดเมล็ด เพื่อเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนอีกด้วย และในปีนี้สยามคูโบต้าจะเปิดให้บริการ KUBOTA Farm อย่างเต็มรูปแบบ โดยนำแนวคิด KUBOTA (Agri) Solutions หรือ KAS ซึ่งเป็นการจัดการเกษตรกรรมครบวงจรที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคูโบต้ามาประยุกต์ใช้จริง เพื่อเป็นฟาร์มสร้างประสบการณ์การเกษตรสมัยใหม่ในภูมิภาคอาเซียนสมศักดิ์ กล่าว

ขณะที่ พิษณุ มิลินทานุช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการทั่วไป สายงานขาย การตลาดและบริการ เปิดเผยว่า กลยุทธ์ทางการตลาดในปีนี้จะมุ่งเน้นให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) โดยสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการด้วยการมองผ่านมุมมองของลูกค้า รวมถึงการใช้ Big Data สร้างเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายและศูนย์บริการซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ จำนวนกว่า 400 แห่ง ให้มีความแข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพในการทำงาน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์คูโบต้าเสมือนเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้าง (On Your Side)

นอกจากนี้ได้นำแนวคิด Omni Channel มาใช้ในระบบการจัดจำหน่าย มีการเชื่อมโยงลูกค้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยผนวกสื่อออนไลน์เข้ากับออฟไลน์ เน้นการทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เน้นช่องทางการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า Smart Farmer ตลอดจนพัฒนาแอปพลิเคชั่นเวอร์ชั่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ได้แก่ KUBOTA Smart Application สามารถดูข้อมูลสินค้าและกิจกรรมโปรโมชั่นต่างๆ KAS Crop Calendar ปฏิทินเพาะปลูกที่ครอบคลุมทั้งข้าว อ้อย มันสำปะหลัง และข้าวโพด นอกจากนี้ยังมีบริการซื้ออะไหล่ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ เพื่อสอดรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคเกษตร 4.0 อย่างแท้จริง

พิษณุ กล่าวเพิ่มเติมว่า รวมถึงยังนำข้อมูลที่ได้กลับมาต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์และการให้บริการ ที่แม่นยำตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้แบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ และนำเสนอนวัตกรรมเกษตรใหม่ๆ ที่ครอบคลุมการทำเกษตรในกลุ่มพืชที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรมากกว่าการปลูกพืชเชิงเดี่ยว พร้อมออกแคมเปญการตลาด ภายใต้แนวคิด “Best Companion” ที่จะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของเกษตรกรได้สบายใจยิ่งขึ้น

  อ่านเพิ่มเติม  
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine