วอลล์สตรีท อิงลิช พลิกวิฤกตโควิด19 ปรับหมวดธุรกิจ สู่ 3 แพลตฟอร์มใหม่ - Forbes Thailand

วอลล์สตรีท อิงลิช พลิกวิฤกตโควิด19 ปรับหมวดธุรกิจ สู่ 3 แพลตฟอร์มใหม่

FORBES THAILAND / ADMIN
10 Feb 2021 | 07:01 PM
READ 1987

วอลล์สตรีท อิงลิช สถาบันสอนภาษาอังกฤษอันดับ 1 ของประเทศไทย  พลิกวิกฤตจากผลกระทบโควิด 19 ทำให้ผู้เรียนหดหาย 20% สู่ 3 แพลตฟอร์ม ใหม่ คลาสเรียนปกติ, ออนไลน์ และ ออมนิ เลิร์นนิ่ง เผยได้รับผลตอบรับดีโดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัด พร้อมเดินหน้าขยายสาขาลงทุนสู่ประเทศกัมพูชาและลาว กลางปีนี้

ทิศทางการทำธุรกิจในยุคต่อจากนี้ หลังจากได้รับผลพ่วงจากวิกฤตโควิด 19 ไม่ใช่แค่เรื่องของการมองหาความสามารถว่าบริษัทใดพัฒนาเรื่องนั้น เรื่องนี้ เก่งที่สุด แต่เป็นเรื่องของการบริหารงานที่มุ่งเน้นเรื่องของการปรับตัวดีที่สุด  แม้แต่บุคลกรในตลาดแรงงานที่ต้องปรับตัวไปสู่การเพิ่มพูนทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องภาษาอังกฤษที่ยังคงมีความสำคัญติดอันดับ1-3 ที่ทุกคนต้องมีเพื่อให้ตัวเองยังคงมีพื้นที่ในการถูกจ้างงานต่อไปได้ในระยะยาว  เพราะจากสถานการณ์ โควิด 19 ที่ระบาดมาตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อดูข้อมูลของกระทรวงแรงงาน พบว่ามีอัตราการว่างงานและถูกเลิกจ้างในระบบ มากถึง 700,000 คน โอฬาร พิรินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วอลล์สตรีท อิงลิช ประเทศไทย กล่าวว่า จากปัจจัยดังกล่าว ยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ทุกคนต้องปรับตัวเตรียมพร้อมรับมือกับการแข่งขัน ซึ่งคนที่มีความพร้อมในเรื่องทักษะการใช้ภาษาอังกฤษที่ดีจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า เพราะจากการทำสำรวจของ EF Education First ดัชนีวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษของคนไทยอยู่อันดับที่ 75 จาก 100 ประเทศทั่วโลก จัดว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก (every Low) และในปี 2563 อันดับร่วงลงไปอยู่ที่ 89 จาก 100 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นผลพ่วงมาจากไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาทำให้ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษถดถอยลง อย่างไรก็ดี ในแง่ของผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจสถาบันสอนภาษาอังกฤษ วอลล์สตรีทฯ เองก็ต้องปรับตัวเช่นกันเพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์โควิด 19 สถาบันสอนภาษา ถือว่าได้ผลกระทบต้องปิดกิจการ งดการเรียน การสอน ในระดับต้นๆ ก่อนใคร ดังนั้นสิ่งที่ วอลล์สตรีท อิงลิช ปรับตัวในช่วงที่ผ่านมา  คือ การพัฒนารูปแบบการสอนไปสู่ 3 แพลตฟอร์ม คือ 1.คลาสเรียนปกติ 2.การเรียนออนไลน์ และ 3. ออมนิ เลิร์นนิ่ง ที่เป็นการผสมผสานการเรียนระหว่างการเข้าเรียนที่สาขากับออนไลน์ ทั้ง 3 แพลตฟอร์มนี้นอกจากตอบสนองความต้องการของผู้เรียนที่ไม่ต้องเดินทางมาเรียนที่สาขา เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อแล้ว อนาคตยังเป็นช่องทางการเรียนที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้เรียนกลุ่มคนวัยทำงาน, เจ้าของธุรกิจที่ต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษแต่ไม่สะดวกเดินทางมาเรียนที่คลาสของสาขา
โอฬาร พิรินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วอลล์สตรีท อิงลิช ประเทศไทย
นอกจากนี้วอลล์สตรีท อิงลิช ยังได้เสริมกลยุทธ์เพื่อพัฒนาช่องทางการเรียนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ให้เกิดความแตกต่างไม่เหมือนใคร โดยการมี Coach คนไทยเก่งภาษาอังกฤษโทรศัพท์ไป Folow up นักเรียนวันต่อวันเพื่อเป็นการช่วยกระตุ้นนักเรียนให้ยังคงเกาะติดกับการเรียนต่อไป ไม่เพียงแค่การจัด Class เรียนสอนสดครั้งละ 4 คน เหมือนการเข้ามาเรียนในคลาสปกติ เท่านั้น แต่ยังมีการให้นักเรียนสามารถ Book Class ตามเวลาสะดวกที่สามารถเข้ามาเรียนได้ แม้ปีที่ผ่านมาธุรกิจของเราจะได้ผลกระทบจากโควิด 19 ทำให้ผู้เรียนลดลงร้อยละ 25 แต่ในอนาคตอีก 2-3 ปี ข้างหน้า รูปแบบการเรียนผ่านออนไลน์ จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 เพราะการเรียนออนไลน์มีส่วนทำให้บริษัทได้เกิดการขยายฐานลูกค้าไปจับกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในต่างจังหวัดได้มากขึ้น และถือว่าเป็บฐานการตลาดที่ใหญ่ด้วย เมื่อเทียบกับอดีตถ้ายังไม่เกิดการระบาโควิด 19 การจะขยายตลาดไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดก็ต้องเป็นเรื่องของการเข้าไปลงทุนเปิดสาขา ซึ่งปัจจุบัน วอลล์สตรีท อิงลิช ในต่างจังหวัด มีอยู่ 3 สาขา คือ เชียงใหม่, ขอนแก่น และ ระยอง "เรียกได้ว่าการเกิดโควิด 19 ทำให้เราเห็นโอกาสและพัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และความเหมาะสม แต่ไม่ว่าจะเลือกเรียนแบบไหนทุกแพลตฟอร์ม ที่สอนทั้งหมด 20 ระดับถูกการันตีความสำเร็จที่ 97% ร่วม 5 ทศวรรษของ วอลล์สตรีท อิงลิช ที่ได้รับการยอมรับจาก Common European Framework of Reference for Languages (CEFR) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ยอมับในระดับสากล" นอกจากนี้ โอฬาร กล่าวเสริมว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนมุ่งหน้าขยายการลงทุนธุรกิจ วอลล์สตรีท อิงลิช อีก 2 แห่งคือ พนมเปญ ประเทศ กัมพูชา และ หลวงพระบาง ประเทศ ลาว ในฐานะที่เป็น Master Franchise โดยที่กัมพูชาได้เซ็นสัญญาแล้วและจะเริ่มเปิดธุรกิจได้กลางปี 2564 นี้ ขณะเดียวกันบริษัทยังเข้าไปร่วมกับสถาบันการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย 2แห่งคือ มหาวิทยาลัยศรีปทุม และ มหาวิทยาลัย เซาธ์อีสเอเชีย ที่ติดต่อเข้ามาให้ทาง วอลล์สตรีท อิงลิช นำหลักสูตรการเรียน การสอนภาษาอังกฤษ เข้าไปสอนให้นักศึกษาดังกล่าว นับเป็นอีกความสำเร็จหนึ่งในการเข้าไปช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษให้กับคนไทยที่จะสามารถออกไปแข่งขันยังตลาดโลกได้ ปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมของสถาบันสอนภาษา อยู่ที่ 3,500 ล้านบาท วอลล์สตรีท อิงลิช ถือเป็นว่าผู้นำมีสัดส่วนการตลาดอยู่ที่ร้อยละ 30 ส่วนด้านยอดขายปีที่ผ่านมาลดลงร้อยละ 20-30 จากผลกระทบโควิด 19 แต่เชื่อมั่นว่าในปีนี้ทุกๆ อย่างในภาพรวมของสภาวะเศรษฐกิจประเทศไทย จะค่อยๆ กลับฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ อีกครั้งหนึ่ง อ่านเพิ่มเติม: จ๊อบส์ ดีบี เปิดรายงาน “เงินเดือนพนักงานไทย” ประจำปี 2564