[ล่าสุด] "CP-ITOCHU" ทุ่ม 350,000 ล้านบาท ซื้อหุ้น CITIC ในจีน - Forbes Thailand

[ล่าสุด] "CP-ITOCHU" ทุ่ม 350,000 ล้านบาท ซื้อหุ้น CITIC ในจีน

FORBES THAILAND / ADMIN
22 Jan 2015 | 08:01 AM
READ 12357
"เครือเจริญโภคภัณฑ์" (CP) จับมือ "อิโตชู" (ITOCHU) บริษัทการค้าจากญี่ปุ่น ซื้อหุ้น CITIC Limited ยักษ์ใหญ่ของประเทศจีน 20% เฉพาะบริษัทญี่ปุ่นถือเป็นการลงทุนในจีนครั้งใหญ่สุด ขณะที่นักวิเคราะห์ร่วมชาติกังวลในความเสี่ยงสูง แถมอาจใช้เงินกู้ จนหุ้น ITOCHU ร่วงประเดิม

 
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์และอิโตชู คอร์ปอเรชั่น บริษัทการค้าชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ได้เข้าไปลงทุนในบริษัท CITIC Limited ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่และมีธุรกิจหลากหลายที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีน และยังเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (ดัชนีฮั่งเส็ง) 
 
ประธานเครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวอีกว่า การลงทุนครั้งนี้เป็นการสร้างความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่ระหว่างบริษัทชั้นนำของเอเชียได้แก่ ไทย ญี่ปุ่น และจีน เพื่อแสวงหาโอกาสทางการค้าการลงทุนทั้งในเอเชียและทั่วโลก ซึ่งจะเสริมศักยภาพของภาคธุรกิจในเอเชียให้โดดเด่นบนเวทีโลก
 
“เครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นบริษัทต่างชาติแห่งแรก ที่เข้าไปลงทุนในจีนตั้งแต่ปี 2522 หลังจากที่จีนได้เริ่มเปิดประเทศ วันนี้ผมรู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่มีขนาดใหญ่และหลากหลายที่สุดแห่งของจีน” นายธนินท์กล่าว

CITIC Limited คือหนึ่งในกลุ่มธุรกิจใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีน ประกอบธุรกิจหลากหลายประเภท อาทิ การให้บริการทางการเงิน ทรัพยากร และพลังงาน การผลิต อสังหาริมทรัพย์ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การก่อสร้าง และอื่น ๆ ทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศ มีพนักงานกว่า 120,000 คน กระจายอยู่ในจีน ฮ่องกง และประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก  ปัจจุบันจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ถือว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุด ในดัชนีฮั่งเส็ง ทั้งนี้โดยมี ซิติก กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น  ถือหุ้นอยู่ใน CITIC Limited รวม จำนวน 78%
 
การร่วมลงทุนระหว่างเครือเจริญโภคภัณฑ์และอิโตชูครั้งนี้ ได้ตกลงให้บริษัทเจียไต๋ ไบรท์ อินเวสต์เม้นท์ จำกัด หรือ CT Bright ซึ่งเป็นบริษัทที่เครือเจริญโภคภัณฑ์และอิโตชูเป็นเจ้าของร่วมกันในสัดส่วน 50:50  เข้าไปลงทุนใน CITIC Limited รวมทั้งสิ้น 80,000 ล้านเหรียญฮ่องกง หรือประมาณ 343,000 ล้านบาท โดยร่วมกันลงทุนฝ่ายละประมาณ 171,500 ล้านบาท
 
ทั้งนี้ การลงทุนประกอบด้วย 2 ธุรกรรม ธุรกรรมแรก) CT Bright จะซื้อหุ้น CITIC Limited จำนวน 2,490,332,363 หุ้น คิดเป็น 10% ของ CITIC Limited มูลค่าประมาณ 150,000 ล้านบาท และหุ้นดังกล่าวถือครองโดย CITIC Group ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐบาลจีน ซึ่งในปัจจุบันถือครองหุ้นจำนวน 78%ใน CITIC Limited และธุรกรรมที่ 2) เป็นการลงทุนโดยการซื้อหุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพ ซึ่ง CITIC Limited จะออกหุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพจำนวน 3,327,721,000 หุ้นแก่ CT Bright ในมูลค่า ประมาณ 194,000  ล้านบาท
 
ทั้งสองธุรกรรมนี้มีราคาซื้อขายอยู่ที่ 13.80 เหรียญฮ่องกงต่อหุ้น หรือประมาณ 58 บาทต่อหุ้น การซื้อขายหุ้นครั้งนี้จะต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง และการออกหุ้นบุริมสิทธิจะต้องได้รับอนุมัติจากการประชุมผู้ถือหุ้นอิสระรายย่อยของ CITIC Limited ในการประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เมื่อการดำเนินการทั้งสองธุรกรรมเสร็จสิ้น จะส่งผลให้ CT Bright เป็นผู้ถือหุ้นใน CITIC Limited คิดเป็นสัดส่วน 20% ของหุ้น CITIC Limited ทั้งหมด 

Chang Zhenming ประธานกรรมการ CITIC Limited เปิดเผยว่า การเข้าถือหุ้นใน CITIC Limited ครั้งนี้ จะทำให้บริษัทระดมเงินจากการเพิ่มทุนได้ประมาณ 46,000 ล้านเหรียญฮ่องกง หรือประมาณ 194,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปพัฒนาธุรกิจต่างๆ รวมทั้งลงทุนในโอกาสใหม่ๆ ในจีน
 
Masahiro Okafuji ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร ITOCHU Corporation กล่าวว่า บริษัทพยายามมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจในจีนและเอเชีย จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรกับ CP และ CITIC ซึ่งต่างเป็นบริษัทชั้นนำของภูมิภาคนี้ โดยเชื่อมั่นว่าการร่วมทุนนี้จะเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตลอดจนเสริมความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่น จีน ไทยและประเทศในเอเชีย
 
“ITOCHU เติบโตก้าวหน้ามาจนถึงปัจจุบันนี้ เพราะความทุ่มเทและอุทิศตนของผู้บริหารในรุ่นก่อนๆ การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นผลของความพยายามในการสร้างธุรกิจของเราในจีนมาตั้งแต่ได้รับ การยกย่องจากรัฐบาลจีนให้เป็น “บริษัทการค้าที่เป็นมิตร” (Friendly trading house) เมื่อปี 2515” Okafuji กล่าว
 
ทั้ง CP และ ITOCHU นั้น ต่างเป็นผู้บุกเบิกการลงทุนในจีนนับตั้งแต่จีนเปิดประเทศ ได้มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยเมื่อปี 2554 ITOCHU ได้ลงทุนมูลค่า 3,300 ล้านบาทในธุรกิจการจัดการทรัพย์สินในฮ่องกงของ CITIC Group และยังได้ลงนามในข้อตกลงร่วมมือเชิงธุรกิจกันอีกด้วย และเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา CP และ ITOCHU ได้ลงนามความร่วมมือเชิงกลยุทธเพื่อสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจการค้าและการลงทุนไปทั่วโลก
 
ITOCHU Corporation เป็นหนึ่งในบริษัทการค้าชั้นนำระดับโลกในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2401 ก่อตั้งโดย Chubei Itoh เริ่มต้นด้วยธุรกิจค้าขายผ้าลินิน ตลอดเวลากว่า 150 ปี มีบริษัทในเครือกว่า 130 แห่งใน 65 ประเทศทั่วโลก ดำเนินธุรกิจในด้านต่าง ๆ เช่น สิ่งทอ เครื่องจักร โลหะเกลือแร่ พลังงาน เคมีภัณฑ์ อาหาร เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร อสังหาริมทรัพย์ ประกันภัย บริการโลจิสติกส์ การก่อสร้างและการเงิน ตลอดจนการลงทุนในธุรกิจต่างๆ ทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม หลังการแถลงข่าวดีลใน Citic หุ้นของ Itochu ร่วงลง 2.5% ในขณะที่ Citic กลับเพิ่มขึ้น 1.5%

เดิมพันครั้งใหญ่ของ ITOCHU
 
Thomson Reuters รายงานว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เกิดข้อตกลงพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างบริษัทจีนกับญี่ปุ่นเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ด้วยเม็ดเงินที่ไม่มากนัก เฉพาะปีที่ผ่านมามีบริษัทญี่ปุ่นเข้าซื้อกิจการในประเทศจีนรวม 55 ครั้ง รวมมูลค่า 772 ล้านเหรียญ
 
การลงทุนในคราวนี้ของ Itochu ถือว่าเป็นการลงทุนของญี่ปุ่นในประเทศจีนที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดมา และยังเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดของบริษัทญี่ปุ่นแห่งนี้  ซึ่งพยายามขยายขอบเขตการทำธุรกิจไปยังสาขาที่ไม่ต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนอย่างหนัก ในช่วงขาขึ้นของกิจการสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลกต้นทศวรรษ 2010
 
ก่อนการดีลครั้งใหญ่นี้ Itochu ได้ทุ่มเงินถึง 1.56 แสนล้านเยน เข้าซื้อกิจการบางส่วนของ Dole Foods ผู้ผลิตผักผลไม้รายใหญ่ของสหรัฐฯ ในปี 2013
 
“ภายในปี 2017 เชื่อได้ว่าเราจะเป็นบริษัทการค้าระดับนำของญี่ปุ่นที่มั่นคงได้ และบางทีอาจจะก้าวสู่จุดสูงสุดของอุตสาหกรรม” Masahiro Okafuji ประธานกรรมการ ITOCHU ประกาศระหว่างการแถลงข่าว
 
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายกล่าวว่า การลงทุนด้วยเงินขนาดนี้อาจจำเป็นต้องกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งมีความเสี่ยงสำหรับ Itochu ที่มีมูลค่าตลาดมากกว่าเพียง 2 ล้านล้านเยน
 
“จากมุมมองด้านความเสี่ยงแล้ว ดูเหมือนว่าจะเสี่ยงสูงมาก” Yasuhiro Narita นักวิเคราะห์จาก Nomura Securities กล่าว “Citic เป็นบริษัทที่ประกอบกิจการหลากหลาย ซึ่งรวมทั้งด้านอสังหาริมทรัพย์และการแปรรูปวัตถุดิบ ที่มีแต่จะซบเซาลงทุกวัน ทำให้เราคาดการณ์ถึงความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้”
 
อย่างไรก็ตาม ประธานกรรมการ Itochu ตอบข้อสงสัยนี้ว่า เป็นการลงทุนในระยะยาว แต่ก็สามารถขายหุ้นที่ถือไว้เพื่อทำกำไรได้ หากมีความจำเป็น

 

ข่าวอื่นๆ