"ยาแรง" ปลุกชีพ Tesco ขาย Lotus อึมครึม

9 มกราคม 2558 - แผนฟื้นฟูธุรกิจและผลประกอบการช่วงคริสต์มาสช่วยทำให้อนาคต Tesco สดใสขึ้น นักลงทุนตอบรับ หุ้นพุ่งเพิ่มขึ้น 14.97% นักวิเคราะห์ยอมรับในความกล้าของผู้บริหาร ขณะที่การขาย Tesco Lotus ในไทยยังอึมครึมต่อไป

 

หลังเปิดเผยผลประกอบการช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่ดีเกินคาด รวมทั้งมาตรการฟื้นฟู Tesco ของซีอีโอ Dave Lewis ทำให้หุ้น Tesco ปรับตัวสูงขึ้นตลอดทั้งวันที่ 8 มกราคม จนปิดวันที่ 14.97% ในราคา 209.25 ปอนด์ (+27.25)  แสดงให้เห็นถึงสัญญาณตอบรับแนวทางกู้วิกฤติของซีอีโอ ผู้ที่ได้รับฉายาว่า "เดพขาโหด" (Drastic Dave) จากวิธีการปรับลดค่าใช้จ่ายแบบเข้มงวด ขณะบริหารงานที่ Unilever  ซึ่งเขาได้นำมาตรการขั้นรุนแรง กลับมาใช้แก้ปัญหา Tesco อีกครั้ง

 

เขาแถลงว่า ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เป็นเรื่องยากแสนสาหัส แต่เชื่อมั่นว่าจะเป็นที่พอใจของผู้เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจทุกคน แม้ว่า Tesco จำจะต้องเดินหน้ายอมรับความจริงก็ตาม

 

"ผลประกอบการล่าสุดของเรานั้น ช่วยให้เรามั่นใจว่าเมื่อเราร่วมมือกัน และให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก นั่นคือหนทางที่ถูกต้องแล้ว" Lewis กล่าว

 

วิกฤติ Tesco สะสมมานานกว่าสองปีแล้ว จากยอดขายที่ตกต่ำ ผลกำไรที่ลดลง ซ้ำร้ายยังเกิดเรื่องอื้อฉาวทางบัญชี ที่มีการลงผลกำไรเกินจริงถึง 263 ล้านปอนด์ จนต้องถูกสอบสวน ปัญหาใหญ่ที่ผู้บริหารต้องเผชิญขณะนี้คือ ยอดหนี้สะสมที่สูงถึง 7.5 พันล้านปอนด์

 

มาตรการสำคัญเพื่อฝ่าวิกฤติครั้งใหญ่ในรอบ 96 ปี ของยักษ์ใหญ่ค้าปลีกแห่งอังกฤษ ก็คือ การปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อลดงบประมาณให้ได้ปีละ 250 ล้านปอนด์ ซึ่งผู้บริหาร Tesco ชี้แจงเพิ่มเติมว่า แผนงานสำคัญก็คือยกเลิกโครงการบำนาญของพนักงาน และลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการลง 30% โดยไม่ได้ให้ความชัดเจนว่าจะต้องปลดคนงานกี่ตำแหน่ง

 

ปิดร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายสะดวกซื้อ Tesco Express ที่ไม่ทำกำไรรวม 43 แห่ง ทบทวนแผนงานก่อสร้างร้านสาขาใหม่ 49 แห่ง ซึ่งรวมถึง Tesco Extras ร้านสาขาขนาดใหญ่ด้วย และ ตัดงบลงทุนประจำปี 2015/16 ให้เหลือ 1 พันล้านปอนด์ 

 

ในวันเดียวกับการประกาศแผน Tesco ประกาศลดราคาขายปลีกครั้งใหญ่ จนทำให้ราคาขายสินค้าปรับลดลงโดยเฉลี่ยถึง 25%  เพื่อทำ "สงครามราคา" กับห้างร้านค้าปลีกรายอื่นๆ ที่ต่างหั่นราคาเพื่อต่อสู้กับ discount store

 

ปิดสำนักงานใหญ่ที่ Cheshunt ในปี 2016 เพื่อยุบรวมกับสำนักงานที่ Welwyn Garden City  แม้ว่าสำนักงานทั้งสองแห่งจะอยู่ในเมือง Hertfordshire ด้วยกัน แต่สำนักงานใหญ่ที่ Cheshunt ซึ่งมีพนักงานประจำถึง 3,000 คน เป็นสำนักงานเก่าแก่ ย้อนกลับไปถึงยุคของ Jack Cohen ผู้ก่อตั้ง Tesco ทำให้มองกันว่าความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เป็นการนำ Tesco เข้าสู่ยุคใหม่

 

"ผมไม่ใช่นักศึกษาประวัติศาสตร์ของ Tesco" เขาย้ำว่า "ผมต้องมองที่ธุรกิจในวันนี้ เราต้องรับฟังลูกค้า และต้องนำมาเปรียบเทียบกันสิ่งที่เราเป็นในปัจจุบัน"

 

ส่วนแผนการการขายทรัพย์สิน มีความชัดเจนแค่การขายกิจการ Tesco Broadband และวิดีโอสตรีมมิ่ง Blinkbox ให้บริษัทมือถือ TalkTalk เป็นเงินสดราคา 5 ล้านปอนด์  ส่วนบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ Dunnhumby ซึ่งอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของบัตร Clubcard นั้น ได้แต่งตั้ง Goldman Sachs มาศึกษาหาช่องทางทำกำไรสูงสุด

 

สำหรับการขายกิจการ Tesco Lotus ในไทยนั้น ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ ที่สำคัญ Lewis ตอบคำถามสื่อมวลชนแบบไม่ผูกมัด 

 

"เรายังคงเป็นเจ้าของทรัพย์สินในต่างประเทศเหล่านี้ จนกว่าจะตัดสินใจเป็นอย่างอื่น งบดุลและสภาพคล่องของเรามีความแข็งแกร่ง... แต่ในวันนี้ยังไม่ใช่จุดจบของเรื่อง"

 

David McCarthy นักวิเคราะห์จาก HSBC ยอมรับว่า แถลงการณ์ครั้งนี้เป็นบวกในหลายเรื่อง โดยเฉพาะแสดงให้เห็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่เกิดจากความกล้าตัดสินใจของ Dave Lewis ที่จะทำให้งบดุลเริ่มเข้าสู่ความสมดุล และไม่หวั่นกลัวใดๆ ที่จะปิดสำนักงานใหญ่ที่ Cheshunt

 

"ไม่อยากจะเชื่อว่าวันนี้จะมีข่าวดี แม้จะรู้ว่าไม่มีการจ่ายปันผลก็ตาม และไม่มีความคืบหน้าการขายทรัพย์สินชิ้นใหญ่ๆ เลย  แต่เรารู้ว่ากระบวนการกำลังเดินอยู่"

 

Kamal Ahmed บรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจ BBC กลับเห็นว่า ผู้บริหารต้องระวังในการเลือกใช้แผนการดังกล่าว เพราะอาจนำกลับไปสู่วังวนของปัญหา ไม่ว่าจะเลือกเปิดหรือปิดร้านก็ตาม เนื่องจากการวางแผนและการก่อสร้างซุปเปอร์มาร์เก็ตต้องใช้เวลานานเป็นปีๆ แต่หากเศรษฐกิจดีขึ้น คนมีรายได้เพิ่มขึ้นบ้าง เชื่อว่าพวกเขาจะกลับมาจับจ่ายในร้านอีกครั้ง

 

ดังนั้น การมีร้านค้าที่เปิดดำเนินการไว้พร้อม เป็นช่องทางสำคัญที่จะแย่งชิงลูกค้ารายใหม่ๆ  เห็นได้จากห้างสัญชาติเยอรมัน Aldi และ Lidl ที่เร่งเปิดร้านแทบจะทันทีที่หาพื้นที่ได้