มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. เปิดตัว CEO ใหม่ เร่งขยายสาขา เจาะกำลังซื้อสังคมเมือง - Forbes Thailand

มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. เปิดตัว CEO ใหม่ เร่งขยายสาขา เจาะกำลังซื้อสังคมเมือง

FORBES THAILAND / ADMIN
19 Jan 2022 | 03:01 PM
READ 3301

"มิสเตอร์. ดี. ไอ. วาย." ผู้ค้าปลีกสินค้าตกแต่ง และซ่อมแซมบ้านรายใหญ่ที่สุดจากประเทศมาเลเซีย ประกาศแผนปี 2565 เตรียมขยายสาขาครอบคลุมทั่วประเทศมากกว่า 500 แห่งในไทย ตั้งเป้าก้าวขึ้นเป็นอันดับ 2 ภูมิภาคเอเชีย

การประกาศแนวรุกครั้งนี้  มิสเตอร์. ดี. ไอ. วาย. ปรับทัพใหม่ได้ แอนดี้ ชิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารคนรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์พร้อมเดินหน้าลงทุนสาขาใหม่เพื่อเจาะกำลังซื้อคนเมืองที่ต้องการสินค้าตกแต่งบ้านในราคาที่จับต้องได้ แผนรุกธุรกิจปี 2565 ตลาดสินค้าตกแต่งบ้านเริ่มกลับมามีสีสันตั้งแต่ต้นปี 2565 จากหลายแบรนด์ในตลาด หนึ่งในนั้นมี  มิสเตอร์. ดี. ไอ. วาย. แบรนด์จากมาเลเซียที่เข้ามาสร้างฐานตลาดในไทยครบ 6 ปีเต็ม แอนดี้ ชิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยในฐานะผู้บริหารระดับสูงคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2565 ว่า “แม้ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 ยังแพร่ระบาดอยู่ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงประเทศไทย แต่มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย.ยังคงให้ความสำคัญกับตลาดในไทย เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีการเติบโตทุกปี” โดยแผนการตลาดในปี 2565 จะเน้นไปที่การขยายสาขาให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายใน 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. กลุ่มนักเรียน นักศึกษาอายุตั้งแต่ 18-20 ปี 2. กลุ่มเพิ่งเริ่มทำงาน อายุตั้งแต่ อายุ 20-25 ปี, 3. กลุ่มพ่อบ้าน อายุ 35-45 ปี 4. กลุ่มแม่บ้าน อายุ 35-45 ปี และ 5.กลุ่มวัยเกษียณ อายุ 60 ปีขึ้นไป “สินค้าที่เราจำหน่ายมีครบครัน มีมากกว่า 18,000 รายการ ครอบคลุมทุกหมวดหมู่สินค้า ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกระดับ ในราคาที่จับต้องได้” แอนดี้ ชิน กล่าว  ปั้นโมเดลร้านใหม่เจาะทุกความต้องการ ภายในปีนี้ มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. เตรียมพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาด โดยปัจจุบันมีสาขามี 2 รูปแบบคือ ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า  และ สแตนอโลน เฉลี่ยพื้นที่ 800 – 1,000 ตารางเมตร ขณะเดียวกันก็เตรียมเปิดแฟล็กชิพสโตร์ สาขาแรกในช่วงกลางปีที่จะมีขนาดพื้นที่ใหญ่ขึ้นรองรับความต้องการของตลาดและสินค้าในกลุ่มตกแต่งบ้านที่มีมากถึง 10 หมวดหมู่  18,000 รายการ “สำหรับแฟล็กชิพสโตร์นี้ถูกออกแบบในคอนเซ็ปต์ที่เรียบง่าย พร้อมการตกแต่งสไตล์โมเดิร์น และทางเดินที่ใหญ่ขึ้นเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกซื้อสินค้าได้อย่างสะดวกสบาย” แอนดี้ ชิน กล่าว สำหรับแผนการขยายสาขาในปี 2565 ตั้งเป้าหมายขยายสาขาให้ครบหรือมากกว่า 524 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 400 สาขา ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจในกลุ่มสินค้าต่อเติมหรือซ่อมแซมบ้านที่มีสาขามากที่สุดในประเทศ   ซึ่งการขยายสาขาดังกล่าวจะทำให้ไทยมีสาขามากสุดรองจากประเทศมาเลเซีย โดยทั่วโลกเรามีมากกว่า 1,800 สาขา ขณะที่บริษัทแม่มีแผนจะขยายไปในแถบยุโรปด้วย โดยสาขาทั้งหมดที่เปิดให้บริการ มีสัดส่วนเป็นสาขาในต่างจังหวัดร้อยละ 58 อีก 42 ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ลุยแคมเปญ ก้าวสู่ปีที่ 6 ในส่วนของแผนการตลาดในช่วงก้าวสู่ปีที่ 6 ในปี 2565 มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย.ประเทศไทย  จัดโปรโมชั่นต้อนรับปีใหม่ ฉลองยิ่งใหญ่ครบ 400 สาขา ที่มีการลดราคาสูงสุดถึง 40 เปอร์เซ็นต์ พร้อมเปิดแคมเปญ “ราคาสุดคุ้ม ช้อปสนุก เต็มตะกร้า” เพื่อชูจุดขายในเรื่องความหลากหลายของสินค้า ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์เครื่องมือช่าง เครื่องใช้ภายในครัวเรือน อุปกรณ์ประดับยนต์ อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่น ๆ อีกหลายรายการ  รวมทั้งสินค้าราคาพิเศษภายใต้แบรนด์มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. ให้ลูกค้าได้สนุกไปกับการเลือกซื้อสินค้าได้เต็มตะกร้า ในราคาถูกเสมอและเพื่อต้อนรับปีเสือ มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. มาพร้อมขบวนสินค้าตกแต่งบ้านเพื่อต้อนรับเทศกาล ตรุษจีน พิเศษซื้อครบ 300 บาท รับฟรี ซองอั่งเปา 1 แพ็ค (4 ชิ้น) แอนดี้ กล่าวเสริมว่า แม้สถานการณ์โควิด-19 ยังระบาดอยู่ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงประเทศไทย แต่มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. ยังคงให้ความสำคัญและมุ่งมั่นกับการทำตลาดในไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มอัตราการจ้างงานมากกว่า 2,000 อัตรา และมีแผนจะเพิ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งในช่วง 2 ปีที่เกิดโควิด-19 บริษัทฯ พบว่า ยอดการใช้จ่ายต่อคนนั้นไม่ได้ลดลง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 150-170 บาทต่อคนต่อรอบบิล สำหรับมิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. เปิดสาขาแรกในปี 2548 ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย มีการเติบโตเรื่อยมาจนกลายเป็นผู้ค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าต่อเติมหรือซ่อมแซมบ้านรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย โดยทำการขยายสาขาไปยังประเทศต่าง ๆ อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย บรูไน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา อินเดีย และตุรกี อ่านเพิ่มเติม: Kantar เผย Functional Drink ยังมาแรง
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine