ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส เร่งขยายตู้อัตโนมัติ “เต่าบิน” ครบ 5,000 ตู้ปีนี้ ความหวังสร้างรายได้ปีนี้ หลังตู้บุญเติมยอดตกจากภาวะเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ ค่าครองชีพพุ่ง พร้อมเตรียมเปิดบริการทางการเงินครบวงจร ภายใต้แบรนด์ SABUY ภายในสิ้นปี เพิ่มธุรกรรมกว่า 20 ล้านรายการ
บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART ผู้ให้บริการตู้อัตโนมัติ “บุญเติม” และ “เต่าบิน” เปิดเผยทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 จะเร่งขยายตู้เครื่องดื่มอัตโนมัติ “เต่าบิน” ธุรกิจสร้างรายได้ใหม่ (นิว เอส เคิร์ฟ) ให้ครบ 5,000 ตู้ ภายในปี 2565 โดยเร่งให้ถึงเป้าหมายเปิดให้บริการรวม 20,000 ตู้ ขายวันละ 1 ล้านแก้ว ซึ่งจะสร้างรายได้ถึง 1 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2567 ณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ฟอร์ท สมาร์ทฯ มี 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ หนึ่งตู้เติมเงินและชำระเงิน “บุญเติม” ซึ่งเป็นรายได้หลัก มีจำนวน 130,000 ตู้ มีแผนขยายช่องทางใหม่ แพลตฟอร์มบนมือถือ เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ สองตัวแทนธนาคารและบริการทางการเงินครบวงจร หรือธนาคารชุมชน ที่จะขยายบริการด้านสินเชื่ออย่างครบวงจร และเพิ่มบริการถอนเงินผ่านบัตรเอทีเอ็ม โดยคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีธุรกรรมกว่า 22 ล้านรายการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10-15% และสามธุรกิจตู้อัตโนมัติ “เต่าบิน” และตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจสร้างรายได้ใหม่ (นิว เอส เคิร์ฟ) ให้กับบริษัท ปัจจุบันมีการติดตั้งตู้เต่าบินประมาณ 2,700 ตู้ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล มีแผนขยายให้ครบ 5,000 ตู้ในปีนี้ และตามเป้าหมายจะติดตั้งตู้เต่าบินทั้งหมด 20,000 ตู้ มียอดขายวันละ 1 ล้านแก้ว ซึ่งจะสร้างรายได้ถึง 10,000 ล้านบาท “ยอดขายของตู้เต่าบินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปลายปี 2564 มียอดขายวันละ 47 แก้วต่อตู้ ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 76 แก้วต่อตู้ โดยเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมามียอดขาย 140 ล้านบาท กำไร 32 ล้านบาท จะเห็นเทรนด์การเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีลูกค้าที่มีลอยัลตี้ เช่น กลุ่มเด็กและวัยรุ่น ซึ่งเราจะเพิ่มเมนูใหม่ ๆ เพื่อรองรับกลุ่มนี้ คาดว่าสิ้นปีจะมีกว่า 200 เมนู” สำหรรับธุรกิจนิว เอส เคิร์ฟอีกตัวหนึ่งของฟอร์ท สมาร์ทฯ คือตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องรอเวลาสักระยะให้มีปริมาณรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ขณะนี้ อยู่ระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ใช้งานง่าย สะดวก เพิ่มหน้าจอทัชสกรีน รวมถึงการระบบชำระเงิน ณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้จดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว และมองว่าตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า จะเป็นจุดแข็งของบริษัท ที่ขยายบริการเพิ่มเติมได้ ด้วยโมเดลธุรกิจเครื่องชาร์จในราคาถูกที่สุดในตลาด เนื่องจากสามารถผลิตเองได้ และสร้างรายได้จากบริการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
ไตรมาส 2 กำไรลดจากภาวะเศรษฐกิจ
สำหรับไตรมาสที่ 2 บริษัทฯมีรายได้ 583.56 ล้านบาท ลดลงร้อยะ 1 ขณะที่กำไรอยู่ที่ 82.89 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 26.61 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว รายจ่าย และค่าครองชีพของผู้บริโภคสูงขึ้น ทั้งอัตราเงินเฟ้อ ราคาพลังงาน ทำให้กำลังซื้อลดลง สำหรับยอดเติมเงินผ่านตู้บุญเติม ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 9,162 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ขณะที่การทำธุรกรรมลดลงเช่นเดียวกัน ทำให้กำไรโดยรวมลดลง แต่มีกำไรในส่วนของตู้เต่าบินที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine