ธุรกิจยาในประเทศไทย มีมูลค่า 9 หมื่น - แสนล้านบาท และเติบโตต่อเนื่องทุกปี ขณะที่สังคมไทยที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และสถานการณ์โรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้น อย่างโควิด-19 ทำให้ธุรกิจร้านขายยาเติบโต เป็นธุรกิจบลู โอเชี่ยน ที่มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Big Player ร้านขายยาฟาสซิโนถึงเวลาต้องปรับตัว และมุ่งสู่โมเดลธุรกิจใหม่ ภายใต้การนำของ ญาณิน พิศาลวาเลิศ ทายาทรุ่นที่ 2
จากร้านขายยาคูหาเดียวที่หน้า รพ.ศิริราช ในชื่อ “เภสัชสัมพันธ์” ก่อตั้งโดย เภสัชกร ไชยเสน และ เภสัชกรหญิง อรพินท์ พิศาลวาเลิศ สู่ร้านขายยา ฟาสซิโน (Fascino) ตลอดระยะเวลากว่า 37 ปี ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างแบรนด์และจุดเด่นของฟาสซิโน ร้านขายยาที่มีสินค้าครบครันมากที่สุดกว่า 10,000 รายการ วันนี้ทายาทรุ่น 2 ญาณิน พิศาลวาเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรฟาสซิโน และบริษัท ฟาร์มาฮอฟ จำกัด พร้อมแล้วที่จะพาฟาสซิโนไปสู่เป้าหมายใหม่ ในการเป็น “Healthcare Destination”สร้างโมเดลธุรกิจที่หลากหลาย
“คุณพ่อ คุณแม่ ก่อตั้งธุรกิจร้านขายยา จากการที่มี passion สูงมาก ซึ่งชื่อฟาสซิโน เป็นภาษาอิตาลีที่แปลว่าลุ่มหลง อยากทำร้านขายยาที่มีสินค้าครบครัน ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า เราเองก็เติบโตจากร้านขายยา เมื่อมารับไม้ต่อ ก็มีทั้ง passion ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ การบริหารงานอย่างมืออาชีพ และเพิ่มอินโนเวชั่นเข้าไป เพื่อทำให้ฟาสซิโนเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง” ญาณินกล่าว นอกจากจุดเด่นเรื่องมีสินค้าครบครันกว่า 10,000 รายการแล้ว ฟาสซิโน มีสาขารวม 105 สาขา เป็นสาขาของบริษัท 100 สาขา กรุงเทพและปริมณฑล 26 สาขา ต่างจังหวัด 74 สาขา และเป็นสาขาแฟรนไชส์ 5 สาขา และในปี 2564 จะขยายสาขาเพิ่มอีก 20 แห่ง ญาณิน กล่าวว่า บริษัทไม่เน้นขยายสาขาแฟรนไชส์ เพราะต้องการควบคุมคุณภาพ และอยากได้คนที่รู้จริงในเรื่องยามาเป็นผู้ลงทุน บริษัทจึงจำกัดให้เฉพาะเภสัชกรเท่านั้นที่จะมาซื้อแฟรนไชส์ได้ เพื่อรักษามาตรฐานของแบรนด์ฟาสซิโนให้เติบโตไปด้วยกัน และถ้าเป็นเภสัชกรที่เคยทำงานกับบริษัทครบ 3 ปี จะได้สิทธิซื้อแฟรนไชส์ในราคา 50 % จาก 1,500,000 บาท เหลือเพียง 750,000 บาทเท่านั้น โดยที่บริษัทจะสนับสนุนระบบซอฟต์แวร์ มีทีมที่ปรึกษา ช่วยวิเคราะห์ทำเลร้าน วางแผนตกแต่งภายใน และส่วนลดในการซื้อสินค้ากว่า 10,000 รายการ ปัจจุบัน ฟาสิโน มีโมเดลธุรกิจ 6 แบบ ได้แก่ 1. Grab&Go รูปแบบร้านขนาดเล็กอยู่ในร้านแฟมิลี่มาร์ท และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ 2. Community Pharmacy ร้านขายยาในชุมชน เช่น ปั๊มน้ำมันต่างๆ 3. Hyper Market ในห้างสรรพสินค้า และโมเดิร์นเทรด 4. Tourist Area ร้านในแหล่งท่องเที่ยว เช่น พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต ซึ่งพัทยา ถือเป็นโลเคชั่นหลักที่มีมากกว่า 17 สาขา 5. ศูนย์ยา (Pharmacy Center) และ 6. Fascino Plus เป็นโมเดลร้านรูปแบบใหม่ ที่มีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น โดยวางเป้าหมายให้เป็น “Healthcare Destination” ซึ่งเปิดสาขาแรกที่ซอยสุขุมวิท 24 ญาณิน กล่าวว่า สำหรับ Fascino Plus จะรองรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ ที่หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น ไม่ใช่แค่ป่วยถึงจะมาใช้บริการได้ อยากสร้างให้เกิดเป็นเทรนด์ใหม่ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์แทนที่จะไปห้าง ก็เปลี่ยนมาหาความรู้ ดูแลสุขภาพ โดยมีบริการ Health Check-up Diseases Screening and Counseling มีอุปกรณ์ออกกำลังกาย Smart Health Devices รวมทั้งมีบริการอาหาร-เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ บริการอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ Fascino Plus เป็น Lifestyle Drug Store สำหรับทุกคน สำหรับปีนี้บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 30 ล้านบาท ในการขยายสาขารวม 20 แห่ง รวมถึงการลงทุนด้านการพัฒนาสินค้า ซึ่งบริษัทมีผลิตภัณฑ์ภายในแบรนด์ของตัวเองกว่า 600 รายการต่อยอดด้วยนวัตกรรม
ญาณิน กล่าวว่า การทำงานของรุ่นที่ 2 เกิดในยุคการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี (ดิจิทัล ดิสรัปชั่น) ธุรกิจยาก็ต้องเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน ซึ่งบริษัทได้พัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ยา เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์ อาหารเสริมต่างๆ การพัฒนาระบบซีอาร์เอ็ม เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ต่อไปในอนาคตจะพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อรองรับ Tele-Pharmacy หรือ Tele-Medicine หากกฎหมายเปิดให้ดำเนินการได้ บริษัทมีความพร้อมอย่างเต็มที่ เพราะได้พัฒนาระบบและเทคโนโลยีต่างๆ ไว้รองรับอยู่แล้ว “แบรนด์ฟาสซิโน ได้มีการปรับตัวเพื่อเพิ่มศักยภาพในการติดต่อกับลูกค้า ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในยุค Social Transformation เปิดช่องทางให้ลูกค้าสามารถปรึกษาหรือขอคำแนะนำเรื่องสุขภาพได้ ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้ง LINE Ofiicial @fascinothailand และ Call Center ที่มีทั้งเภสัชกรและผู้เชี่ยวชาญค่อยให้คำปรึกษา และสามารถเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ www.fascino.co.th” สำหรับช่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น บริษัทได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ลดลง รวมทั้งการที่ลูกค้าไม่สามารถเดินทางมาซื้อสินค้าได้โดยสะดวก แต่ผลการดำเนินงานโดยรวมบริษัทยังเติบโตร้อยละ 7 จากปี 2562 ที่เติบโตร้อยละ 16 โดยปีนี้คาดว่ารายได้รวมจะอยู่ที่ 1,600 ล้านบาท ขณะที่ปี 2564 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้รวมที่ 2,000 ล้านบาท จากการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น และภาพรวมธุรกิจยาที่คาดว่าจะกลับมาเติบโตตามปกติ ญาณิน กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจร้านขายยายังเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากคนไทยนิยมซื้อยากินเอง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 32 แตกต่างจากต่างประเทศ ที่เมื่อป่วยต้องไปพบแพทย์ก่อนซื้อยา ประกอบกับเทรนด์เรื่องสุขภาพยังคงมีความสำคัญ ทำให้ธุรกิจทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่หันมาลงทุนร้านขายยามากขึ้น ซึ่งในประเทศไทยบริษัทผู้ค้าปลีกรายใหญ่หลายแบรนด์ต่างหันมาขยายธุรกิจร้านขายยาเป็นจำนวนมาก ปัจจุบัน ร้านขายยาในประเทศไทยมีประมาณ 16,000 แห่ง แบ่งเป็นร้านขายยาของธุรกิจ 1,400 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 9 และอีก 14,600 แห่ง เป็นร้านขายยาเดี่ยวๆ ของผู้ประกอบการรายย่อย “คุณพ่อ คุณแม่ ทำธุรกิจนี้ อย่างมี Passion ซึ่ง Passion นั่น ถูกส่งต่อมาถึงเราด้วย ในฐานะลูกคนโต ซึ่งเราจะมุ่งมั่นพัฒนาต่อยอดธุรกิจของฟาสซิโนให้เป็นเติบโตยิ่งขึ้น และตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ ที่มีความต้องการที่หลากหลาย และถือเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จที่ทำให้ฟาสซิโนมาจนถึงทุกวันนี้” ญาณินกล่าวทิ้งท้าย อ่านเพิ่มเติม: ร.อ. ดร. ชาคริต ศึกษากิจ ปั้น “รพ. เวชธานี” สู่ King of Boneไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine