จับตาเว็บบริการหา "กิ๊ก" เปิดตัวบุกไทย - Forbes Thailand

จับตาเว็บบริการหา "กิ๊ก" เปิดตัวบุกไทย

FORBES THAILAND / ADMIN
26 Feb 2015 | 07:28 PM
READ 4670
AshleyMadison.com ผู้ให้บริการ "จัดหาคู่สำหรับผู้ที่แต่งงานแล้วชั้นนำของโลก" เปิดตัวหาลูกค้าในไทยแล้ว โอ่เพียงสัปดาห์แรกมีคนสนใจเป็นหมื่น เตรียมพบสื่อไทยต้นมีนาคม “ครูหยุย” จี้ตรวจสอบ ชี้ผิดจริยธรรม
 
 
วัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวถึงบริการหาคู่ของเว็บไซต์ AshleyMadison.com ในประเทศไทยว่า หากระบุถึงขั้นจัดหาคู่สำหรับผู้แต่งงานหรือสมรสแล้ว ต้องถือว่าผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง แล้วก็น่าจะผิดกฎหมายด้วย เมื่อการแต่งงานนั้นมีการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย การเปิดโอกาสให้คนที่มีคู่อยู่แล้วไปลักลอบคบหากันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ยิ่งในสังคมไทยแล้วต่างจากสังคมตะวันตก หรือแม้แต่ในสังคมตะวันตกเอง ก็ไม่น่าจะยอมรับเรื่องเช่นนี้ได้ โดยหลักการแล้ว ไม่น่าจะเปิดบริการแบบนี้ได้ คงต้องให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเข้ามาตรวจสอบ พิจารณาหาข้อเท็จจริง
 
"อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นกระทรวงไอซีที รวมทั้งตำรวจและกระทรวงวัฒนธรรม ควรดำเนินการ หากเห็นสิ่งใดที่ไม่ถูกต้องก็ควรตักเตือน ส่วนผมอาจจะทำได้ด้วยการกระทู้ถามรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป" สนช.อดีตเอ็นจีโอกล่าว

ด้านยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ผู้ใช้บริการในเว็บไซต์มีทั้งที่แสดงตัวว่าโสดและมีคู่แล้ว แต่จำนวนโดยรวมยังไม่มากนัก  และหากอ่านใน Q&A ก็จะพบคำชี้แจงว่าไม่ส่งเสริมให้นอกใจ แต่ในทางปฏิบัตินั้นไม่มีทางปิดกั้นได้ คงจะให้สังคมไทยยอมรับธุรกิจแบบนี้ได้ยาก เพราะผิดจารีตประเพณี แม้ว่าวันนี้การมีเมียน้อย หรือมีพฤติกรรมนอกใจเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้ว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องสนับสนุนส่งเสริม หรือเปิดเสรีทางเพศแบบนี้ไปเลย ทั้งนี้ ทางสำนักเฝ้าระวังฯ จะได้รวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา เพราะบางประเด็นไม่ได้อยู่ในอำนาจของกระทรวงวัฒนธรรม เช่นหน้าที่กำกับดูแลเว็บไซต์ก็เป็นของกระทรวงไอซีที เป็นต้น  เราทำหน้าที่ในเชิงให้ข้อมูล หรีอรณรงค์สร้างค่านิยมทางสังคมเป็นหลัก
 

ธุรกิจหาคู่เพื่อคนมีคู่
ในหน้าแรกของ AshleyMadison.com ภาคภาษาไทย ประกาศตัวเองว่า แอชลี่ย์ เมดิสันโด่งดังที่สุดในเรื่องของการนอกใจและการหาคู่สำหรับผู้ที่แต่งงานแล้ว จากรายการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Hannity, Howard Stern, TIME, BusinessWeek, Sports Illustrated, Maxim, USA Today แอชลี่ย์ เมดิสันคือบริษัทจัดหาคู่สำหรับผู้ที่แต่งงานแล้วที่เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงที่สุด บริการจัดหาคู่สำหรับผู้ที่แต่งงานแล้วของเราได้ผล 
 
“แอชลี่ย์ เมดิสันคือเว็บไซต์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดสำหรับการค้นหาความสัมพันธ์และชู้ มีความสัมพันธ์ในแอชลี่ย์ เมดิสันกันเลยวันนี้ เพราะในแต่ละวันมีภรรยาและสามีผู้นอกใจนับพันคนมาสมัครสมาชิกเพื่อมองหาความสัมพันธ์ เราคือเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงที่สุดสำหรับการพบกันแบบไม่เปิดเผยระหว่างผู้ที่แต่งงานแล้ว การหาคู่ของผู้ที่แต่งงานแล้วกลายเป็นเรื่องง่ายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยแพคเกจรับประกันความสัมพันธ์ของเรา เราขอรับประกันว่าคุณจะได้พบคู่ขาที่สมบูรณ์แบบ สมัครสมาชิกฟรีได้เลยวันนี้"
 
อย่างไรก็ตาม ในส่วน "คำถามที่ถามบ่อย" หรือ Q&A ทางเว็บไซต์ชี้แจงว่า
 
Q: Ashley Madison ส่งเสริมการนอกใจหรือไม่
 
A: ไม่ Ashley Madison ไม่ได้ส่งเสริมให้ใครออกนอกลู่นอกทาง ที่จริงแล้ว หากคุณกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณ คุณควรมองหาคำปรึกษา
 
อย่างไรก็ตาม หากคุณยังคงรู้สึกว่าคุณจะต้องมองหาใครสักคนที่ไม่ใช่คู่ของคุณเพื่อเติมเต็มความต้องการของคุณที่ขาดหายไป เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าบริการของเราคือที่ที่ดีที่สุดที่จะเริ่มต้น
 
ที่ Ashley Madison คุณสามารถสื่อสารกับผู้ใหญ่คนอื่นๆ ที่ชื่นชอบในแบบเดียวกันที่อาจเข้าใจถึงสถานการณ์ของคุณมากขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องละเลยในเรื่องความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว หรือการรักษาความปลอดภัย และเราจะไม่เปิดเผยตัวตนของคุณเว้นแต่ว่าคุณจะต้องการ
 
คุณสามารถใช้งานได้ในแบบของคุณและเปลี่ยนใจได้ทุกเมื่อถ้าคุณต้องการ


AshleyMadison.com ใช้สโลแกนว่า "Life is short. Have an affair." ("ชีวิตมันสั้น อยากมันต้องมีกิ๊ก" ในภาษาไทย) ก่อตั้งเมื่อปี 2002 ที่ประเทศแคนาดาโดย Noel Biderman  ปี 2014 สร้างรายได้ 115 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 78 ล้านเหรียญ หรือพุ่งขึ้นเกือบ 3 เท่าจากปี 2010  และมีกำไรก่อนหักภาษี 55 ล้านเหรียญ  มีผู้ลงทะเบียนสมัครใช้บริการทั่วโลก 32 ล้านราย  Biderman ประเมินกิจการของเขาเองว่ามีมูลค่าถึง 1 พันล้านเหรียญ 
 
ธุรกิจของ Biderman เติบโตอย่างเห็นได้ชัดช่วงเกิดวิกฤติการเงินปี 2008 เมื่อผู้ชายมีเวลาว่างจากการทำงานมากขึ้น เว็บไซต์จะเรียกเก็บค่าบริการเฉพาะผู้ชาย ตกปีละ 200-300 เหรียญ ส่วนผู้หญิงไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และในวันนี้ Biderman เริ่มขยายกิจการครอบคลุมนานาประเทศ เช่นในอิสราเอล ฮ่องกง ตุรกี และอินเดีย พร้อมกับเริ่มเปิดบริการในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม หลายประเทศปฏิเสธธุรกิจดังกล่าว เพราะเห็นว่าผิดกฎหมายและหมิ่นเหม่ทางศีลธรรม เช่นในเกาหลีใต้และสิงคโปร์ เป็นต้น 
 
“ผมเข้าใจปัญหาของชีวิตสมรสแบบสามี-ภรรยาเดียว ผมคิดว่าได้สร้างธุรกิจบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้” Biderman กล่าวกับ Forbes ที่สหรัฐฯ 
 
ในเอกสารเผยแพร่ข่าวของ AshleyMadison.com ประเทศไทย ระบุว่าบริษัทตัดสินใจเปิดบริการในไทย เพราะสถิติจากเว็บ match.com ชี้ว่าคนไทยเป็นชาติที่ก่อสัมพันธ์นอกสมรสมากที่สุดในโลก กว่า 56% ของผู้สมรสยอมรับว่าตัดสินใจผิดพลาด และเพียงแค่เปิดตัวสัปดาห์แรกสัปดาห์เดียว ก็มีคนเข้ามาลงทะเบียนในเว็บไซต์ประเทศไทยกว่า 17,000 คน
 
"ประเทศไทยเป็นตลาดที่พร้อมตอบรับธุรกิจแบบนี้ให้เติบโตต่อไป เว็บไซต์ของเราเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และได้รับการยอมรับว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัย" Biderman ซีอีโอและผู้ก่อตั้งกล่าว  พร้อมย้ำว่าความสำเร็จของเว็บไซต์ยืนยันได้จากสมาชิก 32 ล้านคนทั่วโลก ที่มั่นใจในระบบรักษาความเป็นส่วนตัว ปกปิดผู้ใช้งาน ไม่เปิดเผยชื่อจริง รวมทั้งสามารถลบบัญชีผู้ใช้งานทิ้งได้อย่างเรียบร้อยหากเกิดปัญหาขึ้น
 
ทั้งนี้ Christoph Kraemer โฆษกของ AshleyMadison.com จะเดินทางจากเยอรมนีมาประเทศไทย ในระหว่าง 3-6 มีนาคม เพื่อพบปะชี้แจงสื่อมวลชน

 
กฎหมายยังเอื้อมไม่ถึง
เอก วงศ์อนันต์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ถึงธุรกิจบริการดังกล่าวว่า ข้อมูลที่ปรากฏในเว็บไซต์และเอกสารประกอบการแถลงข่าวเปิดตัวธุรกิจในประเทศไทย ยังไม่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 และมาตรา 283 ฐานเป็นธุระจัดหาหรือล่อลวงบุคคลไปเพื่อสนองความใคร่ผู้อื่นด้วยการอนาจาร เนื่องจากบริการของ AshleyMadison นั้นหลากหลาย เช่น หาคู่รัก หาเพื่อน หาเพื่อนคุยเพื่อนกิน หรือเพื่อนเพศเดียวกัน ความต้องการมี "เพื่อน" นั้นเป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์อยู่แล้ว ดังนั้นไม่เข้าองค์ประกอบความผิดใดเลยตามกฎหมายดังกล่าว
 
"เป็นความต้องการและยินยอมของบุคคลทั้งสองฝ่ายเอง ที่จะนัดทำความรู้จักหรือพบกัน แล้วมีกิจกรรมร่วมกันต่อไปในอนาคต การเก็บเงินของเว็บไซต์จึงอาจเทียบได้กับค่าบริการหรือค่าดำเนินงานจับคู่เสียมากกว่า"
 
นักกฎหมายอาญากล่าวอีกว่า หากพิจารณารายละเอียดถ้อยคำที่ใช้โฆษณาเชิญชวน เช่น "ชีวิตมันสั้น อยากมันต้องมีกิ๊ก" "ผู้ชายที่มีเจ้าของแล้วกำลังมองหาผู้หญิง" "ผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้วกำลังมองหาผู้ชาย" "เว็บไซต์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดสำหรับการค้นหาความสัมพันธ์และชู้"  ฯลฯ  ข้อความเหล่านี้อาจเข้าลักษณะ "เป็นธุระจัดหาหญิงหรือชาย" แต่ไม่ปรากฏลักษณะ "เพื่อการอนาจาร" แต่อย่างใด จึงไม่เข้าเงื่อนไขที่จะเอาผิดได้ตามกฎหมาย และเมื่อพิจารณามาตรา 286 ประกอบแล้ว ยิ่งไม่เข้าเงื่อนไขฐานเป็น "แมงดา" ซึ่งยังชีพอยู่ได้ด้วยเงินของผู้ค้าประเวณี  เพราะในเว็บไซต์ไม่พบกรณีค้าประเวณีแต่อย่างใด
 
เมื่อพิจารณาจากประมวลกฎหมายอาญาแล้ว ยังไม่สามารถหักล้างธุรกิจนี้ได้ จึงจำเป็นต้องพิจารณากฎหมายอื่นๆ ประกอบ กรณี พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ก็ยังไม่พบว่าเว็บไซต์ AshleyMadison.com เข้าองค์ประกอบฐานความคิดของกฎหมายอีกเช่นกัน
 
อย่างไรก็ตาม หากจะพิจารณาว่าการประกอบธุรกิจเช่นนี้ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึ่งเป็นถ้อยคำตามกฎหมายที่มีความหมายกว้างขวาง เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย จึงยากที่จะให้คำจำกัดความอย่างสมบูรณ์ได้ ในเช่นกรณีนี้จะเป็นอำนาจศาลที่จะใช้ดุลพินิจพิจารณาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่คู่ความ