แม็คโคร ชูโมเดล ‘บัดดี้มาร์ท’ ดึงทายาทโชห่วยร่วมธุรกิจ - Forbes Thailand

แม็คโคร ชูโมเดล ‘บัดดี้มาร์ท’ ดึงทายาทโชห่วยร่วมธุรกิจ

ธุรกิจโชห่วย 500,000 รายขยายตัวสวนกระแส แม็คโคร ชูโมเดล ‘บัดดี้มาร์ท’ ปิดจุดอ่อน เสริมด้วยเทคโนโลยี บิ๊กดาต้า ดึงทายาทเจน 2-3 สานต่อธุรกิจครอบครัว ผนึกกำลังธนาคารกรุงเทพปล่อยสินเชื่อ 100% เร่งขยายสาขา ตั้งเป้าเปิดครบ 2,000 แห่ง ปี 2566


    ศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันแม็คโคร มีฐานลูกค้าโชห่วยประมาณ 500,000 ราย และมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 32-35 ของธุรกิจโดยรวม ยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา มีจำนวนร้านโชห่วยเพิ่มขึ้น

    เนื่องจากมีโครงการกระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐ ผ่านมาตรการคนละครึ่ง หรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงมีคนจำนวนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ หันมาเปิดธุรกิจโชห่วยเพื่อเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง

    “แม็คโคร ในฐานะที่อยู่ในธุรกิจนี้มา 33 ปี มีฐานข้อมูลลูกค้ากว่า 500,000 ราย มองเห็นการเติบโตของธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นภายใต้การแข่งขันที่สูงในธุรกิจค้าปลีก ทำให้โชห่วยดั้งเดิมทำธุรกิจได้ยากขึ้น และปรับตัวช้า เราจึงอยากเข้าไปช่วยให้ธุรกิจปรับตัว มีเจน 2 เจน 3 เข้ามาสานต่อธุรกิจ และอยู่ไปอีก 20 – 30 ปีข้างหน้า”

    สำหรับธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย มีมูลค่า 3.6 ล้านล้านบาท โดยเกือบร้อยละ 50 เป็นธุรกิจโชห่วยแบบดั้งเดิม ซึ่งจะเห็นได้ว่าโชห่วยมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจในชุมชน มีความสัมพันธ์กับชุมชนในท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม จากปัญหาในการปรับตัว ปรับธุรกิจให้สอดรับกับพฤติกรรมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป แม็คโครจึงพัฒนาโมเดลร้านค้าปลีกชุมชน โดยใช้ชื่อว่า “บัดดี้มาร์ท” เข้ามาช่วยพัฒนาร้านค้าปลีกดั้งเดิมให้ทันสมัย


ปิดจุดอ่อนทายาทโชห่วย


    เอกพล คูสุวรรณ ผู้จัดการโครงการบัดดี้มาร์ท เปิดเผยว่า บัดดี้มาร์ท เป็นโมเดลธุรกิจร้านค้าปลีกที่พัฒนาให้เป็นสูตรสำเร็จ ภายใต้แนวคิด ‘ครบ คุ้ม เพื่อนคู่ใจชุมชน’ มุ่งเป็นเพื่อนแท้ของทุกคนในท้องถิ่น ที่สำคัญยังคงเสน่ห์ของร้านโชห่วย โดยเน้นความเป็นเจ้าของเดิม เสริมความสัมพันธ์กับชุมชนให้แข็งแกร่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญที่แม็คโครมีมากกว่า 33 ปี ทำให้เจ้าของร้านรู้ใจลูกค้าในชุมชนมากยิ่งขึ้นด้วยฐานข้อมูล (บิ๊ก ดาต้า) มาช่วยเสริมแกร่งให้กับผู้ประกอบการ

    “ปัญหาสำคัญของธุรกิจโชห่วย คือทายาทธุรกิจที่เป็นเจน 2 เจน 3 มองว่าไม่มีอนาคต เนื่องจากธุรกิจค้าปลีกแข่งขันสูง ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคและตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ประกอบการปรับตัวไม่ทัน รวมไปถึงการจัดการร้าน สินค้าหมุนเวียนไม่สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค การเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน และสุดท้ายขาดเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยบริหารจัดการ” เอกพลกล่าว

    สำหรับโมเดลธุรกิจบัดดี้มาร์ท มีความแตกต่างจากรายอื่นในตลาด เนื่องจากลงทุนน้อย เริ่มต้น 400,000 บาท มีโปรโมชั่นสำหรับ 300 ร้านค้า ให้ส่วนลด 200,000 บาท โดยบัดดี้มาร์ทจะลงทุนให้คู่ค้า 1.5 ล้านบาท เป็นค่าระบบ POS อุปกรณ์ชั้นวาง ตู้แช่ และสินค้าทั้งหมดภายในร้าน ร่วมกับพันธมิตรผู้ผลิตสินค้าชั้นนำสนับสนุนสินค้ากว่า 20,000 รายการ พร้อมโปรโมชั่นที่จะดึงดูดลูกค้าเข้ามาในร้านอย่างต่อเนื่อง

    นอกจากนี้ ได้ร่วมกับธนาคารกรุงเทพ ปล่อยสินเชื่อที่สามารถกู้ได้สูงสุด 100% ของมูลค่าการลงทุน มีระยะเวลผ่อนชำระนานถึง 5 ปี พร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ปัจจุบัน มีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการบัดดี้มาร์ท 25 ราย และอยู่ระหว่างเซ็นสัญญาร่วมธุรกิจอีก 200 รายการ คาดว่าภายในสิ้นปี 2565 จะเปิดร้านบัดดี้มาร์ทได้ 300 สาขา และเพิ่มเป็น 2,000 สาขาในปี 2566 โดยมีร้านค้าชุมชนที่มีโอกาสปรับเปลี่ยนเป็นร้านบัดดี้มาร์ทได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 ร้านค้าทั่วประเทศ

    เอกพล กล่าวว่า ปัจจุบันร้านค้าที่ปรับตัวเป็นบัดดี้มาร์ทไปแล้ว มียอดขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 40 ซึ่งมาจากการจัดร้านและสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า มียอดซื้อต่อครั้งเพิ่มขึ้น รวมถึงมีความถี่ในการเข้าร้านเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากแม็คโครจะสนับสนุนการจัดกิจกรรมการตลาด เพื่อกระตุ้นการซื้อให้กับคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดส่งสินค้าหมุนเวียนให้กับผู้ประกอบการได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีระบบจัดส่งสินค้าให้กับสมาชิกบัดดี้มาร์ทโดยเฉพาะ

    อีกจุดเด่นที่สำคัญ คือ บัดดี้มาร์ท ได้วางกลยุทธ์ดึงดูดลูกค้าเข้าร้านเพิ่มขึ้น ให้สมกับที่เป็น “ร้านค้าคู่ใจชุมชน” ทั้ง การเสริมบริการพิเศษอื่นๆ อาทิ ตู้เติมเงิน ตู้กาแฟอัตโนมัติ ตู้ซักผ้าอัตโนมัติ และในอนาคตยังวางแผนเพิ่มสินค้าชุมชนภายในร้าน เพื่อช่วยขับเคลื่อนธุรกิจภายในชุมชนสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจการค้าของประเทศ

อ่านเพิ่มเติม: AnyMind Group เผยข้อมูลเชิงลึกการใช้งานอินฟลูเอนเซอร์ทั่วเอเชียผ่าน Tiktok


​ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine

TAGGED ON