KX ยกระดับ Bigfin เชื่อมต่อกับ Binance กระดานเทรดอันดับหนึ่ง พร้อมรองรับนักลงทุนคริปโททั่วโลก ติดตามพอร์ตได้ง่าย - Forbes Thailand

KX ยกระดับ Bigfin เชื่อมต่อกับ Binance กระดานเทรดอันดับหนึ่ง พร้อมรองรับนักลงทุนคริปโททั่วโลก ติดตามพอร์ตได้ง่าย

    KX พัฒนา Bigfin เครื่องมือติดตามและวิเคราะห์การลงทุนในคริปโทไปอีกขั้น เพิ่มการเชื่อมต่อกับ Binance กระดานเทรดคริปโทเคอร์เรนซีอันดับหนึ่งของโลกที่มีผู้ใช้งาน 128 บัญชี หวังเข้าถึงนักลงทุนทั่วโลก ชูจุดเด่นฟีเจอร์ที่ช่วยให้สามารถติดตามและวิเคราะห์การลงทุนในโลกคริปโทได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมเดินหน้าพัฒนาฟีเจอร์ต่อเนื่องเพื่อรองรับการใช้งานนักลงทุนเมื่อตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลกลับมาคึกคัก



    ธนะเมศฐ์ อาริยวัฒน์ Venture Director บริษัท กสิกร เอกซ์ จำกัด (KX) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีและสินทรัพย์ดิจิทัล ยังคงอยู่ในสภาวะตลาดหมีมาตั้งแต่ปลายปี 2564 ทำให้นักลงทุนที่ยังให้ความสนใจในคริปโทเริ่มมีเวลาในการจัดระเบียบพอร์ตการลงทุน รวมถึงสรรหาเครื่องมือที่จะใช้ในการติดตามผลและประกอบการตัดสินใจ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมเมื่อสถานการณ์ฟื้นตัวกลับมา โดย KX ได้มีการนำเสนอ Bigfin ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์และดูแลพอร์ตการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีและสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ช่วยให้นักลงทุนทั่วโลกสามารถบริหารพอร์ตการลงทุนของตัวเองได้อย่างง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น


    ล่าสุด Bigfin ได้เพิ่มช่องทางการเชื่อมต่อกับ Binance ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก ราว 128 ล้านบัญชี ณ สิ้นปี 2565 เพื่อให้ผู้ใช้ที่มีบัญชี Binance ทั้งในไทยและทั่วโลก (ยกเว้นผู้ใช้งาน Binance.US) สามารถติดตามผลกำไรขาดทุนของพอร์ตโฟลิโอตัวเองได้ครบถ้วนมากขึ้น ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ ของ Bigfin ที่พัฒนาเพื่อตอบสนองการใช้งานกลุ่มนักลงทุนคริปโต ทั้งผู้ที่เป็นนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการจดบันทึกการเทรด เพื่อให้ทราบข้อมูลสถานะการลงทุนของตนเอง เช่น ต้นทุน ผลกำไร-ขาดทุน ประสิทธิภาพในการเทรดเบื้องต้น เป็นต้น 

    รวมถึงนักลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามตัวเลขในการลงทุน ทั้งนี้ ในการเชื่อมต่อกับ Binance ช่วงแรกนั้น Bigfin จะอ่านข้อมูลได้ 200 เหรียญตามอันดับมูลค่าตลาด(Market Cap) คู่กับเหรียญคริบโตที่ตรึงมูลค่า 1 เหรียญดอลล่าห์สหรัฐ (Stable Coin) อย่าง USDT, USDC และ BUSD โดยจะมีการพัฒนาเพิ่ม Chain และเหรียญอื่นๆ มากขึ้นในอนาคตต่อไป


    สิ่งที่ทำให้ Bigfin แตกต่างจากเครื่องมือวิเคราะห์และดูแลพอร์ตการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีและสินทรัพย์ดิจิทัลรายอื่น คือ การนำข้อมูลธุรกรรมของผู้ใช้งานมาคำนวณหาต้นทุนที่แท้จริงด้วยวิธีการคำนวณแบบ First In, First Out (FIFO) ของแต่ละเหรียญ ตั้งแต่เริ่มต้นเทรดรายการแรก จึงสามารถคำนวณหาต้นทุนของการซื้อขายบนกระดานเทรดได้แม่นยำกว่า เช่น Realized P/L (กำไรหรือขาดทุนที่เกิดขึ้นจริง) /Unrealized P/L (กำไรหรือขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง) ทั้งแบบแยกรายเหรียญ และภาพรวมทั้งพอร์ตได้แม่นยำกว่า ซึ่งการดู Realized/Unrealized P/L นับเป็นฟีเจอร์ที่ถูกใช้งานมากที่สุด 

    นอกจากนี้จุดเด่นของ Bigfin ได้แก่ การดูกราฟมูลค่าย้อนหลังของพอร์ตจนถึงปัจจุบัน การดูผลกำไร-ขาดทุนของพอร์ตรวมและดูแยกเป็นรายสินทรัพย์ การดูรายการธุรกรรมการเข้าออกของสินทรัพย์ในกระเป๋าเงินดิจิทัล (Wallet) และค่าธรรมเนียมต่างๆ โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ ชัดเจน เข้าใจง่าย และ ฟีเจอร์ Crypto Deposit Edit เพื่อบันทึกต้นทุนของเหรียญที่รับโอนมาด้วยตนเองได้ เช่น จาก Airdrop หรือจากการซื้อขายนอกกระดาน เพื่อคำนวณผลกำไร ขาดทุนได้แม่นยำขึ้น ปัจจุบัน Bigfin มีการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทชั้นนำของไทยและโลก ได้แก่ Bitkub Ethereum และล่าสุด คือ Binance โดย KX จะเดินหน้าพัฒนาฟีเจอร์ของ Bigfin อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พร้อมรองรับการใช้งานสำหรับนักลงทุนเมื่อตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลกลับมาคึกคัก 


    ทั้งนี้ ปัจจุบันในประเทศไทยที่มีบัญชีผู้ลงทุนคริปโทในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดราว 3 ล้าน บัญชี และบัญชีทั่วโลกมากกว่า 100 ล้านบัญชี สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดและสมัครใช้งานได้ที่ https://bigfin.finance

    

    อ่านเพิ่มเติม : Nielsen เผยข้อมูลปี 2023 รายการสื่อเพื่อชาว LGBTQ+ ยังมีไม่มากพอ

    ​ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine