เอ็กซ์สปริง เผยผลดำเนินงานบริษัทปี 2564 พร้อมมุ่งสู่การเป็น “One-Stop Financial Solutions” เตรียมแผนรุกตลาดทุนยุคใหม่ด้วย 2 กลุ่มธุรกิจยุทธศาสตร์ เตรียมพัฒนาระบบเชื่อมต่อตลาดต่างประเทศเจ้าแรกในไทยผ่าน Coinbase ผู้เทรดระดับโลกพร้อมวางหมากครองมาร์เก็ตแชร์ของกลุ่มธุรกิจให้ได้ 1 ใน 3 ของตลาด คาดเป้ารายได้ปีนี้โตแตะ 1,000 ล้านบาท
วรางคณา อัครสถาพร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) เผยว่าในปีที่ผ่านมา สำหรับเอ็กซ์สปริง ถือเป็นช่วงเเห่งการ "ขยายธุรกิจ" เพื่อเพิ่มช่องทางบริการใหม่ๆ รวมถึงเพิ่มผลิตภัณฑ์การเงินการลงทุนที่หลากหลาย ขณะเดียวกันก็เน้นการลงทุนในเทคโนโลยี แพลตฟอร์มใหม่ๆ มีการปรับปรุงระบบการทำงาน เพื่อปูทางไปสู่การเป็น “One-Stop Financial Solutions” เต็มตัว ไม่เพียงเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่เอ็กซ์สปริงยังมองไปถึงการเชื่อมต่อสู่การลงทุนระดับโลก ขณะนี้เอ็กซ์ปริงได้สร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (ecosystem) ที่สมบูรณ์แบบ เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุนที่หลากหลายได้ครบ จบในที่เดียว “ปี 2565 มองว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มฟื้นตัว กลุ่มนักลงทุนรายบุคคล รวมถึงนักลงทุนสถาบันเริ่มมองหาช่องทางการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น ดังนั้นในปีนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญของเอ็กซ์สปริงที่จะเติบโต เพื่อก้าวสู่เป้าหมายตามแผนที่งานได้วางไว้ โดยโฟกัสที่ 2 ธุรกิจหลัก รวมถึงเพิ่มการลงทุนในกลุ่มธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) ที่มีโอกาสเติบโตสูง ตลอดจนการลงทุนของบริษัทฯ ที่ได้มีการวางแผนเดินหน้าเต็มที่ในปีนี้เช่นกัน”ชูจุดแข็ง 17 ใบอนุญาต
หนึ่งในจุดแข็งของบริษัทฯ คือการถือครองใบอนุญาตจำนวนมาก เพื่อให้สามารถนำเสนอโอกาสทางการลงทุนแก่นักลงทุนทุกระดับ โดยเฉพาะการลงทุนกับสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังได้รับความนิยมจากประชาชนทั่วไปในปัจุบัน โดยวันนี้เอ็กซ์สปริงมีมากถึง 17 ใบอนุญาตในมือ พร้อมเดินหน้ารุกตลาดทุนไทยและทั่วโลก ด้วยบทบาทของการเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน การใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศทางธุรกิจ (ecosystem) ที่สมบูรณ์แบบที่สุดของเอ็กซ์สปริง เพื่อสร้างการเติบโตให้กับกลุ่มธุรกิจและนักลงทุนโฟกัส 2 ธุรกิจหลัก
ในปี 2565 เอ็กซ์สปริง ยังคงเดินหน้ารุกธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ผ่านการดำเนินงานของ บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) ซึ่งประสบความสำเร็จในการออก ICO ตัวแรกของไทยในปีที่ผ่านมา โดยบริษัทตั้งเป้าออก ICO สู่ตลาดไม่ต่ำกว่า 4-6 ตัว ในปี 2565 ทั้งนี้ เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล ยังได้รับ 4 ใบอนุญาตอย่างเป็นทางการจากสำนักงาน ก.ล.ต. ได้แก่ 1. นายหน้าซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี 2. นายหน้าซื้อขายโทเคนดิจิทัล 3. ผู้ค้าคริปโทเคอร์เรนซี และ 4. ผู้ค้าโทเคนดิจิทัล พร้อมเดินหน้าเป็นผู้ให้บริการทางการเงินและการลงทุนในระบบดิจิทัลแบบ One-Stop Service เจ้าแรกในไทย รองรับการเชื่อมต่อกับตลาดทุนโลก ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งตลาด 1 ใน 3 ผ่านการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และเสริมศักยภาพด้านการให้บริการนายหน้าซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีที่เชื่อม Global Liquidity เสริมสภาพคล่องการซื้อ-ขายสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก ผ่าน Coinbase แพลตฟอร์มซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ในสหรัฐอเมริกา คาดว่าระบบจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมให้บริการได้ภายในไตรมาสแรกนี้ ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญกับธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน (Asset Management) โดยมีแผนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในธุรกิจใหม่คือการเป็น “ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล” (Digital Asset Fund Manager) เอ็กซ์สปริงคาดว่าจะได้รับใบอนุญาตผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Fund Manager) จาก ก.ล.ต.ได้ในไตรมาสที่สองของปีนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถนำเสนอโอกาสการลงทุนในกองทุนรูปแบบอื่นๆ แก่นักลงทุนและประชาชนทั่วไปภายในประเทศได้ในระยะเวลาอันใกล้ และการเป็น “นายหน้าซื้อขาย ค้า และจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ที่เป็นหน่วยลงทุน” (LBDU) เพื่อเพิ่มทางเลือกผลิตภัณฑ์การลงทุนให้แก่ลูกค้าในไตรมาสแรก ตลอดจนการหาโอกาสการลงทุนในบริษัทเอกชนที่มีศักยภาพสูงเดินหน้า AMC
อีกหนึ่งกลุ่มธุกิจที่เอ็กซ์สปริงมองว่ามีศักยภาพเติบโตสูง คือกลุ่มธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) ซึ่งในปีนี้เอ็กซ์สปริงเตรียมประมูลสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเพิ่มมากขึ้น มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท โดยร่วมบริหารงานกับพันธมิตรอย่าง บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เนื่องจากปัจจุบันแนวโน้มสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลมีทิศทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มธุรกิจบริหารสินทรัพย์หรือ AMC จะยิ่งมีบทบาทอย่างมากในการเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อเข้ามาช่วยแก้ปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ในระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยกลุ่มธุรกิจ AMC ของเอ็กซ์สปริง มุ่งเน้นไปที่การบริหารกลุ่มสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มีหลักประกัน เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ บ้าน คอนโด ซึ่งกลุ่มธุรกิจนี้ถือเป็นการสร้างโอกาสใหม่ในการสร้างรายได้ของกลุ่มเอ็กซ์สปริงในอนาคตด้วยผุดกลยุทธ์ลงทุน Green Investment รับเทรนด์โลก
สำหรับปี 2565 เอ็กซ์สปริง มองเห็นโอกาสการลงทุนในธุรกิจ Green Investment ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายในการพัฒนาที่ยั่งยืนของภาคธุรกิจและสังคม บริษัทฯ ยังคาดหวังประโยชน์ที่จะได้จากโอกาสการร่วมลงทุนกับยักษ์ใหญ่ในภูมิภาคอื่นๆ รวมไปถึงการแบ่งปันองค์ความรู้ โดยกำหนดสัดส่วนการลงทุนในด้านนี้ไว้ที่อัตราส่วนร้อยละ 10 โดยล่าสุดเอ็กซ์สปริง ร่วมลงทุนใน บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ผู้ให้บริการด้านการชาร์จรถ EV แบบครบวงจร ด้วยจุดแข็งทางธุรกิจของชาร์จ การใช้อุปกรณ์นำเข้ามาตรฐานยุโรป ปลอดภัยต่อการใช้ไฟฟ้าแรงสูง มีทีมบริการหลังการขายแบบมืออาชีพดูแลลูกค้าทั่วประเทศ พร้อมเข้าถึงไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ผ่านแอปพลิเคชัน SHARGE ที่รองรับการค้นหา-จองสถานีชาร์จและจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชันอย่างง่ายดาย รวมถึงการจับมือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ค่ายรถยนต์ ศูนย์การค้า และธุรกิจพลังงาน ในการสร้าง Ecosystem ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรมการใช้งานทั้งกลุ่มชาร์จตามบ้าน-ชาร์จที่จุดหมายปลายทาง –ชาร์จตามสถานี รวมไปถึงการลงทุนใน Venture Capital Fund กองทุน Cibus Enterprise Fund ii และล่าสุดเอ็กซ์สปริง มีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท คิง ออฟ เกมเมอร์ คลับ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ร่วมกันประกอบธุรกิจเกี่ยวกับภาพยนตร์ และพัฒนาโมบายแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับสื่อบันเทิงในรูปแบบต่างๆ และดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และการส่งเสริมการขายที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการลงนามในสัญญาร่วมทุนและจัดตั้งบริษัทร่วมทุน โดยเอ็กซ์สปริงมีสัดส่วนการถือหุ้น 61.5381 เปอร์เซ็นต์ สำหรับทิศทางการลงทุน ในปีนี้ของเอ็กซ์สปริง เรายังคงมุ่งเน้นการแสวงหาการลงทุนและเปิดโอกาสในการลงทุนทุกประเภทที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต และด้วยการวางกลยุทธ์อย่างรัดกุม รองรับแพลตฟอร์มที่เราได้พัฒนาวางรากฐานของธุรกิจ ผนวกกับการดำเนินงานอย่างมืออาชีพด้วยวิสัยทัศน์ที่มองเห็นโอกาสของโลกการเงินแห่งอนาคต ทำให้บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้รวมในปี 2565 ได้เกินกว่า 1,000 ล้านบาท “ด้วยโรดแมพของเอ็กซ์สปริงที่วางไว้ ในปี 2565 มีเป้าหมายต่อยอด จากการใช้จุดแข็ง ‘One-Stop Financial Solutions’ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาตลาดทุนไทย รวมไปถึงการขยายสินทรัพย์การลงทุนไปยังผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งจะส่งผลให้เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล กลายเป็นกลุ่มบริการทางการเงินแบบครบวงจร เชื่อมต่อโลกการเงินปัจจุบันและโลกการเงินดิจิทัลเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงการเงินและการลงทุนได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งสามารถเปิดรับข้อมูล ข่าวสารการลงทุนได้อย่างครอบคลุม โปร่งใส และน่าเชื่อถือ จากผู้บริหารมืออาชีพ พร้อมทีมงานคุณภาพที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในภาคธุรกิจการเงินได้ครบ จบในที่เดียว” วรางคณา กล่าว อ่านเพิ่มเติม: RentSpree สตาร์ทอัพสัญชาติไทย เจาะตลาดอเมริกาไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine