Vana Belle, A Luxury Collection กลิ่นอายเมืองใต้มนตร์เสน่ห์ “เกาะสมุย” - Forbes Thailand

Vana Belle, A Luxury Collection กลิ่นอายเมืองใต้มนตร์เสน่ห์ “เกาะสมุย”

เกาะสมุยจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวทะเลใต้ของไทย ยังคงเลื่องชื่อในความเป็นบูทีคสไตล์ โรงแรม-รีสอร์ตหลายแห่งพยายามนำเสนอเอกลักษณ์นี้ โดยได้เชนโรงแรมระดับโลกอย่าง แมริออท อินเตอร์เนชันแนล เป็นผู้บริหาร Vana Belle สมุยภายใต้แบรนด์ A Luxury Collection จึงรุกทำตลาดอย่างต่อเนื่อง

สัปดาห์ที่สามของเดือนมิถุนายน Vana Belle, A Luxury Collection เกาะสมุย เปิดห้องพักหรูที่ชื่อ Grand Ocean View Suite ให้สื่อมวลชนจากส่วนกลางได้สัมผัสบรรยากาศความลักชัวรี ที่เลือกสรรค์แล้วจากเชนระดับโลก ทั้งความสวยงามและบริการที่แตกต่าง ภายใต้ชื่อ Vana Bell ซึ่งชื่อนี้สื่อถึงความเป็นป่า เสมือนเป็นป่าส่วนตัวของนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบความสงบและเป็นธรรมชาติ โดยรีสอร์ตตั้งอยู่ในมุมที่เงียบสงบของหาดเฉวงน้อย ซึ่งมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าที่หลายคนคาดคิด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง จากผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19 ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา แต่อีกส่วนที่ดูจะเป็นเหตุผลหลักมากกว่า คือ การออกแบบโรงแรมโดยเน้นความเป็นธรรมชาติ และความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง ทำให้รีสอร์ตแห่งนี้เป็นเหมือนแหล่งพำนักในวันที่ต้องการความเรียบง่าย ไม่ต้องพบกับความวุ่นวายของผู้คนและสิ่งรบกวนรอบตัว

บูทีคแอนด์ยูนิค

รีสอร์ตหรูแห่งนี้เป็นหนึ่งในโรงแรมของ แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชัน (AWC) ที่บริหารโดยเชนโรงแรมใหญ่ที่สุดในโลก คือ แมริออท อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเลือกใช้แบรนด์ A Luxury Collection ที่บ่งบอกความลักชัวรี่อย่างมีสไตล์ และที่นี่ยังมีจุดเด่นด้วยการผสานวัฒนธรรมท้องถิ่นเมืองใต้ เข้าไว้ในบริการต่างๆ ทั้งรูปแบบรีสอร์ต การต้อนรับ อาหาร การออกแบบพื้นที่บริการและเครื่องใช้ต่างๆ การเดินทางไปเยือนสมุยครั้งนี้ใช้เวลาปกติราว 1 ชั่วโมง โดยเที่ยวบินของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ซึ่งบินตรงจากสุวรรณภูมิมุ่งหน้าสนามบินสมุย และแม้เกาะท่องเที่ยวเลื่องชื่อแห่งนี้จะพัฒนามายาวนานหลายสิบปี แต่เอกลักษณ์ของสนามบินท่ามกลางทิวต้นมะพร้าวยังไม่เปลี่ยน จากจุดที่ลงเครื่องผู้โดยสารต้องเดินออกมาสู่พื้นที่ต้อนรับภายนอกใช้เวลาพอสมควรระยะทางเดิน ภายในอาคารสนามบินที่เปิดโล่งทำให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินเล่นในย่านท่องเที่ยว และให้สัมผัสการมาเยือนอย่างมีเอกลักษณ์ตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบย่างสู่เกาะสมุย “Aloha Airport” น่าจะสื่อถึงบรรยากาศสนามบินสมุยได้เป็นอย่างดี จะกี่ปีที่มาเยือนความรู้สึกนี้ก็ยังคงชัดเจน จากสนามบินใช้เวลาประมาณ 30 นาที รถตู้นำเรามาถึงรีสอร์ต ในระหว่างเส้นทางจากสนามบินรถต้องวิ่งในถนนแคบของหาดเฉวง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ชื่อว่าเป็นหาดที่คับคั่งไปด้วยร้านค้าและนักท่องเที่ยว แต่วันนี้ภาพเปลี่ยนไป ความแออัดลดลง ขนาดถนนยังเล็กเท่าเดิมแต่ทว่าโล่งและคล่องตัว นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มมีประปราย ร้านค้าและบริการด้านท่องเที่ยวบอกว่า “ยังไม่คึกคัก” ซึ่งภาพก็เป็นตามนั้น นักท่องเที่ยวยังไม่กลับมาเต็มที่ แต่สถานการณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อ 2 ปีก่อน ร้านค้าเปิดบริการได้ยอดขายอาจไม่ดีเท่าเดิม แต่ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าการท่องเที่ยวจะกลับมาในไม่ช้า เมื่อถึงรีสอร์ต สัมผัสแรกที่รู้สึกคือมีความเงียบและความเป็นส่วนตัวสูง แขกผู้มาเยือนจะได้การต้อนรับอย่างเป็นส่วนตัว ด้วยวัฒนธรรมแบบเมืองใต้ พร้อมลูกเล่นเล็กๆ เหมือนเรากำลังจะเข้าไปสู่โลกของวรรณคดี ด้วยการนำเสนอ “มัจฉากุญชร” ช้างที่มีหางเป็นปลาซึ่งเป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ พนักงานต้อนรับจะเชิญชวนให้แขกลอยกระทงเพื่อทักทายมัจฉากุญชร รูปปั้นที่ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณล็อบบี้บนเนินเล็กๆ ที่มองลงไปเป็นชายหาดและท้องทะเลแบบกว้างไกลสุดตา บรรยากาศโดยรวมของตัวรีสอร์ต มีการออกแบบ land scape อย่างสวยงามลดหลั่นเป็นเนินเล็กๆ โดยมีถนนเชื่อมโยงวิลล่าแต่ละหลัง ซึ่งออกแบบให้เป็นพูลวิลล่ามองวิวทะเลได้ชัดเจน ความกว้างของสระว่ายน้ำในวิลล่ายาวมากพอที่จะว่ายออกกำลังกายได้โดยไม่ต้องใช้สระส่วนกลางปะปนกับแขกรายอื่น วิลล่าที่สื่อได้พักในครั้งนี้เป็นห้องห้องสวีท ระดับ 5 ดาว ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากป่าหิมพานต์ เทพนิยายที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาของชาวเอเชียโบราณ ในเอกสารเผยแพร่ของโรงแรมบรรยายว่า “แขกจะได้ดื่มด่ำกับโลกแห่งความอัศจรรย์ ด้วยพูลสวีทและพูลวิลล่าที่สวยงามกับความพร้อมของสถานที่ระดับห้าดาวที่ล้อบรอบด้วยป่าเขตร้อน” คำกล่าวนี้ไม่เกินความจริง เพราะทุกวิลล่าได้รับการออกแบบความเป็นส่วนตัวเป็นอย่างดี และความรู้สึกของการพักที่นี่ก็เหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในป่าธรรมชาติ แต่ทว่าสะดวกสบายด้วยบริการแบบลักชัวรี ความพร้อมของอุปกรณ์เครื่องใช้ รูปแบบการดีไซน์ห้องพักที่ใช้กระจกบานสูงเป็นผนังโดยรอบ และเปิดประตูสู่สระว่ายน้ำขนาดย่อม พร้อมมุมเก้าอี้อาบแดดที่เนรมิตขึ้นมาให้ใช้ได้จริง ส่วนพื้นที่สวนได้รับการออกแบบและตกแต่งให้เป็นธรรมชาติ พรรณไม้ใหญ่หลากหลายเรียงรายตลอดแนวทางเดินภายในรีสอร์ต จากวิลล่าต้องเดินผ่านเนินขนาดย่อมที่มีสะพานไม้ทอดยามเชื่อมลงสู่พื้นที่ชายหาดที่ขาวสะอาด สัมผัสวิวทะเลอ่าวไทยที่สวยไม่แพ้ฝั่งอันดามัน

ป่าสวรรค์จากเทพนิยาย

หาดเฉวงน้อยทอดตัวยาวห่างไกลจากผู้คน ได้รับการอนุรักษ์ให้เป็นธรรมชาติตัดกับสีฟ้าระยิบระยับของท้องทะเลได้อย่างกลมกลืน ย้อนกลับไปที่เอกสารแนะนำรีสอร์ตบรรยายไว้ว่า “Vana Belle ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากป่าหิมพานต์ในเทพนิยาย ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างสวรรค์กับโลกมนุษย์ในเทือกเขาหิมาลัย และผู้ที่อาศัยอยู่ในป่านั้น คือสัตว์ในเทพนิยาย เช่นกินรี สาวงามที่มีปีกของหงส์ และกุญชรวารี ที่มีหัวเป็นช้างแต่มีลำตัวและหางเป็นปลา” ก่อนสรุปได้ว่าที่นี่คือ “ป่าที่สวยงาม” ซึ่งแปลตามคำภาษาสันสกฤตโบราณว่า “วนา” (Vana) ซึ่งแปลว่า “ป่า” และคำภาษาฝรั่งเศส “belle” แปลว่า “สวยงาม” Vana Belle จึงตอบโจทย์ความสวยของธรรมชาติในจินตนาการ นอกเหนือจากสิ่งปลูกสร้างแล้ว ที่รีสอร์ตแห่งนี้ยังมีดีไซน์แบบไทยภาคใต้ ประติมากรรมโดดเด่น และงานศิลปะของแท้ ล้อบรอบด้วยความงามของธรรมชาติ ห้องพักที่รีสอร์ตแห่งนี้มี 79 ห้อง ในขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 86 ตารางเมตร ของ Jungle One Bedroom Pool Suite ไปจนถึงห้องขนาดกว้างขวาง 211 ตารางเมตร ของ Tropical Pool Villas การออกแบบตกแต่งภายในผสมผสานความสะดวกสบายเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด พร้อมเสน่ห์แบบไทยๆ ห้องอาบน้ำหินอ่อนหรูหรา มีอ่างอาบน้ำลอยตัว และชาวเวอร์แบบวอล์กอิน สระว่ายน้ำส่วนตัวพร้อมวิวสวนหรือชายหาด และบริการจากบัทเลอร์ส่วนตัว แขกยังสามารถรู้สึกถึงไออุ่นจากลมทะเลที่ระเบียงกลางแจ้งได้ในหลายวิลล่า ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ทุกมุมมองของประสบการณ์ในรีสอร์ตแห่งนี้ เน้นวัฒนธรรมไทยซึ่งแขกสามารถเที่ยวชมปางช้างที่อยู่ใกล้ๆ ที่วัดพระใหญ่ ร่วมพิธีทำบุญกับพระ และพบปะชาวบ้านในท้องถิ่นเพื่อเรียนรู้ประเพณี ความเชื่อ และวิถีชีวิตของพวกเขา โดยฝ่ายบริการคอนเซียร์จ Les Clef d’Or จะมอบบริการที่ตรงความต้องการเฉพาะบุคคลแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เช่น ทริปค้นหาสถานที่เด็ดๆ ของเกาะสมุย และอื่นๆ แรงบันดาลใจจากท้องถิ่นยังประสานเข้ากับคอนเซ็ปต์การรับประทานอาหารของรีสอร์ต ซึ่งยกย่องมรดกด้านอาหารของภาคใต้ที่เข้มข้นด้วย Panali ร้านอาหารไทยแบบเปิดโล่งริมหาดซึ่งเชี่ยวชาญด้านแกงต่างๆ ก๋วยเตี๋ยว และอีกหลายเมนูไทยท้องถิ่น ขณะที่ Kiree ร้านอาหาร all day dining ผสมผสานรสชาติที่ดีที่สุดของเอเชียและยุโรปเข้าด้วยกัน จากเมนูอาหารทะเลสดๆ และวิวท้องทะลที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมี Pool Bar หลังคามุงจาก ที่บรรจงสร้างสรรค์ค็อกเทลด้วยรัมของไทย และเสิร์ฟอาหารจานคลาสสิกอย่าง ข้าวผัดและสะเต๊ะ ขณะที่ ล็อบบี้เลานจ์ เหมาะสำหรับดื่มน้ำชายามบ่าย หรือเครื่องดื่มเพื่อความสดชื่นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของวัน การรับประทานอาหารแบบเป็นส่วนตัว สามารถจัดให้ได้บนชายหาด หรือลากูนที่ซ่อนตัวไว้อย่างมิดชิด สำหรับใครที่ชอบสปา Vana Spa คือสวรรค์สำหรับการฟื้นฟูร่างกาย มีนักบำบัดชาวไทยที่ได้รับการฝึกฝนอย่างสูง ผสมผสานภูมิปัญญาทางสุขภาพแบบโบราณเข้ากับเทคนิคสมัยใหม่และวัตถุดิบออแกนิก สร้างสรรค์ทรีตเมนต์ที่หลากหลาย เช่น Siam Boran การนวดที่เป็นซิกเนเจอร์ หรือใครชื่นชอบฟิตเนส เซ็นเตอร์ ที่นี่ก็มีบริการพร้อมอุปกรณ์ ให้ออกกำลังกาย สระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ริมหาด และซุ้มพักผ่อนเหนือน้ำ ทำให้นักท่องเที่ยวได้ผ่อนคลายอย่างมีสไตล์ ขณะที่ชายหาดนุ่มละมุนด้วยทรายละเอียด เชิญชวนให้คนทุกวัยได้เดินเล่น ลงเล่นน้ำ หรือเพียงนั่งพักผ่อนใต้ร่มเงาของต้นมะพร้าว กับสายลมพัดเอื่อยก็ให้รสสัมผัสที่สุขสงบเกินคาด นอกจากห้องพักที่พร้อม การออกแบบที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์แล้ว Vana Belle ยังถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานแต่งงานระดับเวิลด์คลาส ด้วยพื้นที่จัดงานขนาด 1,150 ตารางเมตร จัดงานได้ทุกขนาด ตั้งแต่การสู่ขอที่เป็นส่วนตัว และการเฉลิมฉลองในวาระต่างๆ ไปจนถึงพิธีริมชายหาดที่รับแขกได้ถึง 300 คน ความหลากหลายที่น่าทึ่งของรีสอร์ต และกิจกรรมสนุกสนานต่างๆ ให้เลือกด้วยความใส่ใจอย่างอบอุ่นและสง่างามแบบไทย ทำให้ Vana Belle ได้รับรางวัลมากมาย โดยรีสอร์ตได้รับรางวัล Best of the Best จาก Tripadvisor ในปี 2564 และได้ขนานนามว่าเป็น “โรงแรมริมชายหาดที่ดีที่สุดในเอเชีย” ของการมอบรางวัล Haute Grandeur ในปี 2564 นอกจากนี้ยังได้อยู่ลำดับท็อปของ “โรงแรมหรูหราโรแมนติก” ในเอเชีย จากงานมอบรางวัล World Luxury Hotel ในปี 2564 และ “Best All Suite Hotel” ในปี 2564 จากการท่องเที่ยวไทย โดยรีสอร์ตแห่งนี้ได้รับการจัดอันดับสูงในเว็บไซต์การจองห้องพักออนไลน์ชั้นนำของโลก Agoda และ Hotels อีกด้วย อ่านเพิ่มเติม: 13 บริษัทมหาชนไทย จากการจัดอันดับ 200 Best Under a Billion ประจำปี 2022