Trip.com ประเมิน ‘จีนเที่ยวไทยลดลง’ เป็นแค่สถานการณ์ระยะสั้น มองไทยมีศักยภาพ คุ้มค่าให้มาเยือน - Forbes Thailand

Trip.com ประเมิน ‘จีนเที่ยวไทยลดลง’ เป็นแค่สถานการณ์ระยะสั้น มองไทยมีศักยภาพ คุ้มค่าให้มาเยือน

Trip.com เผยรายงานการตลาดและอินไซต์ตลอดปี 2024 พบว่าการท่องเที่ยวทั่วโลกฟื้นตัวสู่ระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19 แพร่ระบาด คนไทยยังชอบไป ‘ญี่ปุ่น’ เป็นอันดับหนึ่ง ส่วนปี 2025 ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องไปพร้อมกับเทรนด์ผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์อันน่าจดจำ ด้านการท่องเที่ยวไทยในระยะยาวยังมีศักยภาพ ทั้งที่พัก บริการ อาหาร วัฒนธรรม และสถานที่สวยงามซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และซีรีส์ระดับโลกถึง 2 เรื่องในปีที่ผ่านมา


    Boon Sian Chai กรรมการผู้จัดการและรองประธานฝ่ายการตลาดต่างประเทศ Trip.com Group เปิดเผยว่า จากข้อมูลบนแพลตฟอร์ม Trip.com ในปี 2024 ภาพรวมผู้บริโภคทั่วโลกมีการค้นหาเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 24% และยอดจองเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เช่นเดียวกับการค้นหาที่พักซึ่งเพิ่มขึ้น 29% และยอดจองที่พักเพิ่มขึ้นถึง 60% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 1 คือญี่ปุ่น รองลงมาคือไทย

    ข้อมูลที่น่าสนใจจาก Trip.com ยังพบอีกว่านักท่องเที่ยว 74% อยู่ในช่วงอายุ 30-50 ปี ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเป็นครอบครัว ทั้งนี้นักท่องเที่ยวในช่วงอายุ 20-30 ปีก็มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นราว 1.5% เมื่อเทียบกับปี 2023


ภาพยนตร์และซีรีส์ระดับโลก ดึงดูดต่างชาติเยือนไทย

    สำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยในปี 2025 มีแนวโน้มเติบโต โดยได้รับอานิสงส์จากเทรนด์การท่องเที่ยวตามภาพยนตร์และซีรีส์ ซึ่งเป็น 1 ในเทรนด์สำคัญจากรายงานของ Trip.com เพราะเมื่อปี 2024 ที่ผ่านมา มีภาพยนตร์และซีรีส์ระดับโลกใช้ไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำถึง 2 เรื่องด้วยกัน โดยต่างก็มีกำหนดการฉายในปีนี้ ได้แก่ Jurassic World: Rebirth และ The White Lotus 3 กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสนใจเดินทางมาเยือนสถานที่ที่ปรากฏในภาพยนตร์และซีรีส์

    Boon Sian Chai เผยว่า “ยอดจองโรงแรมในไทยเพิ่มขึ้นอย่างมากสืบเนื่องจากความนิยมของ The White Lotus 3 และ Jurassic World: Rebirth เมื่อเราเปรียบเทียบการจองโรงแรงในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทำ เช่น ภูเก็ต กระบี่ เกาะสมุย และพังงา พบว่ามียอดจองเพิ่มขึ้นราว 20% เทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนความสนใจในจุดหมายปลายทางเหล่านี้ที่เพิ่มขึ้น ด้วยภาพยนตร์และซีรีส์ทั้ง 2 เรื่องต่างก็แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติอันงดงามและความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมของไทย”


Boon Sian Chai


    ด้านนักท่องเที่ยวจีนที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยเสมอมา และมีจำนวนมากที่ยกเลิกการมาเยือนไทยด้วยวิตกกังวลเรื่องความปลอดภัยสืบเนื่องจากข่าวการลักพาตัวนักแสดงชาวจีนไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อใช้แรงงานผิดกฎหมาย

    Boon Sian Chai มองว่าประเด็นนี้จะเป็นปัญหาในระยะสั้นเท่านั้น เพราะไทยยังมีศักยภาพในการเป็นจุดหมายปลายทางคุณภาพ ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม ที่พักและบริการน่าประทับใจ อาหารอร่อย วัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ต่อเนื่องไปจนค่าครองชีพที่เข้าถึงได้ ทำให้โดยรวมแล้วมีความคุ้มค่าแก่การมาเยือน


‘ประสบการณ์’ นำเทรนด์ท่องเที่ยวปี 2025

    ภาพรวมทั่วโลกตลอดปี 2024 ที่ผ่านมา Trip.com มองเห็นเทรนด์การท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่นำมาซึ่งความสุขและการเติมเต็มเหนือวัตถุ โดยเทรนด์นี้มีแนวโน้มจะยังเติบโตต่อเนื่องในปี 2025

    ในโอกาสนี้ Trip.com จึงเผยแพร่ Momentum 2025: Travel's Next Big Trends หรือรายงานวิเคราะห์แนวโน้มเทรนด์การท่องเที่ยวในปี 2025 โดยอ้างอิงจากข้อมูลเชิงลึกของนักท่องเที่ยวกว่า 6,000 คนจาก 6 ตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และฮ่องกง ซึ่งมีประเด็นสำคัญ ดังนี้


1) การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Culinary Tourism)

    นักท่องเที่ยวกำลังมองหาประสบการณ์ด้านอาหารควบคู่ไปกับการท่องเที่ยว ข้อมูลจาก Trip.com เผยว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม 2024 ผู้ใช้งาน 60% มีการค้นหาคอนเทนต์เกี่ยวกับอาหารบนแพลตฟอร์ม ทั้งเทศกาลอาหาร (62%), การรับประทานอาหารในโรงแรม (60%) และทัวร์สตรีทฟู้ด (52%)


2) เที่ยวตามภาพยนตร์และซีรีส์ (Media-Inspired Travels)

    อิทธิพลของภาพยนตร์และซีรีส์แข็งแกร่งกว่าที่เคย เมื่อ 70% ของนักท่องเที่ยวทั่วภูมิภาควางแผนเดินทางโดยได้แรงบันดาลใจจากสื่อบันเทิงที่พวกเขารับชม ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุ 24-34 ปี


3) การท่องเที่ยวเรือสำราญ (Cruise Tourism)

    วิวทะเลอันงดงาม อากาศบริสุทธิ์ และประสบการณ์อันหลากหลายทำให้การล่องเรือสำราญท่องเที่ยวมีแนวโน้มเติบโตอย่างมากในปี 2025 สำหรับจุดหมายปลายทางยอดนิยม ได้แก่ โตเกียว เกียวโต เกาะเชจู และมัลดีฟส์ โดยนักท่องเที่ยว 44% ให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารบนเรือสำราญ, 38% มองหาแพ็คเกจครบวงจร และ 31% สนใจการแสดงสดหรือความบันเทิงต่างๆ



4) การท่องเที่ยวเพื่อความบันเทิง (Entertainment Tourism)

    ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ The Eras Tour ของนักร้องสาว Taylor Swift ที่กลายเป็นปรากฏการณ์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจท่องเที่ยวทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันกีฬาต่างๆ เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล และรถ Formula 1 ที่ผู้ชมสนใจไปดูแบบชิดติดขอบสนาม ซึ่งจากรายงานของ Trip.com นักท่องเที่ยวจากเอเชียแปซิฟิกเกือบ 2 ใน 3 วางแผนการท่องเที่ยวในช่วงเวลาที่มีการจัดคอนเสิร์ต และ 66% ตั้งใจเดินทางข้ามประเทศเพื่อไปรับชมศิลปินคนโปรดแสดงสดหน้าเวที


5) เที่ยวตามโซเชียลมีเดีย (Social Media Effect)

    เทรนด์บนโซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญในการกำหนดเทรนด์ท่องเที่ยวเช่นกัน จุดหมายปลายทางที่เป็นไวรัลบน TikTok มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกสถานที่ท่องเที่ยวมากถึง 45% ซึ่งโตเกียวและเกียวโตคือเมืองที่มีผู้คนไปเที่ยวตามโซเชียลมีเดียมากที่สุด


6) ไมโครเทรนด์ (Micro-Trends)

    นอกเหนือจากเทรนด์หลัก 5 ข้อข้างต้น นักท่องเที่ยวบางส่วนยังมองหาประสบการณ์แบบนิช (Niche Experiences) ซึ่งมีแนวโน้มกลายเป็นไมโครเทรนด์มาแรงของปีนี้ ได้แก่ การดูดาวใต้ท้องฟ้ามืดในพื้นที่อันห่างไกล, ประสบการณ์ท่องเที่ยวเน้นการมีส่วนร่วมอย่างโรงแรมใต้น้ำหรือการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และสุดท้ายคือการเข้ามามีบทบาทของนวัตกรรม AI ที่จะช่วยวางแผนรวมไปถึงให้คำแนะนำการท่องเที่ยวเฉพาะบุคคล


คนไทยยังเที่ยวไทย ‘เชียงใหม่’ ยืนหนึ่ง

    เมื่อมองลึกลงไปในเทรนด์การท่องเที่ยวโดยโฟกัสที่ชาวไทยเป็นหลัก จะพบว่า ตลอดปี 2024 ที่ผ่านมา ชาวไทยเองก็นิยมท่องเที่ยวในประเทศไม่น้อย ยอดจองเที่ยวบินเส้นทางกรุงเทพฯ - เชียงใหม่บน Trip.com มีจำนวนเพิ่มขึ้นและคิดเป็นสัดส่วน 10% ของยอดจองเที่ยวบินในประเทศทั้งหมด ส่วนเส้นทางที่ได้รับความนิยมรองลงมาคือกรุงเทพฯ - หาดใหญ่

    ชาวไทยที่ท่องเที่ยวในประเทศมักมองหาที่พัก 4 ดาว โดยเน้นคุณภาพมาก่อนความหรูหรา สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่มองหาความคุ้มค่าควบคู่ไปกับประสบการณ์ ทั้งนี้ชาวไทยที่เดินทางในประเทศจำนวนมากเดินทางด้วยเหตุผลด้านการทำงานหรือธุรกิจ ทำให้พวกเขามองหาตัวเลือกการเดินทางที่ประหยัดและที่พักที่ราคาเป็นมิตรเป็นหลัก

    ส่วนชาวไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ญี่ปุ่นยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม ข้อมูลจาก Trip.com เผยเที่ยวบินเส้นทางกรุงเทพฯ - โตเกียวมาแรงอันดับ 1 ตามด้วยฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้



    รายงาน Momentum 2025: Travel's Next Big Trends ยังพบว่าคนไทยมีพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่

    • คนไทย 63% สนใจเทศกาลอาหาร โดยชาว Gen Z มองหาทัวร์สตรีทฟู้ดมากพอๆ กับร้านอาหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

    • คนไทย 82% ท่องเที่ยวตามรอยรายการโทรทัศน์ ซีรีส์ หรือภาพยนตร์ทั้งไทยและต่างประเทศ อาทิ ธี่หยด แดจังกึม มาสเตอร์เชฟ เชฟกระทะเหล็ก ไททานิค และแฮร์รี่ พอตเตอร์

    • คนไทย 85% เคยท่องเที่ยวในช่วงเวลาที่มีการจัดคอนเสิร์ตอย่างน้อย 1 ครั้ง โดยเฉพาะชาวมิลเลนเนียลและ Gen Z

    • คนไทยใช้โซเชียลมีเดียช่วยตัดสินใจ โดย 69% จองทริปตามเทรนด์ จุดหมายปลายทางยอดนิยม ได้แก่ โตเกียว เกียวโต และโซล ตามลำดับ

    สิ่งที่นักท่องเที่ยวชาวไทยมองหาในการไปเยือนต่างประเทศคือประสบการณ์สุดพิเศษที่มาพร้อมคุณค่า โดยมีความสนใจในวัฒนธรรมประจำแต่ละพื้นที่ และบางส่วนมองหาทริปชิมอาหารท้องถิ่นเหนือประสบการณ์ลักชัวรี่


Trip.com ผนึกกำลังพาร์ทเนอร์สู่การท่องเที่ยวยั่งยืน

    Trip.com มองความท้าทายสำคัญประการหนึ่งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวปี 2025 คือต้องให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนควบคู่ไปการสร้างความเติบโต เพราะในปัจจุบันทั้งนักท่องเที่ยว องค์กร และธุรกิจหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น ซึ่ง Trip.com เองก็มีการดำเนินนโยบายและกิจกรรมสนับสนุนประเด็นดังกล่าว ผ่านการพัฒนากลยุทธ์ นวัตกรรม ตลอดจนร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ

    ยกตัวอย่างกรณีภาวะนักท่องเที่ยวล้นเมือง (Overtourism) ที่กลายมาเป็นปัญหาของผู้คนในท้องถิ่นของจุดหมายปลายทางยอดนิยมต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงไทย ทำให้ Trip.com เดินหน้าโปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวคุณภาพที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักให้มากขึ้น สร้างความน่าสนใจให้สถานที่ใหม่ๆ เพื่อกระจายนักท่องเที่ยวไปยังที่อื่นๆ ได้มากขึ้น

    โดย Trip.com ได้ลงทุนและทำการตลาดผ่านความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งได้รับผลตอบรับอย่างดี อาทิ ตราด ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโต 125.44%, ระยอง เติบโต 121.98% , นครราชสีมา เติบโต 75.63%, อุดรธานี เติบโต 67.75% และนนทบุรี เติบโต 65.43% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

    Trip.com ยังผนึกกำลังกับพาร์ทเนอร์โรงแรมในนานาประเทศ สร้างมาตรฐาน Low-Carbon Hotel Initiative เพื่อมุ่งเน้นการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น ปล่อยคาร์บอนน้อยลง ตั้งแต่การใช้พลังงานหมุนเวียน ต่อเนื่องไปจนถึงการใช้ระบบและอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน

    นอกจากนี้ บนแพลตฟอร์มของ Trip.com ยังพัฒนาฟีเจอร์พิเศษที่ช่วยนำเสนอโรงแรมและที่พักยั่งยืนตามมาตรฐานของ GSTC เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมสามารถค้นหาที่พักที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังมีการเปิดตัวฟิลเตอร์สำหรับค้นหาโรงแรมในหัวข้อ ‘Low-Carbon’ ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่มองหาโรงแรมคาร์บอนต่ำตามเกณฑ์ของ Trip.com ซึ่งราว 70% ของโรงแรมเหล่านี้มียอดผู้เข้าพักเติบโตถึง 10% ต่อเดือน

    ดังนั้น เมื่อมองภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปี 2025 ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดี ธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องควรทำความเข้าใจเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงปรับตัวตามความต้องการของผู้บริโภค โดยไม่ลืมใส่ใจความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม


ภาพ:

Trip.com

Humphrey Muleba from Pexels

Salvador Chinchilla from Pexels


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ชวนรู้จักที่พักหรูบน ‘เกาะสมุย’ และ ‘ภูเก็ต’ ตามรอย The White Lotus ซีซั่น 3

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine