หลายเดือนมานี้เราได้เห็นภาพของโรงแรมแบรนด์ใหม่ในไทยที่ชื่อ “เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน” ปรากฏผ่านสื่อสังคมออนไลน์บ่อยครั้งจากเหล่าบล็อกเกอร์ อินฟลูเอนเซอร์ และเซเลบริตี้หลายคนที่มีโอกาสได้มาใช้บริการโรงแรมคอนเซ็ปต์ใหม่แห่งนี้
เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน (The Standard, Hua Hin) เป็นเชนโรงแรมในเครือ Standard International ที่มีต้นกำเนิดจากย่านฮอลีวูดในสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน เดอะ สแตนดาร์ด โฮเทลส์ มีเปิดในหลายเมือง ได้แก่ Ibiza, East Village, NYC, High Line, NYC, London, Maldives และ Miami Beach ส่วนในไทยมีที่ หัวหิน เปิดบริการมาแล้ว 7 เดือน และภายในสิ้นปี 2565 นี้จะเปิดอีกแห่งที่กรุงเทพฯ (อาคารมหานคร) และอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเปิดในภูเก็ตเป็นแห่งต่อไป โรงแรมสายอาร์ตแห่งนี้ ให้ความรู้สึกแตกต่างทั้งในแง่รูปลักษณ์ทางสถาปัตยกรรม การออกแบบ กลิ่นไอ ศาสตร์สัมผัสของบรรยากาศและวัฒนธรรม ตลอดจนการให้บริการที่ต่างจากโรงแรม 5 ดาวเชนอื่นๆ ค่อนข้างชัดเจน แม้จะนิยามว่าตัวเองเป็นโรงแรมระดับลักชัวรี่ แต่ก็ให้ความรู้สึกเป็นกันเอง เรียบง่าย ทันสมัยในสไตล์ที่เป็นตัวเอง เริ่มตั้งแต่ป้ายชื่อโรงแรม The Standard หลายคนสงสัยทำไมถึงใช้ตัวอักษรสีแดงกลับหัว เป็นโลโก้ชื่อที่ใช้สื่อสารผ่านทุกช่องทาง มีบางครั้งหลายคนเข้าใจผิดว่าเจ้าหน้าที่ส่งเอกสารผิดพลาดทำให้ตัวอักษรกลับหัว และมีผู้หวังดีแก้กลับมาให้เป็นตัวอักษรตั้งหัวปกติก็มี ซึ่งไม่ใช่ครั้งเดียวแต่หลายครั้งที่พาร์ตเนอร์และคู่ค้าที่เกี่ยวข้องเข้าใจว่าชื่อตัวอักษรต้องตั้งขึ้นแบบปกติ แต่ทว่าไม่ใช่อย่างนั้น เพราะเจ้าของแบรนด์ต้องการสื่อสารด้วยตัวอักษรกลับหัวเพื่อสร้างความแตกต่าง และเรียกร้องให้สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น ความเป็นมาของโรงแรมแห่งนี้ก็น่าสนใจ ข้อมูลจาก Wikipedia ระบุว่า The Standard Hotel แห่งแรกเกิดขึ้นในฮอลลีวูด เป็นการเปิดให้บริการบน Sunset Strip ในปี 1999 (2542) ที่ West Hollywood รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งพัฒนาโดย Andre Balazs Properties โดยโครงสร้างเดิมสร้างขึ้นในปี 1962 (2505) ขณะนั้นใช้ชื่อ Thunderbird Motel เป็นบ้านพักคนชราเมื่อ Balazs ซื้อและนำมาสร้างใหม่ ได้เงินจากนักลงทุนดั้งเดิมของโรงแรมฮอลลีวูดเป็นเหล่าดาราฮอลีวูดชื่อดัง ได้แก่ Leonardo DiCaprio, Cameron Diaz, Benicio del Toro, D'arcy Wretzky และ James Iha จึงเป็นที่มาว่าทำไม เดอะ สแตนดาร์ด โฮเทลส์ จึงนิยามตัวเองว่า เป็นโรงแรมที่เน้นความเป็นอาร์ต และไลฟ์สไตล์ด้านเอ็นเตอร์เทนเมนท์ เพราะที่มาของทุนเริ่มจากคนในวงการบันเทิงนั่นเองอาร์ต โฮเทลส์
ย้อนกลับมาที่ เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน โรงแรมแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่และเปิดตัวในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ยังแพร่ระบาด ราวปลายปี 2564 ผ่านมาแล้วเกือบ 7 เดือน โรงแรมแห่งนี้เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยมากขึ้น หลายคนบอกว่าสไตล์โรงแรมที่นี่ค่อนข้างแตกต่างจากโรงแรม 5 ดาวในกลุ่มลักชัวรี่แบรนด์อื่นๆ ชัดเจน ซึ่งก็เป็นตามนั้นเพราะนอกจากชื่อโรงแรมในตัวอักษรหัวกลับแล้ว การออกแบบ การใช้พื้นที่ และการบริการก็ดูต่างออกไป
“เราเน้นความเป็นกันเองกับลูกค้า อยากให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนเป็นบ้านพักตากอากาศของตัวเอง การอำนวยความสะดวกเราจัดบริการเต็มที่ แต่จะให้ความอิสระกับผู้เข้าพัก และพยายามทำทุกอย่างให้เรียบง่าย สบายๆ” เป็นคำอธิบายคร่าวๆ ถึงสไตล์การให้บริการของพนักงาน ซึ่งก็เป็นตามนั้นสัมผัสที่ได้จากการมาพักที่นี่ คือความเป็นกันเองและทำตัวสบายๆ ห้องพักสะดวกสบาย ออกแบบแนวโมเดิร์น ที่มีความเป็นอาร์ตอยู่ในตัว ทั้งในห้องพัก และพื้นที่ส่วนกลาง เช่น แลนด์สเคปที่เป็นสวนโดยรอบยอมรับว่าออกแบบได้สวยและกลมกลืนกับธรรมชาติมาก ความสวยงามของสวนที่นี่ไม่ใช่การสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด เพราะบนพื้นที่ 12 ไร่ ริมหาดหัวหิน (ซอยหัวหิน 65) ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงแรม เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่อายุหลายสิบปี ตั้งต้นตระหง่านเรียงรายตั้งแต่พื้นที่จอดรถด้านหน้า ยาวต่อเนื่องไปถึงบริเวณสวนของโรงแรม และทอดยาวเป็นระยะไปยังพื้นที่ริมชายหาด ซึ่งเจ้าหน้าที่โรงแรมบอกว่า การออกแบบแลนด์สเคปที่นี่ยึดเอาต้นไม้ใหญ่เป็นหลัก จากนั้นค่อยออกแบบพื้นที่อาคารสิ่งปลูกสร้าง ให้รายรอบโดยไม่ตัดต้นไม้ใหญ่เลย แต่อาศัยร่มเงาไม้ใบบังเป็นสวนที่ร่มรื่นตลอดบริเวณ พร้อมจัดเสียงนก ประกอบเสียงธรรมชาติ สร้างบรรยากาศเหมือนเป็นสวนสาธารณะขนาดย่อม และในบางช่วงเวลาได้นำงานอาร์ต งานดีไซน์ มาจัดแสดงแบบกลมกลืนให้ลูกค้าได้ชื่นชมเมื่อเร็วๆ นี้ ทางโรงแรมได้ร่วมกับ HAY แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านชั้นนำจากประเทศเดนมาร์ก และ NORSE Republics ผู้นำเข้าแบรนด์ HAY และแบรนด์เฟอร์นิเจอร์สไตล์นอร์ดิกเจ้าใหญ่ที่สุดของประเทศไทย นำชิ้นงานดีไซน์ “Palissade Park Collection” และ “Balcony Collection” เปิดประสบการณ์ outdoor แบบ interactive ให้กับผู้มาเยือน และภายหลังจบงานไปเมื่อกลางเดือนพฤษภาคม โรงแรมได้ซื้อชิ้นงานบางชิ้นประดับไว้ในสวนเป็นไอโคนิกใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้สัมผัสอย่างต่อเนื่อง
เรียบหรูเป็นส่วนตัว
ในส่วนห้องพัก โรงแรมแห่งนี้มีห้องพักทั้งสิ้น 178 ห้อง เป็นห้องสวีทบนอาคารรวม และพูลวิลล่า 21 หลัง ซึ่งสร้างอยู่ติดหาด ด้วยดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ซ้ำใคร ทำให้ The Standard, Hua Hin เป็นจุดหมายใหม่ของนักเดินทาง สำหรับกลุ่มลูกค้าคนไทยผู้ชื่นชอบการพักผ่อนอย่างสร้างสรรค์ และกลุ่มลูกค้าที่เป็นแฟนคลับของ The Standard ทั่วโลก คนที่ชื่นชอบบริการแบบเรียบง่ายสบายๆ มีความโมเดิร์น มีความชื่นชอบในศิลปะและดนตรีอยู่ในหัวใจ
เพราะนอกจากงานแสดงศิลปะแล้วที่โรงแรม มักมีกิจกรรมเกี่ยวกับดนตรี และศิลปินมาให้แขกได้รื่นรมณ์ในช่วงสุดสัปดาห์
พูลวิลล่าทั้ง 21 หลัง ถูกออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัว แต่ละหลังแยกบริเวณด้วยสวนที่ร่มรื่น และด้านหน้าวิลล่า ก็มักจะมีกิมมิกส์ของการตกแต่ง เช่น เก้าอี้กลางสวน แปลยวนแนวอาร์ตให้ถ่ายภาพสวยๆ ได้ไม่เบื่อ ส่วนภายในบริเวณวิลล่า ออกแบบเป็นห้องโถงเพดานสูง ที่แบ่งสัดส่วนพื้นที่นั่งเล่น และส่วนเตียงนอนให้อยู่ด้วยกันโดยไม่อึดอัด
ส่วนห้องน้ำออกแบบพิเศษ มีความกว้าง โปร่งและจัดแสงได้อย่างสวยงาม ผนังกระจกช่วยเปิดพื้นที่ห้องภายในให้เชื่อมโยงกับพื้นที่ภายนอก และสระน้ำขนาดเล็กด้านหลังวิลล่าพร้อมเตียงอาบแดดอย่างเป็นส่วนตัว
แน่นอนพื้นที่เล่นน้ำในพูลวิลล่าเหล่านี้ ออกแบบความเป็นส่วนตัวด้วยสวนสีเขียว ไม่ให้คนภายนอกมองเข้ามาเห็น ทำให้ลูกค้าใช้เวลาพักผ่อนกับกิจกรรมเล่นน้ำ ได้อย่างสบายใจ
ส่วนบริการด้านอาหารเครื่องดื่มโรงแรมมีห้องอาหารและบาร์ Lido พร้อมเสิร์ฟเมนูสไตล์อิตาเลียนให้แขกผู้มาเยือน ตั้งแต่มื้อเช้า มื้อกลางวัน และมื้อเย็นกับครอบครัว ส่วน The Juice Cafe เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ หรือจะมาเติมเต็มความสดชื่นให้ร่างกาย ด้วยเมนูเครื่องดื่มหลากชนิดตั้งแต่กาแฟคั่วสด สมูทตี้ น้ำผลไม้คั้นสดหรือสกัดเย็น และของทานเล่นแบบเฮลท์ตี้
สำหรับมื้อสุดโปรดริมชายหาดคงหนีไม่พ้น Praca บ้านพักตากอากาศดั้งเดิมของราชนิกุลที่ได้รับการบูรณะใหม่อย่างไร้ที่ติ เสิร์ฟอาหารไทยสไตล์อิซากายะ รสชาติดั้งเดิมจับคู่กับค็อกเทลหรือไวน์ ส่วนคนที่อยากมาเติมพลังและปรนิบัติผิวอย่างครบครัน ที่นี่ก็มี The Spa เป็นอีกหนึ่งบริการในโรงแรมที่จะพลิกประสบการณ์การทำสปาไปจากเดิมด้วยสาตร์การบำบัดแบบเฉพาะตัว
ห้องสปาที่นี่ตกแต่งด้วยโทนสีสันสดใสแต่เรียบง่ายสบายตาเข้าถึงความผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี ประกอบกับห้องทรีตเมนต์ส่วนตัวสี่ห้องมีทั้งแบบคู่และแบบเดี่ยว บริการโดยเทอราปิสผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมฟื้นฟูความกระปรี้กระเปร่าผสมผสานการทำทรีตเมนต์แบบดั้งเดิม ช่วยให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย และสดชื่น เช่นบริการบำบัดด้วยเสียง ซึ่งเป็นศาสตร์สปาที่มีบริการไม่มากนัก ถ่ายทอดมาจากศาสตร์ของธิเบต เป็นทางเลือกของศาสตร์แห่งการบำบัดอีกรูปแบบที่น่าสนใจ
โดยภาพรวม The Standard, Hua Hin มีไสตล์ที่เฉพาะตัว มีความโมเดิร์น และบริการที่พร้อมสรรพสำหรับคนหนุ่มสาวนักเดินทาง แต่สำหรับกลุ่มครอบครัวที่นี่อาจยังขาดพื้นที่บริการสำหรับเด็กๆ แต่ทางโรงแรมกำลังออกแบบและพัฒนาพื้นที่เหล่านี้เพิ่มเติม
ทั้งในส่วนของสระว่ายน้ำส่วนกลางที่มีอยู่แล้ว และพื้นที่ Kid Zone ที่จะพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ที่ทางโรงแรมเพิ่งได้คำแนะนำจากการฟังเสียงสะท้อนของลูกค้าผู้มาใช้บริการ
การปรับปรุงนี้ก็อาจเป็นสิ่งที่เพิ่มเติมไปจากคอนเซ็ปท์ของ The Standard ทั่วโลก เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าคนไทย และกลุ่มลูกค้าครอบครัวที่เดิมไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายโดยตรง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลุ่มครอบครัวเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพอีกกลุ่ม ที่โรงแรมจะให้ความสำคัญมากขึ้น
อ่านเพิ่มเติม: ศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ นำทัพ BRI สร้าง New S-Curve ให้ ORIไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine