เปิดใจ ‘พราวพุธ ลิปตพัลลภ’ อะไรคือเหตุผลที่ต้องแปลงร่าง ‘อินเตอร์คอนฯ หัวหิน’ ในรอบ 15 ปี - Forbes Thailand

เปิดใจ ‘พราวพุธ ลิปตพัลลภ’ อะไรคือเหตุผลที่ต้องแปลงร่าง ‘อินเตอร์คอนฯ หัวหิน’ ในรอบ 15 ปี

ครอบครัว “ลิปตพัลลภ” เบนเข็มจากวงการรับเหมาก่อสร้าง ธุรกิจหลักของตระกูล มาปักหมุดในธุรกิจโรงแรมที่หัวหินเมื่อ 15 ปีก่อน เพียงเพราะคุณแม่จรัสพิมพ์ ของอดีตรองนายกรัฐมนตรีสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อยากจะลองทำธุรกิจอย่างอื่นดูบ้างว่าจะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหน ไม่มีใครคิดว่า “โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล รีสอร์ท หัวหิน” ที่สร้างบนที่ดินแปลงสวยติดทะเลขนาด 11.5 ไร่ผืนนั้น จะเปลี่ยนภาพตลาดโรงแรมระดับกลางในหัวหินสมัยนั้น ให้กลายเป็นตลาดลักชัวรีในปัจจุบัน


    พราวพุธ ลิปตพัลลภ ลูกสาวของสุวัจน์ ผ่านร้อนผ่านหนาวในการสู้ศึกการแข่งขันของตลาดโรงแรมมากว่า 10 ปี แม้กระทั่งการระบาดของโควิดในปี 2562 ก็ไม่สามารถทำอะไรธุรกิจโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล รีสอร์ท หัวหินได้

    เพราะขณะที่การแพร่ระบาดของโควิด ทำให้ธุรกิจหลายประเภทดิ่งลงเหว แต่ธุรกิจของโรงแรมภายใต้การบริหารของเธอกลายเป็นช่วงที่บูมที่สุด แม้จะไม่มีเงาของนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เห็น โรงแรมก็เต็มไปด้วยคนไทย เนื่องจากไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ อีกทั้งยังมีมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวจากรัฐบาล

    พราวพุธเล่าว่า โรงแรมอินเตอร์คอนฯ ที่หัวหิน มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยประมาณ 70% แม้กลุ่มเป้าหมายที่นี่จะเป็นลูกค้าครอบครัว แต่โรงแรมมีความเงียบสงบ ไม่มีเสียงเด็กวิ่งเล่น อย่างที่ได้เห็นโดยทั่วไป “ด้วยบริการและประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับ ลูกค้าที่เคยมาใช้บริการที่โรงแรมเรา จึงกลับมาอีก” พราวพุธเล่า


    ด้วยการแข่งขันที่โหดสุดๆ จากจำนวนห้องพักและจำนวนนักท่องเที่ยว พราวพุธจึงตัดสินใจทุ่มงบถึง 120 ล้านบาท เพื่อปรับโฉมโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท ครั้งใหญ่ ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด และเพิ่มประสบการณ์การพักผ่อนหัวหินในมิติใหม่ให้ลูกค้า

    การปรับโฉมของโรงแรมทำภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Next Chapter of The Legend, Where Nostalgia Meets Seaside Elegance” การรีโนเวตครั้งนี้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของบริเวณบีชวิง ยกระดับความลักชัวรีของล็อบบี้ ที่ได้รับการขยายพร้อมเพิ่มเรือนกระจกสำหรับเป็นมุมเล่นบอร์ดเกมของครอบครัว มุมให้บริการ Concierge อีกทั้งยังมีเพิ่มห้องสำหรับการเช็คอินของลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มแบบส่วนตัว


    ในส่วนของห้องพักและห้องสวีทมีทั้งหมด 119 ห้อง ภายในห้องมีสมาร์ททีวีขนาด 55 นิ้ว เครื่องเสียงฮาร์แมนคาร์ดอน พร้อมที่นอนระดับพรีเมียม และยังมีห้องพักประเภทใหม่ คือห้องสวีทแบบหนึ่งห้องนอนพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว

    ผู้เข้าพักยังจะได้พบกับประสบการณ์จากร้านอาหารเช้าแบบใหม่ มีทั้ง “hawker station” หรือ รถเข็นขายอาหารที่ตั้งใจจำลองบรรยากาศมาจากตลาดโต้รุ่งของหัวหิน

    นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มศูนย์กิจกรรมทางน้ำ ที่พร้อมจะให้บริการ Stand-up Paddle Boards หรือกระดานพายเรือแบบยืน มีเรือแคนูให้เล่น พร้อมกิจกรรมภายในโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นโยคะ ต่อยมวย หรือคลาสทำอาหาร และโดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว ทางโรงแรมได้มีการปรับปรุง Planet Trekkers คิดส์คลับสำหรับเด็กๆ และกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้และความบันเทิงอื่นๆ อีกหลายอย่าง


    และที่เด่นที่สุด คือ การเปิดตัว “อินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน เอ็กซ์เพรส” รถไฟขนาดเล็กสีแดงเบอร์กันดีที่จะให้บริการรับส่งลูกค้าทุกท่านภายในบริเวณโรงแรม เพื่อเป็นการสื่อถึงยุคทองของการท่องเที่ยวด้วยรถไฟ โดยเฉพาะเมื่อมีเส้นทางรถไฟมาสู่หัวหินหัวหินในช่วงปี 1920 และได้สร้างความเจริญรุ่งเรือง ทำให้หัวหินกลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง

    “โรงแรมของเราออกแบบมาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทุกเจเนอเรชั่น หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยง การสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าถือเป็นสิ่งสำคัญมาก คนมาเที่ยวที่นี่ไม่ได้ต้องการเรื่องของแบรนด์สแตนดาร์ด แต่อยากได้สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นมากกว่า” พราวพุธบอก

    ดังนั้นนอกจากให้ลูกค้ามาใช้เวลากับทางโรงแรมแล้ว บริษัทได้จับมือกับผู้ประกอบการท้องถิ่น เพื่อให้ลูกค้าของโรงแรมได้หาประสบการณ์ใหม่ๆ ในการมาหัวหินทุกครั้ง และจะทำให้คนกลับมาหัวหินอีก

    “เราอยากจะทำให้หัวหินจะเป็นท็อปออฟมายด์ของนักท่องเที่ยว”



    เทรนด์ที่เห็นมากขึ้นหลังโควิดก็คือ คนมองหาความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแต่ละสถานที่ที่เขาไป หัวหินทุกวันนี้ยังเป็นชายหาดที่เดินเข้ามาแล้วยังรู้สึกว่าเป็นประเทศไทยอยู่ หัวหินมีเสน่ห์เพราะมีความเป็นไทยที่ชัดเจนมาก

    แต่สิ่งที่เป็นข้อจำกัดเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว คือการคมนาคม การมาหัวหินต้องใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง แต่ปัญหานี้กำลังจะคลี่คลาย เพราะการก่อสร้างทางด่วนจากดาวคะนองถึงปากท่อกำลังจะเสร็จในเร็วๆ นี้ และการเปิดรถไฟรางคู่เมื่อ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้การเดินทางมาหัวหินสะดวกขึ้น

    นอกจากนี้ การมีเที่ยวบินระหว่างประเทศมาลงที่นี่มากขึ้น จะยิ่งทำให้การมาท่องเที่ยวหัวหินง่ายขึ้น

    “การฟื้นตัวของหัวหินหลังจากโควิดยังช้ากว่าภูเก็ตมาก ในปี 2566 มีนักท่องเที่ยว 5.8 ล้านคนเข้ามาหัวหิน แม้ว่าจะสูงกว่าช่วงก่อนโควิด แต่หากดูจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจากที่เคยมีอยู่กว่าล้านคนในปี 2562 เหลืออยู่เพียง 4 แสนคนในปีที่แล้ว จีนเป็นชาติที่หายไปค่อนข้างเยอะ ส่วนตลาดหลักอื่นๆ เช่น เกาหลี อังกฤษ เยอรมัน หายไปอย่างละนิดหน่อย แม้หัวหินวันนี้ยังไม่เห็นยังไม่เห็นการฟื้นเต็มที่ แต่เชื่อว่าตลาดจะกลับมาภายใน 2 ปี” พราวพุธบอก


    เธอคาดว่าจะเห็นเทรนด์การท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงจากตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกล (Long haul) มาเป็นการท่องเที่ยวจากกลุ่มคนอายุน้อยลง เป็นนักท่องเที่ยวแบบ F.I.T (Free Individual Traveler) ซึ่งหมายถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าพักตามลำพังเยอะขึ้น การจองผ่านเว็บไซต์ของโรงแรมจะเพิ่มขึ้น และอัตราราคาที่จะจ่ายสำหรับการเข้าพักก็จะสูงขึ้นอีก 15% ด้วยประสบการณ์แปลกใหม่ที่เรานำเสนอ

    “ปัจจุบันอัตราเข้าพักของโรงแรมอินเตอร์คอนฯ หัวหิน อยู่ที่ 60% ปลายๆ เทียบกับ 71% ใน ปี 2562 จากภาพการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจากชาติต่าง เราคิดว่าสัดส่วนของนักท่องเที่ยวที่หัวหินน่าจะเพิ่มเป็น 40-50% ในปีนี้ จาก 30% ในปีก่อน

    “ในปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ค่อนข้างดี เราเห็นการเพิ่มขึ้นทั้งกำไรและรายได้ ธุรกิจในหัวหินเติบโต 10% ขณะที่ในภูเก็ตโต 30% คิดเป็นรายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท

    “ตั้งแต่ปีหน้าเราจะเริ่มกลับไปลงทุนโรงแรมในภูเก็ตอีกครั้งหลังจากออกแบบไว้ตั้งแต่ปี 2559 และชะลอแผนไว้ชั่วคราว เนื่องจากหลังโควิด ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงเยอะ เราพบว่า 50% ของคนมาเที่ยวสวนน้ำของเราที่ภูเก็ตไม่ได้ค้างคืน เราจึงกลับมาทบทวนเรื่องจำนวนห้องพัก ขนาดดาวของโรงแรม การออกแบบ เรายังไม่รู้ว่า จะใช้แบรนด์เดิมหรือเปลี่ยนแบรนด์ใหม่ และต้องหาจุดขายให้ได้ว่าทำไมคนต้องมาที่โรงแรมของเรา” พราวพุธกล่าว

    เธอบอกอีกว่าบริษัทยังมีแผนพัฒนาส่วนต่อขยายโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลในภูเก็ตในพื้นที่อีก 2 ไร่ เริ่มก่อสร้างในปีนี้ และแล้วเสร็จในอีก 2 ปี โดยเป็นการเพิ่มห้องพักในฝั่งภูเขา หลังจากนั้นอาจจะมีโครงการโรงแรมที่อ่าวพังกา เกาะสมุย เป็นโครงการต่อไป



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : “ไมเนอร์ โฮเทลส์” ลุยเต็มสูบ ตั้งเป้าเปิดโรงแรมใหม่ 200 แห่งใน 3 ปี

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine